ปี ค.ศ.2020 นอกจากจะเป็นการก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่แล้ว ยังเป็นปีที่กำลังจะมีอีเวนต์ใหญ่น่าสนใจให้ติดตามกัน อย่างเช่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ ประเทศญี่ปุ่น ที่หลายคนคาดหวังกันมาก เนื่องจากในช่วงปิดงานกีฬาโอลิมปิกปี ค.ศ.2016 ญี่ปุ่นยั่วน้ำลายคนดูเบาๆ ด้วยการนำเอาวัฒนธรรมป๊อปหลายอย่างมาปรากฏตัวให้เห็น ที่เด่นๆ ก็คือ ซูปเปอร์มาริโอ แล้วก็มีตัวละครการ์ตูนดังมากมายมาร่วมในงาน ไหนจะกัปตันสึบาสะ ไหนจะโดราเอมอน ไหนจะฮัลโหลคิตตี
ทางประเทศญี่ปุ่นเองคงรู้ดีว่าในปี ค.ศ.2020 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ชื่นชมทั้งการกีฬาและวัฒนธรรมป๊อปเดินทางเข้าประเทศมาไม่น้อย ทำให้ในปีนี้มีการฉายภาพยนตร์อนิเมะที่ถือว่าเป็นภาคต่อ ภาคแยก หรือภาคใหม่เอี่ยมของแฟรนไชส์การ์ตูนดังหลายเรื่องจน The MATTER อยากจะแนะนำ เผื่อว่าถ้าใครมีโอกาสได้ไปญี่ปุ่นแล้วเจอรอบหนังฉายจะได้ไม่พลาด และบางเรื่องอาจตั้งใจทำสินค้ารอผู้ชมชาวต่างชาติเลยก็เป็นได้ เตรียมตังค์ไว้เลย
หรือในทางกลับกัน ก็น่าลุ้นอยู่ลึกๆ ว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะได้มีโอกาสมาฉายในไทยบ้าง
Digimon Adventure Last Evolution Kizuna
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่น 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2020
ความจริงแล้วดิจิมอนไม่ได้หายหน้าหายตาไปจากคนดูนานเท่าไหร่ อย่างในช่วงปี ค.ศ.2015-2018 ที่ผ่านมาก็มีการสร้างภาพยนตร์ ‘Digimon Adventure Tri.’ ที่จะบอกว่าเป็นดับเบิลไตรภาคก็น่าจะได้ แต่ถึงภาค Tri. จะมีคนชื่นชมในแง่ทำให้ชวนคิดถึง แต่หลายคนก็ดูจะไม่ค่อยโอเคกับความยวบยาบของการเดินเรื่อง และการปรับเปลี่ยนภาพจนคนไม่คุ้นตา
จนกระทั่งในช่วงปี 2019 ค.ศ.ก็มีการประกาศว่าจะสร้างภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 20 ปีของแฟรนไชส์ดิจิมอนที่ใช้ชื่อว่า ‘Digimon Adventure Last Evolution Kizuna’ แถมยังพาดคำโปรยโปรโมตมาว่าภาคนี้จะเป็น “การผจญภัยครั้งสุดท้ายของไทจิกับอากูมอน” แค่นี้ก็แทบจะรีดทรัพย์ออกจากกระเป๋าเงินเด็กยุคปลาย 1990s กับ เด็ก 2000s ที่เคยดูอนิเมะเรื่องนี้แล้ว
ภาพยนตร์ภาคนี้จะเล่าเนื้อหาเว้นจากภาค Tri. ไปห้าปี พวกไทจิได้ค้นพบว่าเพื่อนๆ แต่ละค้นเริ่มแยกย้ายไปตามเส้นทางความชอบของตัวเอง และ ‘เด็กที่ถูกเลือก’ ซึ่งกำลังเติบโตขึ้นกำลังจะหมดความสามารถพิเศษในการเชื่อมโยงกับเหล่าดิจิมอนประจำตัว ในช่วงเวลาระหว่างนั้น กลับเกิดเหตุดิจิมอนตัวใหม่ปรากฏตัวออกมาชิงสติสัมปชัญญะของ ‘เด็กที่ถูกเลือก’ ที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก พวกไทจิกับอากูมอนจึงตัดสินใจเข้าต่อสู้กับดิจิมอนลึกลับ แม้ว่าการใช้พลังนี้จะทำให้พวกเขาต้องจากกันตลอดกาลแบบเร็วกว่าที่คาดไว้
