มีไหม ประโยคไหนที่จำขึ้นใจมาได้จนทุกวันนี้?
ประโยคธรรมดาๆ ในหนังสือธรรมดาๆ แต่ดันทำงานกับใจเราได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่อ่าน ไม่ว่าจะหยิบหนังสือเล่มนั้นมาเปิดดูอีกกี่ที เมื่ออ่านถึงประโยคนี้ทีไร ก็เล่นเอาใจสั่นทุกรอบ
ทว่าความชอบก็มีหลายแบบ เราอาจชอบเพราะประโยคมันสละสลวย ชอบเพราะมันรีเลทกับความเป็นเรา ชอบเพราะมันเติมเต็มความเว้าแหว่งในใจ หรือชอบเพราะมันตอบคำถามที่เราเฝ้าถามตัวเองมาตลอด
ยิ่งเราคลุกคลีอยู่กับการอ่านมากเท่าไหร่ ประโยคที่ทำงานกับใจเราก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น จนไม่น่าเชื่อว่าหนังสือเล่มเล็กๆ จะสัมผัสไปถึงความรู้สึกในใจเราได้ขนาดนี้
และเนื่องในโอกาสที่งานสัปดาห์หนังสือฯ เวียนมาถึงอีกครั้ง เราเลยชวนชาว The MATTER ที่หลงใหลในการอ่านหนังสือ มาแชร์ประโยคที่ตัวเองประทับใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำ รวมถึงแบ่งปันไปสู่ผู้อ่าน เผื่อว่าจะมีใครตกหลุมรักประโยคนี้เหมือนกันกับเราบ้าง
“ผมได้ไปศึกษาหาข้อมูลมาเพิ่มเติม”
จากหนังสือ UNTITLED CASE : Human Horror เขียนโดย ยชญ์ บรรพพงศ์ และ ธัญวัฒน์ อิพภูดม
ประโยคเรียบง่าย ถูกเขียนโดย ‘ยชญ์ บรรพพงศ์’ ผู้เสพติดความลี้ลับ โฮสต์รายการพอตแคสต์ Untitled Case และประโยคนี้จะถูกแนะนำโดยใครไปไม่ได้นอกจาก ธัญวัฒน์ คู่หูที่แนะนำเอง พร้อมบอกความรู้สึกที่ยกให้ประโยคนี้เป็นประโยคในดวงใจว่า ‘ดูแล้วเป็นคนตั้งใจทำงานทำการ นิสัยน่าคบ ใส่ใจการศึกษาหาความรู้นอกตำราเรียน’
เอาล่ะ ใครอยากศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ก็ตามไปหาซื้อกันได้ เผื่อเขาจะออกเล่มใหม่กันเร็วๆ นี้ (ด่วน!)
“…เรื่องที่รี่เคยชอบพี่มันไม่ใช่เรื่องโกหก รี่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ…”
จากหนังสือ กุเชอร์รี่! (ชายผู้เป็นดั่งข้อยกเว้น The man out of question) เขียนโดย DOLLAROSAKA
ประโยคกินใจจากนวนิยายโด่งดัง หนึ่งในเรื่องที่บุกเบิกวงการนิยายแชตให้เฟื่องฟู ในยุคสมัยนั้นอาจเรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ‘กุเชอร์รี่’ ฟิคแชตที่ครองใจเหล่านักอ่านนักหมื่น
และประโยคนี้ถูกแนะนำโดยบัว, Editorial Staff พร้อมให้เหตุผลที่กินใจว่า ‘เราเชื่อว่าใครหลายคนน่าจะมี ‘ดลพัฒน์ แซ่เพ้ง’ เป็นของตัวเองเหมือนกับเชอร์รี่ คนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ยังยิ้มออกมาได้เวลาที่เผลอนึกถึง คนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ได้รู้สึกดีๆ กับเขา คนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขายังคือ ‘คนที่เป็นดั่งข้อยกเว้น’ ของเราเสมอมา’
แล้วทุกคนล่ะ มีดลพัฒน์ แซ่เพ้ง เป็นของตัวเองกันไหม?
