แม้การเป็นศิลปินจะได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลง แต่โลกของไอดอลก็ถือว่าเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง มีเพียงผู้ที่ทำกำไรเท่านั้นที่จะมีตัวตนและได้ไปต่อบนเส้นทางแห่งความฝันนี้ การตัดสินใจยุบวงและโบกมืออำลาวงการจึงเป็นภาพที่เห็นได้บ่อยครั้งในวงการ K-Pop ซึ่งวง NU’EST เองก็เคยเกือบจะต้องลงเอยกับชะตากรรมแบบนั้น
ด้วยคอนเซ็ปต์วงของ NU’EST ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ประกอบกับการถูกโยกย้ายไปมาในหลายประเทศ ทำให้แฟนคลับของ NU’EST เริ่มไม่มั่นใจในความมั่นคงของวงจึงเลือกที่จะ ‘หันหลัง’ ให้กับพวกเขา ยอดขายอัลบั้มของวงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการคาดเดาว่า อีกไม่นานวงนี้คงจะถูกยุบอย่างแน่นอน
ทว่าหลังการตัดสินใจเข้าร่วมรายการ Produce 101 Season 2 ชื่อเสียงของ NU’EST ก็เริ่มกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง พวกเขาได้รับความนิยมสามารถทำยอดขายอัลบั้มได้เกิน 200,000 แผ่นได้ภายในสัปดาห์แรก รวมถึงสามารถคว้าถ้วยรางวัลจากรายการเพลงได้เป็นครั้งแรกหลังจากเดบิวต์มาแล้ว 2,611 วัน!
วันนี้ YoungMATTER จึงอยากชวนทุกคนไปรู้จักกับพวกเขา ผ่านเรื่องราวต่างๆ บนเส้นทางสู่การเป็นไอดอลที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และการสร้างปรากฏการณ์เกิดใหม่จากรายการเซอร์ไวเวิลชื่อดัง
The Journey of NU’EST
NU’EST เดบิวต์ด้วยสมาชิกจำนวน 5 คน (เจอาร์, อารอน, แบคโฮ, มินฮยอน และเร็น) กับผลงานเพลง Face ในปี 2012 ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีศิลปิน K-Pop หน้าใหม่มากที่สุดในวงการ โดยมีบอยกรุ๊ป 33 กลุ่ม และเกิร์ลกรุ๊ป 38 กลุ่มที่เปิดตัวในปีนั้น ความโดดเด่นของสมาชิกและแนวเพลงที่ไม่เหมือนใครทำให้ NU’EST ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในวงน้องใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนั้น
การคัมแบคครั้งต่อมาพวกเขายังคงได้รับความนิยมและถือว่าประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินหน้าใหม่ เส้นทางชีวิตของ NU’EST เหมือนจะเต็มไปด้วยความสวยงาม จนเมื่อเข้าสู่ปี 2013 NU’EST ได้ปล่อยเพลง Hello ออกมา ซึ่งเพลงดังกล่าวทำสถิติได้อันดับบนชาร์ตเพลงสูงที่สุด อย่างไรก็ตาม แฟนๆ ของ NU’EST กลับไม่พอใจในการเปลี่ยนคอนเซ็ปต์เพลงในครั้งนี้ ทำให้ยอดขายอัลบั้มของพวกเขาเริ่มลดลง
5 เดือนต่อมา NU’EST คัมแบคอีกครั้งด้วยเพลง Sleep Talking แต่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงคอนเซ็ปต์อีกเช่นเคย เป็นเหตุให้แฟนคลับจำนวนมากไม่พอใจและส่งผลให้ยอดขายอัลบั้มลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทต้นสังกัดจึงตัดสินใจยุติการโปรโมทในประเทศเกาหลีกะทันหัน แล้วไปสร้างยูนิต NU’EST M ขึ้นมาแทน โดยเพิ่มสมาชิกชาวจีนเข้ามาเพื่อดำเนินกิจกรรมในประเทศจีนโดยเฉพาะ