ภาพยนตร์ได้ผู้เขียนบทจาก ‘Digimon Adventure’, ‘Digimon Frontier’ และ ‘Digimon Savers’ มาเขียนบทให้ ส่วนตัวนักพากย์จะใช้ชุดเดิมจากภาค Tri. และในตัวอย่างสุดท้ายของภาพยนตร์ก็เอาเพลง Butter-Fly ของคุณ Wada Kouji ผู้ล่วงลับมาใช้งาน ที่ทำให้คนดูตัวอย่างแทบจะน้ำตาไหลและตะโกนตามเพลงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
Eiga Doraemon: Nobita no Shin Kyoryu
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่น 6 มีนาคม ค.ศ.2020
เพราะว่าโดราเอมอนมีอายุครบรอบ 50 ปี มาตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2019 ทำให้โดราเอมอนมีหลายๆ อีเวนต์จัดตามออกมาจนถึงปี ค.ศ.2020 เพื่อฉลองอายุให้กับหุ่นยนต์แมวที่หลายคนคุ้นเคยตัวนี้ อย่างในช่วงปลายปีก่อนก็มีเปิดร้านจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นทางการของแฟรนไชส์ และคาดว่าโดราเอมอนจะไปปรากฏตัวในงานเปิดโอลิมปิกเช่นเดียวกับที่เคยไปปรากฏตัวช่วงปิดงานกีฬาโอลิมปิกปี ค.ศ.2016
ดังนั้นโดราเอมอนฉบับภาพยนตร์ที่ปกติจะมีการฉายอยู่ทุกปีจึงมีความพิเศษที่น่าจดจำไม่น้อย เพราะจากรายละเอียดที่เปิดเผยมา ‘Eiga Doraemon: Nobita no Shin Kyoryu’ ในภาคนี้ โดราเอมอนกับโนบิตะได้ไปพบกับไข่ไดโนเสาร์จากยุคอดีต แล้วตัดสินใจฟักไข่จนกลายเป็นไดโนเสาร์ฝาแฝด ที่ถูกตั้งชื่อว่า คิว กับ มิว ก่อนที่โดราเอมอนและโนบิตะจะเดินทางกลับไปยุคครีเทเชียสเพื่อหาพวกพ้องของไดโนเสาร์ฝาแฝด เพราะทั้งสองตัวเป็นไดโนเสาร์สปีชีส์ที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน
สังเกตได้ว่าเนื้อเรื่องของภาพยนตร์ภาคนี้ เป็นการอ้างพล็อตของภาพยนตร์อนิเมะโดราเอมอนภาคแรกสุด ‘โดราเอมอน ตอน ไดโนเสาร์ของโนบิตะ’ (Eiga Doraemon: Nobita no Kyoryu) แน่นอนว่าต้องมีอะไรใหม่ๆ ที่ใส่เข้ามา ทั้ง easter egg กับ กิมมิกจำนวนมากที่จะบอกเล่าถึงการเดินทางของโดราเอมอนตลอดในช่วง 50 ปี และเราคงได้เห็นความเชื่อมโยงกับภาพยนตร์ภาคแรกสุดเช่นกัน
เรื่องนี้น่าจะเป็นไม่กี่เรื่องที่วางใจได้แน่นอนว่าจะเข้ามาฉายในประเทศไทย เพราะภาพยนตร์ภาคก่อนหน้านี้ก็เข้าฉายในบ้านเรามาโดยตลอดเช่นกันนั่นเอง
Majo Minarai wo Sagashite
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่น 15 พฤษภาคม ค.ศ.2020
เห็นชื่อภาพยนตร์อาจจะงงกันนิดหน่อยว่าเรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่คนไทยคุ้นเคยรึเปล่า ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะตัวชื่อภาพยนตร์นั้นไม่ได้เป็นชื่อของแฟรนไชส์โดยตรง แต่ถ้าแปลแล้วจะได้ความว่า “ตามหาลูกศิษย์แม่มด” เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 20 ปี ของแฟรนไชส์ Ojamajo Doremi หรือ ‘แม่มดน้อยโดเรมี’ นั่นเอง