“อย่ากลัวที่จะรักใคร…”
จากหนังสือ ฉันจะไม่ลืมร้านหนังสือโมริซากิ เขียนโดย ยางิซาวะ ซาโตชิ แปลโดย ธนัญ พลแสน
หากจะให้ครบถ้วนใจความแล้วนั้น มันมาจากเนื้อความเต็มที่ว่า “อย่ากลัวที่จะรักใคร รักคนอื่นให้เต็มที่จนกว่าจะเจอคนที่ใช่ แม้ว่าการรักใครสักคนอาจทำให้เราโศกเศร้า แต่อย่าใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวโดยไม่รักใคร เรื่องครั้งนี้น้าเป็นห่วงกลัวว่าทาคาโกะจังจะเลิกรักใครอีก ความรักเป็นเรื่องแสนวิเศษ ขอให้ทาคาโกะจังไม่ลืมเรื่องนี้ ความทรงจำที่ได้รักใครสักคนจะไม่มีวันเลือนหายไปจากหัวใจเด็ดขาด สิ่งนี้จะทำให้หัวใจของเราอบอุ่นเสมอ เดี๋ยวพอทาคาโกะจังอายุมากขึ้นเหมือนน้าก็จะเข้าใจเอง” (น.82)
ประโยคที่ถูกแนะนำโดย imhain_nnn พร้อมให้เหตุผลที่ชอบเพียงประโยคเดียว แต่ครบถ้วนทุกใจความว่า ‘ชีวิตเราก็เท่านี้’
“เราทุกคนเป็นมนุษย์เว้าแหว่ง อาศัยอยู่ในโลกบูดเบี้ยว”
จากหนังสือ ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย (Norwegian Wood) เขียนโดย ฮารูกิ มูราคามิ แปลโดย นพดล เวชสวัสดิ์
จาก 9 นักอ่าน มีถึง 2 คนที่แนะนำประโยคกินใจในหนังสือ ‘ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย’ แม้จะเป็นหนังสือเล่มเดียวกัน ทว่าประโยคที่พวกเขาชอบนั้นเป็นคนละประโยค เพราะแต่ละคนล้วนมีประโยคที่ทำงานกับใจของตัวเองต่างกันไป
ประโยคแรกนี้ ถูกแนะนำโดย ทีธาม, Content Writer พร้อมด้วยเหตุผลที่ว่า ‘หลังจากได้อ่านประโยคนี้ ทำให้เราได้กลับมาย้อนคิดกับตัวเองว่า เราต่างเว้าแหว่งไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในชีวิต เพราะเราเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งบนโลก มนุษย์ผู้มีเรื่องราวและอุปสรรคที่ต้องก้าวข้ามผ่านเป็นของตัวเอง ไม่ว่าความเว้าแหว่งนั้นจะเล็กหรือใหญ่ มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา’
‘ความเว้าแหว่งไม่ใช่สิ่งแปลกแยก แต่มันคือความธรรมดาสามัญที่เกิดขึ้นกับตัวเราและทุกคนบนโลก หนำซ้ำในโลกที่เราคาดเดาอะไรไม่ได้ว่า สิ่งใดจะวิ่งเข้าหาหรือสิ่งใดจะขาดลาไปจากเรา บางครั้งการปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามครรลองของธรรมชาติ อาจเป็นอีกทางสำหรับการใช้ชีวิตอันสวยงามและมีค่าของเราต่อไป’
“แค่ความตายก็เป็นข้อเท็จจริงชัดแจ้ง ไม่ว่าจะมองแง่ไหน ก็มองเห็นได้ชัด…”
จากหนังสือ ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย (Norwegian Wood) เขียนโดย ฮารูกิ มูราคามิ แปลโดย นพดล เวชสวัสดิ์
อีกหนึ่งประโยคจาก ‘ด้วยรัก ความตาย และหัวใจสลาย’ ซึ่งมีความหมายกับ ก. จากทีม VDO เพราะเป็นประโยคที่ทำให้เขาย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่ไม่มีใครนำกลับกลับมาให้ได้อีกต่อไปแล้ว
‘ครั้งแรกที่อ่านประโยคนี้ทำให้เรานึกถึงคืนวันที่แม่เสีย เรารู้สึกว่าตอนที่เราลืมตาตื่น แต่แม่หลับ แล้วเขาจะไม่ลืมตาตื่นอีกต่อไปแล้ว เราที่เฉยชากับแม่มาตลอดกลับรู้สึกผิดในหลายๆ เรื่อง ทุกวันนี้พอคิดถึงแม่ ก็จะนึกถึงคืนที่เขาเสียอยู่เสมอ’
“You wanted to be breathing so hard you became breathless.”