คอนเซ็ปต์ที่ไม่แน่นอนและการโปรโมทที่ผิดพลาด
ในช่วงหลายเดือนที่โปรโมทอยู่ในประเทศจีน NU’EST ไม่ได้ออกผลงานเพลงใหม่อีกเลย อีกทั้งยังขาดการติดต่อกับแฟนต่างประเทศอย่างสิ้นเชิง ทำให้พวกเขาสูญเสียความมั่นคงจากแฟนคลับจำนวนมหาศาลไป ทั้งยูนิต NU’EST M ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หวัง ด้วยเหตุนี้เอง สมาชิกทั้ง 5 คนจึงได้กลับมาที่เกาหลีใต้และออกอัลบั้มเต็มชุดแรกซึ่งมาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่อีก แต่ถึงอย่างนั้นยอดขายอัลบั้มก็ยังคงลดลง ทางค่ายจึงรีบจบการโปรโมทคัมแบคครั้งนี้อย่างรวดเร็วและส่งพวกเขาไปทำงานที่ประเทศใหม่ นั่นคือ ‘ญี่ปุ่น’
NU’EST ใช้เวลาทำเพลงและออกอัลบั้มที่ญี่ปุ่นประมาณปีกว่าๆ ซึ่งในระหว่างนั้นไม่ได้มีการทำกิจกรรมใดๆ ในเกาหลีใต้เลย จึงส่งผลกระทบต่อฐานแฟนคลับเป็นอย่างมาก ปี 2016 พวกเขาคัมแบคผลงานในรอบปีครึ่งด้วยเพลง Overcome แต่ผลตอบรับยังคงไม่ดีขึ้น ยอดขายอัลบั้มลดต่ำลงจนน่าใจหาย
5 ปีภายหลังเดบิวต์ อายุวงเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แปรผกผันกับความสนใจและพื้นที่ในวงการ แสงสว่างบนทางเดินของ NU’EST ดูจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ แฟนๆ ต่างคาดเดากันว่าอีกไม่นานคงถึงจุดจบของวง
จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2017 Pledis Entertainment ต้นสังกัดของวง NU’EST ออกแถลงการณ์ว่าสมาชิกวง 4 คน (เจอาร์, แบคโฮ, มินฮยอน และเร็น โดยอารอนไม่ได้เข้าร่วมด้วยเนื่องจากปัญหาสุขภาพ) จะเข้าร่วมแข่งขันในรายการเซอร์ไวเวิล ‘Produce 101 Season 2’
จากซ้ายไปขวา แบคโฮ (คังดงโฮ) – เจอาร์ (จงฮยอน) – เร็น (ชเวมินกิ) – มินฮยอน (ฮวังมินฮยอน)
กลับไปเป็นเด็กฝึกอีกครั้งในการต่อสู้ครั้งใหม่
การตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันทำให้ NU’EST ถูกจับตามองและตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการแสดงที่ยังไม่ดีพอ รวมถึงสร้างความไม่พอใจให้คนบางกลุ่มด้วยเหตุผลว่าพวกเขาเคยเดบิวต์เป็นไอดอลมาแล้ว จึงมีฐานแฟนคลับมาก่อน ถือเป็นการเอาเปรียบผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เวทีการแข่งขันในรายการ Produce 101 Season 2 ได้กลายเป็นพื้นที่ที่ทำให้ NU’EST ได้พิสูจน์ความสามารถจนทำให้พวกเขาได้รับความนิยมอย่างท่วมท้นจากแฟนคลับทั้งในและนอกประเทศ
เจอาร์ (คิมจงฮยอน) – เป็นที่จดจำในเรื่องการทำงานหนักและทักษะความเป็นผู้นำที่โดดเด่น จนได้รับฉายาว่า ‘ลีดเดอร์แห่งชาติ’
แบคโฮ (คังดงโฮ) – เป็นที่จดจำจากความสามารถด้านการร้องเพลง และการให้คำปรึกษาที่ดีกับเด็กฝึกคนอื่นๆ
มินฮยอน (ฮวังมินฮยอน) – เป็นที่จดจำจากความสามารถในการร้องเพลง และเสน่ห์ในการวางตัวในรายการ
เร็น (ชเวมินกิ) – เป็นที่จดจำจากความใจดี หน้าตาหล่อเหลา และเป็นคนสร้างเสียงหัวเราะให้กับรายการ