ต้องเท้าความก่อนว่าหลังจากที่อนิเมะแม่มดน้อยโดเรมีภาคดั้งเดิมจบลง ก็มีทั้งการต่อยอดเนื้อเรื่องออกมาเป็นอนิเมชั่นขนาดสั้น ไปจนถึงฉบับนิยายที่ให้ ฮารุคาเซะ โดเรมี และเพื่อนๆ จากอนิเมะภาคดั้งเดิมเข้าเรียนในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปแล้ว
ส่วนเนื้อหาของภาพยนตร์ภาคใหม่นี้ จากรายละเอียดที่เปิดเผยมาแล้วจะเป็นการเล่าเรื่องของหญิงสาวที่อยู่ในอายุวัย 20 สามคน ที่มารวมตัวกันเพราะอัญมณีเวทมนตร์ และได้ผจญภัยไปด้วยกัน โดยจะมีตัวละครชุดดั้งเดิมของแม่มดน้อยโดเรมีภาคดั้งเดิมมาปรากฏตัวด้วย แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีระบุว่าจะปรากฏตัวในฐานะตัวละครแบบไหน ส่วนสาวอายุวัย 20 จะแปลงร่างเป็นแม่มดด้วยหรือไม่ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป
นอกจากตัวละครเก่าที่กลับมาแล้ว ทีมงานทั้งผู้ออกแบบตัวละคร รวมถึงผู้กำกับและผู้เขียนบท (ซึ่งไปเขียนฉบับนิยายมาด้วย) จะกลับมารับหน้าที่เดิมในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นอรรถรสความเป็นแม่มดน้อยโดเรมีไม่น่าจะหายไปไหนอย่างแน่นอน
Evangelion: 3.0 + 1.0
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่น 26 มิถุนายน ค.ศ.2020
หลังจากทิ้งเชื้อให้แฟนคาใจกับ ‘Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo’ ไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 ฮิเดอากิ อันโนะ ที่เป็นผู้กำกับของภาคต้นฉบับก็พบพานไปแล้วหลายเรื่องราว ไหนจะดราม่ากับ Gainax บริษัทผู้ผลิตเก่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ผู้ถือสิทธิ์ของซีรีส์ถูกเปลี่ยนมือ ไปจนถึงดราม่าที่ผู้บริหารปัจจุบันของ Gainax ถูกจับ จนทำให้คุณอันโนะต้องออกแถลงการณ์ว่าการภาพยนตร์ Evangelion ภาคใหม่จะไม่มี Gainax เกี่ยวข้องในการสร้าง (ปัจจุบัน Khara บริษัทของคุณอันโนะเป็นผู้ถือสิทธิ์ส่วนใหญ่แทนแล้ว) ไหนจะแวะเวียนไปกำกับภาพยนตร์ ‘Shin Godzilla’ แล้วก็มีแผนงานสร้างภาพยนตร์ ‘Shin Ultraman’ ออกมาด้วย
แต่ในที่สุดภาพยนตร์ ‘Evangelion: 3.0 + 1.0’ ก็ประกาศเริ่มงานสร้างแบบเต็มรูปแบบในช่วงกลางปี ค.ศ.2017 และออกฉายตัวอย่างแรกในช่วงปี ค.ศ.2019 ที่กรุงปารีส ก่อนที่จะประกาศในช่วงปลายปีว่า ภาคสุดท้ายของ ‘Rebuild of Evangelion’ จะออกฉายในช่วงเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ.2020 นี้
แม้ว่าจะเป็นภาคต่อที่เว้นช่วงไปนาน แต่ Evangelion ก็ยังรักษาความนิยมมาได้โดยตลอด อย่างในปี ค.ศ.2019 ก็เพิ่งมีการนำเอาซีรีส์ต้นฉบับมาฉายบน Netflix และในช่วงก่อนที่ภาพยนตร์จะฉายภาคสุดท้ายของ ‘Rebuild of Evangelion’ ก็น่าจะมีอะไรมากระตุ้นให้คนดูอยากดูมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน และเชื่อว่าจะมีผู้นำเข้าภาพยนตร์ในไทยนำเรื่องนี้มาฉายเหมือนกับภาคก่อนหน้านี้อย่างแน่อน …แต่ฉากจบจะชวนมึนงงอีกไหม อันนี้คิดว่า “งง-แน่-นอน”
