การเป็นนักเขียนไม่ได้เริ่มจากปากกาหรือแป้นพิมพ์ แต่เริ่มตั้งแต่หนังสือหน้าแรกที่เคยเปิดอ่าน
นักเขียนหลายคนต่างก็มีหนังสือในดวงใจของตัวเอง ซึ่งจุดประกายให้พวกเขาลงมือขีดเขียนเรื่องราวของตัวเอง แม้ว่าการอ่านเป็นทักษะคนละด้านกับงานเขียน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเป็นนักอ่านตัวยงช่วยให้งานเขียนพวกเขาลุ่มลึกขึ้น เพราะหนังสือเหล่านี้ต่างมอบแรงบันดาลใจ จินตนาการ และคลังศัพท์มากมายที่หยิบมาใช้ได้ทุกเมื่อ
เพื่อให้กลายเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอดในวันนี้ พวกเขาถูกหล่อหลอมด้วยหนังสือแบบไหนกันบ้างนะ ชวนไปดูหนังสือที่เหล่านักเขียนผู้มีผลงานน่าจับตามองกำลังอ่านในตอนนี้กัน
มิน—นริศพงศ์ รักวัฒนานนท์
อ่าน The City and Its Uncertain Walls ของ Haruki Murakami

มินนักเขียนเจ้าของรางวัลซีไรต์ จาก ‘ด้วยรักและผุพัง’ หนังสือรวมเรื่องสั้นที่พาไปสำรวจบาดแผลในครอบครัวเชื้อสายจีน เขาชื่นชอบหนังสือที่พาไปสำรวจสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต อย่างหนังสือของ ฮารูกิ มูราคามิ (Haruki Murakami) นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่น
“ช่วงนี้อ่านพร้อมกันหลายเล่ม แต่ที่อ่านเป็นหลักคือ The City and Its Uncertain Walls ของฮารูกิ มูราคามิ ฉบับภาษาญี่ปุ่นครับ (ขอขิงหน่อย) เราเป็นสาวกมูราคามิอยู่แล้ว เขียนอะไรมาก็อ่านทั้งนั้นแหละ (หัวเราะ) แต่เล่มนี้เป็นเล่มล่าสุดของแก และอยากชาเลนจ์สกิลภาษาญี่ปุ่นของตัวเองด้วย
“เราว่าแกนหนึ่งในหนังสือของมูราคามิคือ มันเล่าเรื่องของคนที่ชีวิตก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมาย แต่มันเหมือนมีอะไรขาดหายไปในชีวิต และในขณะที่ตามหาสิ่งนั้น คนเหล่านั้นก็ทำได้เพียงปล่อยให้กระแสชีวิตพัดพาตัวเองไป และใช้ชีวิตไปตามสัญชาตญาณ ตามการชักจูงของจิตใจที่อยู่ลึกลงไป ซึ่งเราว่ามนุษย์เรามันก็ควรจะปล่อยให้ชีวิตอยู่ใน state go with the flow แบบนี้บ้าง
“เล่มนี้อาจจะไม่ได้ให้แรงบันดาลใจเรื่องการเขียน แต่มันให้ในแง่การใช้ชีวิตมากกว่า เพราะเราว่าตอนนี้เราอยู่ในสภาวะชีวิตที่เหมือนกับตัวเอกในเรื่อง คือมันกำลังตามหาบางอย่าง แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำได้เพียงเชื่อมั่นและมุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น”
งานหนังสือรอบนี้มิน มีหนังสือออกใหม่ 2 เล่ม คือ ‘แมวดำตัวแรกของชีวิตที่เหลือ’ รวมเรื่องสั้นในธีมอย่างแมวดำที่เขียนร่วมกับนักเขียนอีก 5 ท่าน และ ‘4600 and more…ระยะต่าง ระหว่างกัน’ เป็นนิยายเล่มแรกที่ออกกับทาง Salmon Books ในคอนเซ็ปต์ RE-LEARN-TIONSHIP มันเป็นนิยายที่เล่าถึงความสัมพันธ์ของคน 2 คน ที่มีระยะทาง และอะไรที่มากกว่านั้นคั่นกลางเอาไว้
ประเสริฐศักดิ์ ปัดมะริด
อ่าน The Vegetarian ของ Han Kang

