สำหรับเดือนมีนาคม-เมษายนแบบนี้ เป็นช่วงที่หลายๆ โรงเรียนเริ่มปิดเทอมกันแล้ว ส่วนคนทำงานถึงจะไม่ได้ปิดเทอมแต่ก็คงไม่อยากจะ Work ตลอดเวลา (โดยเฉพาะในเวลานี้ที่หลายท่านอาจต้อง work from home อันเป็นผลจากการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19) หรือหลายท่านก็น่าจะเปิด Netflix แล้วได้รับชมภาพยนตร์ของ Studio Ghibli กันไปบ้างไม่มากก็น้อย
ดังนั้น เราจึงอยากจะขอแนะนำอนิเมะแบบซีรีส์ หลายเรื่องหลากรส ที่หาดูได้บน Netflix เผื่อว่าทุกท่านจะได้ผ่อนคลายจากภาวะตึงเครียด มาเพลิดเพลิน หรือคบคิดอะไรกันบ้าง เพราะถึงร่างกายเราอจจะพร้อมลุย แต่สภาพจิตใจของเราก็ควรจะเบิกบานควบคู่กันไปเช่นกัน
One-Punch Man ความยาวจำนวน 12 ตอน
หมายเหตุ: ในเรื่องมีฉากรุนแรงพอสมควร เด็กเล็กควรหลีกเลี่ยง เด็กโตควรรับชมภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง
เรามาแนะนำการ์ตูนกันก็จริง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีแนวแอ็กชั่นมันๆ เอาเสียเลย One Punch Man เล่าเรื่องของ ‘ไซตามะ’ ชายหัวเหม่งที่ระบุตนเองว่าเป็นฮีโร่ และเขาก็มีฝีมือขั้นสุดยอด ระดับที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้เกือบทั้งหมดด้วยการต่อยเพียงแค่หมัดเดียวเท่านั้น กระนั้น เพราะเก่งเกิน เลยไม่ค่อยมีคนเห็นผลงาน แถมเจ้าตัวก็ไม่เคยไปลงทะเบียนเป็นฮีโร่แบบเป็นทางการอีกต่างหาก… เส้นทางการพิสูจน์ตัวเองแต่ต้องกลับมาซื้อของลดราคาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตทุกวันเสาร์จึงเริ่มขึ้น ณ บัดนี้
เดิมที One-Punch Man ฉบับมังงะที่อาจารย์มุราตะ ยูสึเกะ (Yusuke Murata) นำเอาเว็บมังงะของอาจารย์ One มาเขียนก็มีความหวือหวาในเนื้อเรื่องและลายเส้นอยู่แล้ว พอถูกดัดแปลงเป็นอนิเมะซีซั่นแรกก็ได้ทางทีมงานของ Madhouse มาทำให้แอ็กชั่นดูอลังการยิ่งขึ้น แถมเมื่อรวมกับเพลงประกอบสุดมัน บอกเลยว่าดูแล้วเพลินตั้งแต่จนจบแน่นอน ส่วนซีซั่นสองหลายเจ้าระบุว่างานดรอปลงเยอะ และตอนนี้ทาง Netflix ยังไม่นำมาฉายด้วยล่ะ
Neon Genesis Evagenlion ความยาวจำนวน 26 ตอน
เรื่องราวของอนิเมะเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ.2015 ซึ่งเป็นเวลา 15 ปีหลังเกิดเหตุร้ายแรงระเบิดที่ขั้วโลกใต้ที่ถูกเรียกว่า ‘เซคันด์อิมแพคท์’ แต่ความจริงแล้วเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่ ‘เทวทูต’ ได้ตื่นขึ้นมาเพื่อทำลายล้างมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ทางสหประชาชาติจึงก่อตั้งองค์กรเนิร์ฟ (Nerv) ที่พัฒนาหุ่นยนต์เอวานเกเลี่ยน (Evagenllion) หุ่นขนาดยักษ์ที่สามารถหักล้างสนามพลังเอที (A.T. Field) จึงทำให้เป็นความหวังเดียวของมนุษยชาติ และหุ่นดังกล่าวจะถูกขับเคลื่อนด้วยนักบินที่มีอายุอยู่ในช่วงวัยรุ่นเท่านั้น แต่กลุ่มนักบินที่มาขับหุ่นเหล่านี้กลับมาปัญหาทางใจมากกว่าที่คาดคิด มิหนำซ้ำเรื่องราวของการสร้างหุ่นยนต์ยักษ์เพื่อปกป้องโลกนั้นก็มีเบื้องหลังที่น่าสงสัยอยู่มาก แล้วโลกจะรอดพ้นจากการถูกทำลายล้างหรือไม่