Stand By Me Doraemon 2
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่น 7 สิงหาคม ค.ศ.2020
อาจจะเพราะว่านี่เป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ของแฟรนไชส์โดราเอมอน จึงมีการสร้างภาพยนตร์ Stand By Me ภาคต่อขึ้นมารับกับวาระสุดพิเศษนี้ ถ้าใครยังจำได้ ‘Stand By Me Doraemon’ ภาคแรกเป็นการเอาหุ่นยนต์แมวสีฟ้าตัวกลมมาสร้างเป็นภาพยนตร์แบบ CG สามมิติเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก ทำให้ได้ภาพลักษณ์ใหม่ แต่ยังคงความอบอุ่นแบบที่คนดูคุ้นเคย
ภาคแรกเป็นการเล่าเรื่องราวของการพบกันครั้งแรกของโดราเอมอนกับโนบิตะในแบบใหม่ ก่อนจะผสานกับเรื่องราวอื่นๆ อย่างตอนการแต่งงานของโนบิตะ แล้วลงเอยด้วยการผนวกเรื่องเข้ากับตอนน้ำยาโกหก ส่วนในภาคต่อมีการปล่อยตัวอย่างแรกให้ชมกันแล้วว่าจะปรับเอาเนื้อหาจากภาพยนตร์ ‘Doraemon: Obaachan no Omoide’ ที่โนบิตะย้อนเวลาไปพบกับคุณย่า (โดราเอมอนฉบับล่าสุดที่นำมาฉายทางช่อง 9 ใช้ชื่อตอนว่า ‘ความทรงจำของคุณย่า’)
ตัวภาพยนตร์ ‘Stand By Me Doraemon 2’ ยังได้ ยางิ ริวอิจิ กับ ยามาซากิ ทาคาชิ มารับหน้าที่เป็นผู้กำกับเช่นเดียวกับภาคแรก โดยที่ยามาซากิยังควบตำแหน่งเขียนบทภาพยนตร์เหมือนเดิม และด้วยเนื้อหาที่อ้างอิงมานั้นเป็นตอนที่คนดูหลายคนชื่นชอบอยู่แล้ว อนุมานได้เลยว่าในภาคนี้ก็น่าจะทำให้คนดูได้ร้องไห้อย่างเป็นสุขได้อย่างไม่ยากเย็น
Pretty Guardians Sailor Moon Eternal
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่น 11 กันยายน ค.ศ.2020
เซเลอร์มูนกลับมาสู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ.2014 ในภาค ‘เซเลอร์มูน คริสตัล’ ที่มีการปรับรายละเอียดหลายอย่างให้สอดคล้องกับมังงะต้นฉบับตามความตั้งใจของอาจารย์ ทาเคอุจิ นาโอโกะ ผู้เขียนมังงะต้นฉบับมากขึ้น แต่ในช่วงที่ฉายใหม่ๆ ก็มีเสียงบ่นจากผู้ชมในการปรับเอาความทันสมัยบางอย่างมาใช้งาน เซเลอร์มูนภาคนี้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการนำเสนออีกครั้งในช่วง ซีซั่นที่ 2 และ 3
การเปลี่ยนแปลงในครั้งหลังอาจจะไม่ถึงขั้นถูกใจผู้ชมทุกคน แต่ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้มีแฟนติดตามรับชมอนิเมะเรื่องดังกล่าวจนถึงซีซั่นที่ 3 ที่ออกฉายในช่วงปี ค.ศ.2016 ก่อนที่ตอนตอนสุดท้ายของซีซั่นจะเผยให้เห็นว่า ภัยครั้งต่อไปกำลังจะมาถึง …แต่กลับไม่มีข่าวการสร้างซีซั่นที่ 4 ออกมาเลยในช่วงหลังจากนั้น