นักเขียนเจ้าของนามปากกา สีพรำ และเจ้าของรางวัลซีไรต์ จากเรื่อง ‘กี่บาด’ นิยายสะท้อนการกดทับเรื่องเพศ กลิ่นอายวัฒนธรรมท้องถิ่น เบื้องหลังของงานเขียนของเขา มาจากความชื่นชอบหนังสือสารคดี จนถึงหนังสือจาก ฮันกัง นักเขียนโนเบลชาวเกาหลี
“ปกติชอบอ่านสารคดีมาก บอกรับ National Geographic ตั้งแต่เล่มแรกที่เค้าเปิดตัวในไทย จนถึงทุกวันนี้ รู้สึกการเล่าแบบสารคดี จะทำงานกับสมองเราเป็นพิเศษ ได้ขบคิด ได้ไอเดียใหม่ทุกครั้งที่อ่านสารคดี
“ส่วนหนังสือเพิ่งอ่านจบเร็วๆ นี้เลยคือ Vegetarian ของ ฮันกัง (Han Kang) อยากรู้ว่าทำไมเขาถึงได้โนเบล และคิดว่าประเด็นในเล่มค่อนข้างเข้มข้น คิดว่าไม่เหมาะกับเด็ก เพราะมีประเด็นความรุนแรงในนั้น แต่เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่อยากอ่านประเด็นเฟมินิสต์หนักๆ ที่สะท้อนปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ
“การใช้ภาษาและการเล่าเรื่องของฮันกัง ที่พาผู้อ่านเข้าไปสำรวจประเด็นหนักๆ และด้านมืดในจิตใจมนุษย์ ซึ่งบางทีก็สะท้อนด้านมืดในจิตใจคนอ่านด้วยในเวลาเดียวกัน ว่าเราคิดเห็นยังไงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง เป็นประสบการณ์การอ่านที่สนุกดี”
งานหนังสือรอบนี้เขาออกหนังสือรวมเรื่องสั้นเป็นเล่มแรก ‘นาคาร้องไห้’ โทนเรื่องจะเกี่ยวกับอีสาน นิยายวายเรื่อง ‘Ghost me free wifi : หลอกได้แต่จ่ายด้วย’ และรวมเรื่องสั้น ‘แมวดำตัวแรกของชีวิตที่เหลือ’ และ ‘ราตรีลุกไหม้’
ลี้—จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท
อ่าน สิ่งที่สิงสู่ ของ มิสึดะ ชินโซ

ลี้ นักเขียนอายุน้อยที่สุดรางวัลซีไรต์จาก ‘สิงโตนอกคอก’ และเจ้าของนามปากกา ร เรือในมหาสมุทร งานเขียนของเธอเต็มไปด้วยจินตนาการ และโลกสมมติ ทว่ายังคงสะท้อนความเป็นมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจากหนังสือที่เธออ่าน ลี้หลงรักหนังสือสยองขวัญที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
“ปกติชอบหนังสือที่มีเรื่องลึกลับหรือตำนานพื้นบ้านต่างๆ ที่มีความสยองขวัญค่ะ ตอนนี้กำลังอ่าน ‘สิ่งที่สิงสู่’ โดยคุณมิสึดะ ชินโซ (Mitsuda Shinzo) สนใจเพราะชาวเน็ตนักรีวิวล้วนบอกว่าน่ากลัวมากๆ! คิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคอหนังสือสยองขวัญ นักเขียนก็เก่งมาก มีผลงานตีพิมพ์ในแอนโธโลจี ปริศนาตะเกียบอาถรรพ์ด้วย มีแรงบันดาลใจที่อยากจะเป็นนักเขียนเก่งๆ แบบนี้บ้างจัง”
“หนังสือที่คนอาจจะไม่รู้ว่าเราอ่าน เอ จริงๆ ทุกคนที่ตามเราแบบใกล้ชิดน่าจะรู้ว่าเราบ้าเลิฟคราฟต์อยู่ในช่วงนี้ ดังนั้นจึงบ้าเล่ม ‘เสียงเพรียกจากคธูลู’ ของสำนักพิมพ์เวลา มากๆ ที่ยกมาเพราะเป็นหนังสือที่แนวเฉพาะกลุ่มสุดๆ เรื่องที่ชอบมากๆ ในเล่มนั้นคือเรื่องสยองแห่งดันวิช ในความสยองขวัญมีความน่าเอ็นดู (เฉพาะในสายตาเรา) อยู่อย่างเต็มพิกัด!”