ถ้าเคยดูเรื่องนี้แล้วไม่เข้าใจ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ! กับมหากาพย์ศึกพิพากษาโลก ที่ตีความเอาความเชื่อศาสนาหลายหลาก มากวนรวมกับปัญหาทางใจของเหล่าตัวเอกแต่ละคน โดยมีการขับหุ่นยักษ์สู้กับศัตรูเป็นเนื้อหาหลักที่ทำให้หลายคนติดตามอนิเมะเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และด้วยความที่เนื้อเรื่องแตกต่างจากผลงานอนิเมะเรื่องอื่นๆ จนทำให้ผลงานที่สร้างหลังจากอนิเมะเรื่องนี้ต้องทำตาม เราคิดว่าการเสพผลงานที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอนิเมะได้อย่างเรื่องนี้ ก็น่าจะเหมาะสำหรับช่วงเวลาแบบนี้
ทั้งนี้ใน Netflix ยังมีภาพยนตร์ The End Of Evangelion ให้ติดตามรับชมกันด้วย เรียกได้ว่าดูกันทีเดียวได้ตรึกตรองอะไรเกี่ยวกับผลงานเรื่องนี้กันอีกยาวเลย
Fullmetal Alchemist : Brotherhood ความยาวจำนวน 64 ตอน
เรื่องราวของ ‘เอ็ดเวิร์ด’ กับ ‘อัลฟองเซ’ เอลริค สองพี่น้องผู้มีทักษะในการใช้วิชาเล่นแร่แปรธาตุ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนสิ่งของอย่างหนึ่งเพื่อสร้างสิ่งของอีกอย่างหนึ่งโดยสิ่งของทั้งสองอย่างจะต้องมีค่าเท่าเทียมกัน พวกเขาได้สูญเสียเสียอวัยวะกับร่างกายของตัวเองไปหลังจากพยายามชุบชีวิตแม่ ทำให้ต้องยอมรับข้อเสนอในการทำงานเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุของทางการ เพื่อตามหาหนทางในการได้ร่างกายเดิมกลับคืนมา แต่กลายเป็นว่า พวกเขาได้พบกับความลับของประเทศอเมทริสที่พึ่งพาการปกครองโดยทหารเป็นหลัก ซึ่งมีเป้าหมายที่อาจทำให้ประชาชนทั้งประเทศตกอยู่ในอันตราย และสองพี่น้องตระกูลเอลริคก็เป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขวิกฤตินี้
ความจริงทาง Netflix มี Fullmetal Alchemist อนิเมะและภาพยนตร์คนแสดงให้รับชมกัน แต่ที่เราแนะนำฉบับ Brotherhood ก็เพราะตัวเนื้อเรื่องสอดคล้องกับมังงะต้นฉบับที่อาจารย์อาราคาว่า ฮิโรมุ (Arakawa Hiromu) นำเสนอไว้ อรรถรสต่างๆ ทั้งฉากแอ็กชั่น หรือปรัชญาในเรื่องจึงอยู่ครบถ้วน และด้วยจำนวนตอนที่มีไม่น้อย เราเชื่อว่าหลายคนจะเพลิดเพลินไปในจักรวาลแห่งนี้เป็นแน่
Beastars ความยาวจำนวน 12 ตอน