สมาชิก NU’EST ได้ฝ่าฟันการแข่งขันรอบต่างๆ จนสามารถเข้าสู่รอบไฟนอลได้ทั้ง 4 คน ทว่าท้ายที่สุดแล้ว มีเพียงมินฮยอนคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับคะแนนโหวตเป็น 11 คนสุดท้ายและได้เดบิวต์เป็นสมาชิกวง Wanna One ความเสียใจและตกใจกับผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้เพลงของ NU’EST กลับมาขึ้นชาร์ตอีกครั้งในวันต่อมา พวกเขากลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในอินเตอร์เน็ท จนทางต้นสังกัดต้องออกมาแถลงการณ์ว่าจะมีการพูดคุยถึงกิจกรรมวงในอนาคตอย่างแน่นอน
W = Waiting
ตามกฎกติกาของรายการที่ไม่อนุญาตให้สมาชิก Wanna One ดำเนินกิจกรรมอื่นนอกจากกิจกรรมของวง ทำให้มินฮยอนไม่สามารถกลับมาทำงานในฐานะ NU’EST ได้เป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง ทาง Pledis Entertainment จึงประกาศว่าในระหว่างนั้นสมาชิกที่เหลือทั้ง 4 คนจะทำกิจกรรมวงต่อไปในฐานะ NU’EST W ซึ่งถือว่าเป็นซับยูนิต โดยหลังจากปล่อยเพลงแรกออกมา พวกเขาก็ได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากสาธารณชนทันที อีกทั้งยังสามารถทำยอดขายอัลบั้มได้สูงถึง 209,620 แผ่นในสัปดาห์แรก และคว้ารางวัลอันดับหนึ่งจากรายการเพลงมาครองได้ในที่สุด
NU’EST W ประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดอัลบั้ม ชาร์ตเพลงและรางวัลจากเวทีต่างๆ ความนิยมของวงพุ่งสูงขึ้นจนสามารถจัดคอนเสิร์ตเดี่ยวในประเทศและเดินสายเอเชียทัวร์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา
ปรากฏการณ์เกิดใหม่อีกครั้ง
หลังสิ้นสุดสัญญากับ Wanna One มินฮยอนก็กลับมาดำเนินกิจกรรมวงร่วมกับสมาชิกทั้ง 4 คน ชื่อของ NU’EST กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง พวกเขาได้รับการยอมรับในความสามารถและได้รับคำชมมากมายเกี่ยวกับผลงานเพลงต่างๆ รวมถึงผลงานเพลงในอดีตด้วย อัลบั้มล่าสุดอย่าง Happily Ever After ก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 221,364 แผ่นภายในสัปดาห์แรก (ทำลายสถิติของ NU’EST W ไปได้) และในที่สุดพวกเขาก็สามารถคว้าถ้วยรางวัลจากรายการเพลงในฐานะ NU’EST ร่วมกันเป็นครั้งแรกหลังจากเดบิวต์มาแล้ว 2,611 วัน เรียกได้ว่าเป็นบอยกรุ๊ปที่ใช้เวลานานที่สุดสำหรับการ 1st Win ในประวัติศาสตร์วงการ K-Pop
ความสำเร็จของ NU’EST เป็นสิ่งที่การันตีได้ว่าความนิยมของสมาชิกแต่ละคนนั้นไม่ได้มาจากรายการ Produce 101 Season 2 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะความกล้าที่จะเดินเข้าไปหาโอกาสและแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงต่างหากที่ทำให้ NU’EST ประสบความสำเร็จเช่นในวันนี้
7 ปีคงเป็นระยะเวลาที่มากพอในการพิสูจน์ว่าความรักและความพยายามบนเส้นทางไอดอลของพวกเขานั้นมีค่ามากเพียงใด
อ้างอิง
https://www.elimarieproduction.com
http://www.entertain.naver.com