จากหนังสือ Open Water เขียนโดย Caleb Azumah Nelson
ถ้วนถ้อยหนึ่งในหนังสือที่ถูกขนานนามจากนิตยสาร TIME ว่าเป็นหนังสือขายดี และได้รับรางวัลหลากหลายเวที ซึ่งประโยคนี้เป็นถูกบันทึกลงในใจของ ใบบัว, Journalist ด้วยเหตุผลสั้นๆ ทว่ามีความหมายกับคนที่กำลังอยู่ตกในวังวนยากจะหลุดพ้นว่า ‘นี่เป็นประโยคที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่กำลังกดดันมากเกินไป’
“เอาไปไหว้ตอนพ่อมึงตายเถอะ”
จากหนังสือ มรดกตกผลึก เขียนโดย จักรพันธุ์ ขวัญมงคล
บทสนทนาของตัวละครที่สะท้อนก้องในหัว จนจาวาชิป, สายลับชื่อดัง หยิบยกมาเป็นประโยคโปรดในดวงใจเขา ด้วยเหตุผลเรียบง่ายว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าถ้าเจอแบบนี้จะตอบกลับยังไงดี แต่ตัวละครดันตอบกลับได้อยู่หมัด
‘เพราะเนื้อหาในเรื่องนี้ออกจะเป็นเรื่องตลกร้ายมาทั้งหมด แต่พอถึงจุดที่ชีวิตแสนตลกของคนซวยอย่างตัวเอกต้องเผชิญกับเรื่องจริงจังด่านแรก เนื้อเรื่องที่กำลังเข้มข้นแตกแตน กลับแทรกมุกตลกบุพการีเสียที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ในชีวิตจริงเอาไว้อย่างแนบเนียน โดยที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่า ถ้าเจอคำตอบแบบนี้มันจะเลี้ยวไปทางไหนได้ พอเจอคำตอบจากเรื่องนี้เข้าไปเลยประทับใจเอามากๆ’
“…Where the fear has gone there will be nothing. Only I will remain.”
จากหนังสือ Dune เขียนโดย Frank Herbert
ประโยคตราตรึงใจจาก Dune นิยายไซไฟขายดีติดอันดับ กวาดรางวัลมาแล้วหลายเวที รวมถึงเป็นหนังสือที่ได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกจากคนอ่าน และแน่นอนว่าหนึ่งในคนอ่านที่ประทับหนังสือเล่มนี้ก็คือ 24n7, Art Director ผู้ที่แนะนำประโยคข้างต้นมาให้เรา พร้อมด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ตอนที่อ่านถึงประโยคนี้ เรานึกถึงเวลาที่เครียดกับเรื่องอะไรสักอย่างมากๆ กังวลกับเรื่องนั้นซ้ำๆ แต่สุดท้ายเรื่องพวกนั้นมันก็ผ่านไป เหลือแค่เราที่ยังต้องใช้ชีวิตต่อ’
เรียกได้ว่านอกจากจะสนุกจนวางไม่ลงแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีถ้อยคำที่ทำให้เราได้เข้าใจชีวิตมากขึ้นด้วย
“หากไม่รู้ว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร ก็อยู่ต่อไปเพื่อข้าเถิด”
จากหนังสือ สวรรค์ประทานพร, เล่ม 2 เขียนโดย โม่เซียงถงซิ่ว แปลโดย ลาเวนเดอร์
‘แค่ประโยคเดียว แต่จำขึ้นใจจนทุกวันนี้มีอยู่จริง’ นี่คือคำอธิบายฉบับย่อที่ follow tenlee_1001, Editorial Staff ให้ไว้ในตอนที่เลือกประโยคที่ชอบมาให้เรา พร้อมด้วยการพรั่งพรูความในใจอีกยาวเหยียดที่เราสรุปความสั้นๆ ได้ว่า
มันคือประโยคธรรมดาๆ ทว่ามีค่ากับใจคนฟัง เพราะนี่คือหนึ่งในถ้อยคำที่ ‘เซี่ยเหลียน’ ตัวละครเอกของเรื่องเอ่ยปากไว้เมื่อตอนที่เขายังอายุน้อย คำพูดนี้แม้ฟังดูเผินๆ อาจจะดูไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งอะไร แต่ในตอนที่เขาพูดออกไป มันกลับเปี่ยมไปด้วยพลังมากมาย ทั้งพลังจากตัวคนพูดที่อยากโอบอุ้มชีวิตเด็กคนหนึ่งให้อยู่รอด และพลังจากคนฟังที่ยึดถือประโยคนี้ไว้ตราบเท่าที่ชีวิตตัวเองจะอยู่ไหว
ใครจะรู้ว่าในวันที่ดวงตาของเรากำลังมืดบอด อาจมีแสงสว่างส่องประกายลงมาให้เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็ไปได้