บนดวงดาวที่สัตว์กินพืชกับสัตว์กินเนื้ออาศัยอยู่ด้วยกัน แม้ว่าพวกเขาจะปรองดองจนสามารถศึกษาอยู่ในโรงเรียนเดียวกันได้ แต่ความสัมพันธ์นั้นก็ซับซ้อนอยู่ดี โดยเฉพาะ ‘เลโกชิ’ หมาป่า ที่เป็นฝ่ายศิลป์ของชมรมละครเวที ที่ทำตัวเหมือนสัตว์กินพีชมาโดยตลอด แต่กลับกำลังลำบากเพราะสัญชาตญาณการล่ากำลังตื่นขึ้น เขาจึงพยายามทำความเข้าใจตัวเองและทำความเข้าใจสัตว์ตัวอื่นๆ ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร
ถ้าดูจากภาพหลายคนอาจจะคิดว่าเรื่องนี้สดใสน่ารักกัน แต่เราบอกเลยว่าผลงานที่ดัดแปลงมาจากมังงะของอาจารย์อิตางากิ พารุ (Paru Itagaki) ลูกสาวของผู้วาด บากิ เรื่องนี้ เล่าเนื้อเรื่องปัญหาระหว่างชนชั้น (กินเนื้อ-กินพีช) บอกเล่าความยากลำบากในการที่แต่ละฝ่ายต้องรักษาจุดยืนของตัวเองเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างจริงจัง ดังนั้นหลายคนที่อาจจะคิดว่าเรื่องนี้น่าจะชิลๆ แบบ Zootopia เราขอบอกกล่าวว่าไม่ใช่อย่างนั้นนะ!
Cells At Work ความยาวจำนวน 13 ตอน
ถ้าอยากหาการ์ตูนสักเรื่อง ที่มาครบทั้งสาระและบันเทิงกลั่นรวมในเรื่องเดียว ก็ต้องเรื่อง ‘Cells At Work’ หรือ เซลล์ขยันพันธุ์เดือด เลย สำหรับเนื้อเรื่องของการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือ การทำงานของเหล่าเซลล์ต่างๆ ในร่างกายที่ถูกตีความให้เป็นเมืองขนาดใหญ่ และในหลายๆ ครั้ง ในเมืองนี้ก็มีปัญหาจนทำให้เหล่าเซลล์ประเภทต่างๆ ออกมาทำงานอย่างขยันขันแข็ง โดยมี ‘เม็ดเลือดแดงสาว’ กับ ‘เม็ดเลือดขาวหนุ่ม’ เป็นตัวเล่าเรื่องปัญหาต่างที่เกิดขึ้นในร่างกาย
อนิเมะเรื่องนี้มีความใกล้เคียงกับการ์ตูนยุคเก่าอย่าง นิทานชีวิต (Il était une fois… la vie) แต่มีฉากแอ็กชั่นมากกว่า พร้อมทั้งออกแบบตัวละครของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ที่น่าจดจำ ระดับที่ว่าถ้าเอาไปสอนนักเรียนหรือผู้ที่สนใจได้เลยทีเดียว แต่ก็มีข้อเสียนิดหน่อยว่า ตัวเชิงอรรถที่ออกมาในหลายๆ ฉากของอนิเมะเรื่องนี้ ไม่ได้ถูกแปลครบถ้วน 100% ดังนั้นสาระบางอันอาจจะตกหล่นไปบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นกุศโลบายให้ไปเช็คข้อมูลจริงๆ ในแหล่งข้อมูลอื่นต่อไปก็น่าจะได้ล่ะเนอะ
Violet Evergarden & Violet Evergarden Speical ความยาวจำนวน 13+1 ตอน
‘ไวโอเล็ต’ คือเด็กสาวกำพร้าที่เติบโตขึ้นมาในสนามรบ เธอไม่ประสาเรื่องการใช้อารมณ์ และถูกผู้คนมองว่าเป็นอาวุธ แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง เธอได้สูญเสียแขนเดิมและต้องใช้แขนกล นอกจากนั้นเธอยังเสียคนที่เธอไว้ใจมาโดยตลอด ก่อนที่เธอจะถูกตระกูลเอเวอร์การ์เด้นรับไปดูแล และได้ทำงานกับในบริษัทจัดส่งไปรษณีย์ ตอนแรกนั้นเธอถูกจัดให้ทำงานส่งจดหมาย แต่เมื่อเธอได้เห็นงาน ‘ออโตเมโมรีดอลล์’ (Auto Memory Doll) หรือคนที่พิมพ์จดหมายสื่ออารมณ์ในใจแทนลูกค้า เธอก็มุ่งมั่นอยากจะทำงานนี้ เพื่อที่จะได้เข้าใจความหมายของคำว่า ‘ฉันรักเธอ’ และสิ่งเล็กน้อยนั้นทำให้ ไวโอเล็ต ค่อยๆ เรียนรู้ อารมณ์ ความรู้สึก ไม่ใช่เฉพาะของตัวเธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่องราวของคนที่เธอต้องพบพานในการทำงานอีกด้วย