ครั้งนี้ลี้ออกหนังสือเล่มใหม่ด้วย ชื่อ ‘เจ็บเกินจำรัก หนักเกินลืมรอย’ ในสำนักพิมพ์ Salmon Books เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ได้รับบาดแผลลึกจากความสัมพันธ์ครั้งเก่า และกำลังพยายามเยียวยาบาดแผลด้วยดวงใจสุดร้าวราน
เบส—กิตติศักดิ์ คงคา
อ่าน ร้อยตำนานสยองที่มีผมตายแค่คนเดียว ของ อันจิ มาโตะโนะ

เบส นักเขียนนิยายสืบสวน ‘กาสักอังก์ฆาต’ หนังสือขายดีที่หลายคนพูดถึง เบื้องหลังของงานเขียนสืบสวนและการไขปริศนาลึกลับของเบสมักได้มาจากกองหนังสือหลากหลายแนว โดยเฉพาะนิยายวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และ non-fiction ที่มีไอเดียแปลกใหม่
“ผมชอบอ่านงานแนวที่มีโครงเรื่องจัดจ้านแบบอ่านแล้ววางไม่ลง ส่วนใหญ่จะเป็นแนวสืบสวนสอบสวน สยองขวัญหักมุม หรือไม่ก็วิทยาศาสตร์แฟนตาซี ผมชอบไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ เดาทางไม่ได้ ความจริงผมชอบอ่านงานแนววิทยาศาสตร์กับประวัติศาสตร์ด้วย หากว่ากันตามจริง ผมอ่าน non-fiction มากกว่า fiction เสียอีก ไม่รู้ว่าคนทั่วไปรู้ไหม เอาเป็นว่าผมอยากเล่าแล้วกัน
“ตอนนี้อ่านหนังสือหนังสือมังงะ ‘ร้อยตำนานสยองที่มีผมตายแค่คนเดียว’ เขียนโดย อันจิ มาโตะโนะ (Anji Matono) สำนักพิมพ์ Siam Inter Comics หนังสือมังงะชุดนี้แบ่งออกเป็นเล่มละ 10 เรื่อง รวม 10 เล่ม ผมชอบบรรยากาศความสยองขวัญในเรื่อง โดยเฉพาะปมหักมุม รวมไปถึงเปิดประเด็นไอเดียใหม่ๆ ที่ทำให้จินตนาการบรรเจิดดี คิดว่าเหมาะกับคนที่ชอบงานแนวสยองขวัญหักมุม อ่านง่ายจบไว อาจจะเป็นช่วงพักจากการอ่านงานเล่มยาวหนักๆ หรือจะเป็นนักอ่านที่ไม่ได้ถนัดการอ่านหนังสือที่มีแต่ตัวอักษรก็ได้
“ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะชื่นชอบหนังสือชุดนี้เรื่องการหักมุม แต่ผมชื่นชอบประเด็นด้านภาพใหญ่ไอเดียของเรื่องมากกว่า อย่างเหตุผลที่ทำให้ผมหยิบหนังสือชุดนี้ขึ้นมาอ่านก็ตั้งแต่ประเด็นตั้งต้นแล้ว เด็กชายจะทำอัตวินิตบาตรกรรม แต่เปลี่ยนใจมาเล่าเรื่องผีแทน โคตรน่าสนใจ”
ล่าสุดเบสกำลังออกหนังสือเล่มใหม่ อย่าง ‘อาชญรีเยนต์’ นวนิยายลำดับที่ 4 จากหนังสือชุดฝาแฝดยอดนักสืบ เรื่องราวของฝาแฝดอัจฉริยะ 4 คู่ที่ไปไขปริศนาหาสมบัติในคฤหาสน์ลึกลับ แต่ดันเกิดคดีฆาตกรรมในห้องปิดตายขึ้น โดยมีนักสืบเป็นพยานของห้องปิดตาย
ก็อต—ปิยฤทธิ์ ปัญจธรรมวิทย์
อ่าน WORLD EXPO REVISITED ของ Little Thoughts

ก็อตคือนักเขียนที่ถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ก่อนหน้านี้เขาบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีใต้ ผ่านหนังสือเล่มแรกอย่าง ‘home away from home เกาหลีใต้ที่เห็นและไปอยู่’ การได้เห็นมุมมองและวัฒนธรรมใหม่ๆ ทำให้เขามองโลกได้อย่างน่าสนุก ไม่ต่างจากหนังสือที่เขาชอบอ่าน ก็อตมักเลือกหนังสือจากความอยากรู้ และสิ่งที่สนใจ ซึ่งช่วยให้เขาได้เห็นความคิดเห็นใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น
“ผมอ่านได้หมดทุกแนวตั้งแต่ฟิกชั่นแฟนตาซียันหนังสือพระ ผมชอบฟังเรื่องอะไรใหม่ๆ บางทีเราฟังเรื่องที่เราไม่คิดจะฟัง ฟังเสร็จกลายเป็นว่าได้ไอเดียใหม่ๆ มา ล่าสุดผมอ่านหนังสือเรื่องกายวิภาคของผู้หญิง กับนิยายวาย