จนเวลาผ่านไปสามปี ทาง Toei Animation ที่รับหน้าที่ผลิตอนิเมะเซเลอร์มูนมาตั้งแต่ยุค 1990s ได้ประกาศว่า ภาคต่อของเซเลอร์มูนคริสตัล ซีซั่นที่ 4 จะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ที่ชื่อ ‘Pretty Guardians Sailor Moon Eternal’ แทน และเพื่อเป็นการตอบรับกระแสจากแฟนๆ ในภาคนี้จึงมีการดึงตัวเอา ทาดาโนะ คาซึโกะ ผู้ออกแบบตัวละครของอนิเมะเซเลอร์มูนฉบับดั้งเดิมมาออกแบบตัวละครให้ภาพยนตร์ และนำเอาผู้เขียนบทจาก ‘โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ’ ฉบับอนิเมะที่แสดงให้เห็นถึงความชำนาญในการดัดแปลงเรื่องจากมังงะที่มีต้นฉบับเข้มข้นให้ออกมาเป็นบทภาพยนตร์ที่ไหลลื่นได้มาร่วมงานด้วย
กระนั้นทางทีมผู้สร้างภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้ก็ไม่ได้คิดจะรวบรัดตัดบททุกอย่างจนอรรถรสความสนุกของเนื้อเรื่องให้หายไป และตัดสินใจจะฉาย ‘Pretty Guardians Sailor Moon Eternal’ เป็นภาพยนตร์สองภาคเพื่อเล่าเรื่องราวให้ครบถ้วนนั่นเอง ทั้งนี้ ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ ‘Pretty Guardians Sailor Moon Eternal’ ระบุว่าหนังมีกำหนดฉายนอกประเทศแล้วด้วย เพราะฉะนั้นตัวหนังน่าจะออกมาอลังการแน่นอน
Kimetsu no Yaiba Movie: Mugen Ressha-hen
เริ่มฉายที่ญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ค.ศ.2020
ดาบพิฆาตอสูร ถือว่าเป็นมังงะจากญี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงจนเท่าเทียมกับผลงานรุ่นพี่ระดับ One Piece ได้ และเนื่องจากปี ค.ศ.2019 มีภาพยนตร์ของ One Piece กับ My Hero Academia ออกฉายไปแล้ว ดังนั้นปี ค.ศ.2020 น่าจะเป็นปีที่ทางนิตยสารโชเน็นจัมป์ให้โฟกัสการโปรโมตในช่วงภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายแบบจริงจังแน่นอน
ภาพยนตร์ดาบพิฆาตอสูรที่ออกฉายในปี ค.ศ.2020 จะไม่ได้สร้างเนื้อเรื่องใหม่ แต่เป็นการเดินเรื่องต่อจากฉบับอนิเมะซีรีส์โทรทัศน์ ซึ่งจะเป็นการดัดแปลงจากมังงะในช่วง ‘บทรถไฟแห่งนิรันดร์’ ที่กลุ่มตัวละครหลัก ทั้งทันจิโร่กับเนะซึโกะต้องร่วมมือกับ เร็นโกคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิง เข้าต่อสู้กับ เอนมุ อสูรความฝัน ที่สะกดผู้โดยสารบนรถไฟให้หลับใหลกับฝันที่งดงาม
แม้ว่าตัวภาพยนตร์จะถูกสร้างจากมังงะต้นฉบับที่มีปลายทางชัดเจนมากอยู่แล้ว กระนั้นหากย้อนไปงานสร้างอนิเมะซีรีส์โทรทัศน์ที่ได้ทาง ufotable เป็นผู้ผลิต จะพบว่าในฉบับดังกล่าวมีการเพิ่มรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ลงไปเพื่อทำให้ความเข้มแข็งของเรื่องเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้คนอ่านหลายคนเห็นว่า ฉบับภาพยนตร์อาจจะมีการสร้างฉากต่อสู้หวือหว่ากว่าที่เคย และฉากโลกความฝันที่พิสดารกว่าเก่า นอกจากนั้นยังมีข้อมูลจากคนในอุตสาหกรรมอนิเมะกล่าวว่า ทางชูเอย์ฉะที่เป็นต้นสังกัดของตัวมังงะทุ่มงบแบบไม่เกรงใจเพื่อให้ ดาบพิฆาตอสูร ปังเปรี้ยงแบบที่จะมาเป็นเสาหลักของตัวนิตยสารโชเน็นจัมป์ในอนาคตด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก
Twitter: @digi_advntr20th
Twitter: @evangelion_co
Twitter: @kimetsu_off