ได้ยินว่าหลายคนยินดีจ่ายค่าบริการ Netflix เพื่อติดตามอนิเมะเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว กับผลงานการสร้างของ Kyoto Animation ที่ขึ้นชื่อเรื่องความละเอียดละออในงานสร้าง และในอนิเมะเรื่องนี้พวกเขาได้เนื้อเรื่องที่ละเมียดละไมมาอยู่ในมือ ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงงดงามและสั่นหัวใจคนดูได้อย่างไม่ยากเย็น
Aggrestsuko ความยาวจำนวน 20+1 ตอน
‘เร็ตสึโกะ’ แพนด้าแดงที่ทำงานเป็นสาวออฟฟิศและต้องเจอเรื่องชวนหงุดหงิดแบบรัวๆ จนเธอต้องไประบายออกด้วยการร้องคาราโอเกะเพลงแนวเมทัลเป็นประจำ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ค่อยๆ เรียนรู้ว่าการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นก็ต้องใช้ทักษะที่หลากหลายในการเข้าสังคมและการแก้ไขปัญหาเช่นกัน
หลายท่านน่าจะคุ้นเคยกับอนิเมะเรื่องนี้ดีแล้ว แต่เราคิดว่าเรื่องนี้ก็ยังเป็นอนิเมะที่เราอยากให้หลายๆ คนได้ลองรับชม ทั้งเพื่อความบันเทิง และเพื่อความเข้าใจสังคมมนุษย์เงินเดือนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง และหลายเรื่องเราคิดว่ามันปรับเอามาใช้กับชีวิตจริงได้ดีนะ
Carole & Tuesday ความยาวจำนวน 24 ตอน
‘แครอล’ เด็กสาวกำพร้าที่มีทักษะในการเล่นคีย์บอร์ด กับ ‘ทูสเดย์’ เด็กสาวทายาทเศรษฐีแต่มีความฝันจะร้องเพลงที่แต่งเอง ทั้งคู่ได้มาพบกันด้วยการนำพาของโชคชะตา ทำให้นักร้องโนเนมสองคนจะกลายเป็นปาฏิหาริย์ที่ผู้คนบนดาวอังคารต้องจดจำ
อนิเมะแนวชวนปลุกใจให้นึกถึงความฝันในใจ และเป็นแนวไซไฟอ่อนๆ ที่เล่าเรื่องการร้องเพลงที่น่าไพเราะและสวยงาม เนื้อเรื่องเข้าใจไม่ยากแถมเพลงก็เพราะพริ้ง เหมาะมากสำหรับการรับชมในวันที่คุณอยากได้อะไรชิลๆ ในหัว
Psycho-Pass 1 & 2 ความยาวจำนวน 33 ตอน
หมายเหตุ: ในเรื่องมีฉากรุนแรงพอสมควร เด็กเล็กควรหลีกเลี่ยง เด็กโตควรรับชมภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง
อนิเมะแนวไซไฟเคล้ากลิ่นอายดิสโทเปีย ที่เล่าเรื่องของประเทศญี่ปุ่นในอนาคตที่มีระบบซีบิล (Sibyl System) เป็นผู้ดูแลสังคมในแทบจะทุกมิติ นับตั้งแต่การเลือกเส้นทางชีวิตไปจนถึงการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้คนผ่านระบบตรวจสอบค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรม หรือค่าไซโคพาส ตัวเรื่องของอนิเมะ โฟกัสไปที่ ‘สึเนโมริ อากาเนะ’ ที่เพิ่งจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาแบบหมาดๆ และตัดสินใจเข้าทำงานที่กรมรักษาความสงบ ในฐานะเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ และเธอต้องทำงานคู่กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ หรือกลุ่มคนที่มีค่าสัมประสิทธิ์อาชญากรรมเกินกว่าที่ระบบซีบิลจะปล่อยไว้ให้มีชีวิตอิสระในสังคม อากาเนะ ค่อยๆ เรียนรู้การทำงานในองค์กรและค่อยๆ รับทราบว่า แท้เจริงแล้วระบบที่เหมือนอุดมคติอาจจะไม่ได้เป็นเรื่องที่ดีอย่างที่นำเสนอ
ถึงจะเป็นการ์ตูนที่ใช้สีสันสดใสในการนำเสนอแต่ Psycho-Pass นั้นเลือกเล่าเรื่องที่ยากๆ และชวนให้คนดูคบคิดอยู่เกือบจะตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น ในตัวเรื่องจะเป็นโลกที่ดูสงบสุขด้วยการชี้นำของเทคโนโลยี แต่การกระทำนั้นอาจจะเป็นการปิดกั้นเจตจำนงอิสระของผู้คนหรือไม่ และถ้าตั้งใจดูบทพูดของตัวละครในเรื่องก็เป็นการหยิบเอาคำพูดของนักคิดนักปรัชญามาพูดเฉือดเชือนกันแบบแนบเนียนเคียงคู่กับฉากต่อสู้ที่ดุเดือด จริงอยู่ว่า อนิเมะเรื่องนี้อาจจะนั่งดูแบบชิลจัดๆ ไม่ได้ แต่เราเชื่อว่าเมื่อดูจนจบแล้วจะมีอะไรให้คิดตามต่อได้ยาวๆ ทีเดียว
ทั้งนี้อนิเมะเรื่องนี้ยังมีฉบับภาพยนตร์และ ซีซั่น 3 ออกฉายแล้ว แต่ถ้าอยากดู จะต้องไปรับชมในฝั่ง Amazon Prime นะ
Overlord ความยาวจำนวน 39 ตอน
หมายเหตุ: ในเรื่องมีฉากรุนแรงพอสมควร เด็กเล็กควรหลีกเลี่ยง เด็กโตควรรับชมภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง
ขออธิบาย ณ จุดๆ นี้ว่า จริงๆ แล้ว Netflix มีอนิเมะแนว ‘อิเซไค’ หรือ เดินทางไปต่างโลก ให้ชมอยู่หลายเรื่องทีเดียว ทั้ง Sword Art Online : alicization, เกิดใหม่อีกทีก็เป็นสไลม์ไปเสียแล้ว, Re:Zero รีเซทชีวิต ฝ่าวิกฤตต่างโลก, Gate หน่วยรบตะลุยโลกต่างมิติ เป็นต้น
แต่สุดท้ายเราตัดสินใจเลือกอนิเมะเรื่อง ‘โอเวอร์ลอร์ด’ มาเป็นตัวแทน ไม่ใช่เพราะว่าอนิเมะที่เราพูดถึงเรื่องอื่นๆ ไม่น่าสนใจ แต่เพราะ ณ เวลานี้ชาวไทยสามารถรับชมอนิเมะเรื่องดังกล่าวได้ครบทั้งสามซีซั่น ต่างจากเรื่องอื่น ที่อาจมีซีซั่นแรก หรือซีซั่นเดียว
โอเวอร์ลอร์ด เล่าถึงชีวิตของมนุษย์เงินเดือนคนหนึ่งที่ติดเกมออนไลน์แบบเสมือนจริงที่ชื่อ ‘อิกดราซิล’ อย่างหนักระดับที่ยอมทุ่มเงิน 1 ใน 3 ลงกับเกมนี้ แต่ทุกอย่างก็มีวันเลิกรา เมื่อเกมประกาศปิดตัวลง ชายคนดังกล่าวจึงเล่นเกมจนถึงนาทีสุดท้าย ทว่า จู่ๆ เขาก็มีสติขึ้นมาอีกครั้งในฐานะ ‘โมมอนกะ’ ตัวละครที่เขาสร้างไว้ในเกม และเมื่อเข้าใจแล้วว่าตัวเองติดอยู่ในโลกใบใหม่ เขากับสมุนภายในสุสานนาซาลิคจึงเริ่มดำเนินแผนการขยายอำนาจเพื่อทำความเข้าใจว่าทำไมเขาถึงติดอยู่ในโลกนี้