“ส่วนตอนนี้ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับงาน world expo ที่ล่าสุดที่กำลังจัดอยู่ที่โอซาก้า (จัดถึงวันที่ 13 ตุลาคม) ผมอยากรู้ว่า ณ เวลานั้นๆ มวลมนุษยชาติกำลังสนใจอะไร มุ่งเป้าไปที่เรื่องอะไรในฐานะโลกของเรา ไม่ใช่ในฐานะประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นหนังสือที่เหมาะกับมนุษย์ทุกคนบนโลก มันทำให้เราเห็นว่านอกจากโลกออนไลน์ที่ขับเคลื่อนสังคมแล้ว มันยังมีโลกออฟไลน์อีกใบที่รอให้เราไปดู ไปฟังอีกมาก และตรงนี้เองที่เป็นความเป็นไปได้ของไอเดียนับร้อยนับพันหลังจากนั้น”
ในงานหนังสือครั้งนี้ก็อตเพิ่งปล่อยหนังสือลำดับที่ 2 ชื่อว่า ‘You only live once (again)’ บันทึกเรื่องราวโลกออฟไลน์ที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในโฮสเทลในฐานะ ‘ผู้จัดการความสุข’ พบปะกับสตาฟกับผู้คนที่มาจากทั่วโลก เจอเรื่องราวสารพัดคาดเดาไม่ได้ที่มีทั้งดี ไม่ดี เรียกเสียงหัวเราะ และบางทีก็ทำให้เรามีน้ำตา เป็นสถานที่ที่เปลี่ยนชีวิตเขาทั้งในแง่ความคิดและวิถีชีวิต รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นเดินทางไปเกาหลีใต้ และได้เขียนหนังสือเล่มแรก ที่เคยตีพิมพ์ไปแล้วเมื่อปี 2020
ณชนก ยุวภูมิ
อ่าน The Hunger Games ของ Suzanne Collins

LADYS นักเขียนแนวกระแสสำนึกที่มีสำนวนการเขียนเป็นเอกลักษณ์ หนังสือหลายเล่มของเธอมักบอกเล่าอารมณ์อันซับซ้อนของมนุษย์ออกมาได้อย่างสละสลวย เบื้องหลังงานเขียนเธอเล่าว่าตัวเองชื่นชอบการอ่านหนังสือที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ อย่างหนังสือไตรภาคในโลกดิสโทเปีย The Hunger Games
“ส่วนตัวชอบอ่านอะไรที่มันมนุษย์ๆ น่ะ ชอบความไม่ขาวไม่ดำ ชอบหนังสือที่ละเอียดกับความคิดตัวมนุษย์ ส่วนมนุษย์ในเรื่องนั้นจะพากันไปทำอะไร ได้หมด แล้วก็คนไม่ค่อยรู้ว่าติดเว็บตูนค่ะ แต่ด้วยความยาวและการอ่านในจอ เลยยังแทบไม่มีเรื่องไหนอ่านจบ เลยไม่ได้ลงรีวิว แต่ก็มีเปิดอ่านเรื่อยๆ นะ”
“ตอนนี้อ่าน ‘The Hunger Games’ เล่ม 3 ซูซานน์ คอลลินส์ (Suzanne Collins) อยู่ค่ะ ชอบภาพยนตร์ด้วยแหละ แต่หลักๆ คือปีที่แล้ว เราคิดอยากเขียนนิยายให้โครงมันใหญ่ขึ้น ก็เลยหาหนังสือที่โครงใหญ่ (แต่ยังไม่พ้นไปจากมนุษย์ๆ) มาอ่าน เลยจบที่เรื่องนี้ คิดว่าเหมาะกับทุกคนมั้ง มันอ่านง่าย แต่เขียนไม่ง่ายนะ (หัวเราะ) แต่จะอ่านเอาเครียดก็เครียดหัวแตกเหมือนกัน”
“เล่มนี้ให้แรงบันดาลใจเยอะนะ เพราะชีวิตนี้ก็อยากเขียนอะไรสนุกๆ (ที่เนื้อหาเครียดมาก แต่ก็สนุกมาก) เหมือนกัน อีกอย่างคือ The Hunger Games แทบไม่มีอะไรที่เหมือนงานของเราเลย การได้เสพของที่ต่างจากเรา แต่ดันโดนเส้นเรามากๆ มันสร้างแรงบันดาลใจอยู่แล้ว แต่จุดสำคัญน่าจะเป็นความรู้สึกที่ว่า การได้อ่านเรื่องนี้มันยอดเยี่ยมจนเป็นรางวัลให้ตัวเองได้นี่แหละ เราใช้หนังสือเป็นรางวัล ด้วยการแกะซีลเล่มต่อไปเมื่อเขียนงานเล่มใหม่จบ…นี่แหละ แรงบันดาลงานของจริง”
ล่าสุดลาดิดมีผลงานเล่มใหม่ อย่าง ‘วิมานหนาม’ ฉบับนวนิยายที่ร่วมเขียนกับทีม GDH (Biblio Books) กับ ‘Stream of Cocetta’ เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ (Ladys & Moonscape Books) เธอเล่าว่าเล่มนี้ได้ ฝน—กรหิรัญ นิกรแสน นักแปลมากฝีมือมาช่วยแปลให้ด้วย