ด้วยพลอทเรื่องเข้าใจง่าย และการพยายามทำความเข้าใจโลกใหม่ไปพร้อมกับโมมอนกะ ผสมกับแนวคิดของคนทำงานที่ต้องเผชิญกับการเมืองในโลกแฟนตาซี ทำให้อนิเมะเรื่องนี้เข้าถึงผู้ชมจำนวนมากมาแล้ว และใครที่ยังไม่ได้มีโอกาสรับชมนี่ก็น่าจะเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับการผจญภัยในโลกต่างมิตินี้
Code Geass : Lelough Of The Rebellion ความยาวจำนวน 50 ตอน
ในโลกที่ราชอาณาจักรบริทาเนียไม่ล่มสลายและสามารถยึดครองหลายประเทศของโลกมาเป็นดินแดนของตัวเองเอาไว้ได้ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศญี่ปุ่นที่ถูกยึดครองและถูกเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น แอเรียอีเลฟเว่น (Area 11) แต่ ณ ประเทศแห่งนั้นก็เป็นที่อยู่ของ ‘ลูลูช ลัมเพรูจ’ (ลูลูช วี บริทาเนีย) อดีตเจ้าชายของบริทาเนียผู้เก็บความแค้นและความทะเยอทะยานไว้ในใจเพราะเขาไม่มีพลังมากพอ จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูลูชได้เจอหญิงสาวเรือนผมสีเขียวอย่าง ‘ซีทู’ และเขาก็ได้รับ ‘กีอัส’ พลังแห่งราชัน ที่สามารถสั่งการให้คนทำตามอย่างไม่มีทางขัดขืน และเขาจึงเริ่มแผนการปฏิวัติญี่ปุ่นในฐานะชายสวมหน้ากากที่ใช้ชื่อว่า ‘เซโร่’
หุ่นยนต์ พลังพิเศษ การเมือง และการหักเหลี่ยม ทั้งหมดมีอยู่ในอนิเมะที่หลายคนยกขึ้นหิ้งเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะตัวละครถูกออกแบบโดย Clamp แต่เป็นเพราะบทของอนิเมะเรื่องนี้ที่เขียนออกมาอย่างแยบยล และทำให้หลายคนยังรู้สึกค้างคาจนมีการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อมาแล้ว เราอยากจะให้ท่านที่ยังไม่เคยรับชม ได้ลองมาสัมผัสกับอนิเมะในตำนานเรื่องนี้สักครั้ง
Jojo’s Bizarre Adventure ความยาวจำนวน 113 ตอน
หลายท่านอาจจะได้ยิน หรือเห็น meme ของการ์ตูนเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และเราคิดว่าในช่วงที่หลายคนต้องอยู่บ้านกันยาวๆ ก็เป็นช่วงเวลาอันดีที่จะติดตามการผจญภัยอันแสนพิลึกพิลั่น ของสมาชิกของตระกูลโจสตาร์ กับผีดูดเลือดอย่าง ‘ดีโอ’ ที่มีชะตาเป็นปรปักษ์ต่อกัน จนทำให้เกิดการต่อสู้ยาวนานหลายชั่วอายุคน นับตั้งแต่ ‘โจนาธาน โจสตาร์’ ในประเทศอังกฤษช่วงปลายศตรวรรษที่ 19, ‘โจเซฟ โจสตาร์’ ในช่วงปี ค.ศ.1938, ‘คุโจ โจทาโร่’ ในช่วงยุค ค.ศ.1990, ‘ฮิชิงาตะ โจสุกะ’ ในช่วงปี ค.ศ.1999 และการเล่าเรื่องของตัวเอกในแต่ละยุคนั้นก็จะแตกต่างกันไป ซึ่งฉบับอนิเมะที่มีให้รับชมบท Netflix นี้ก็ทำการดัดแปลงจากมังงะได้อย่างดีเยี่ยม และเราเชื่อว่าคนดูทุกคนจะได้เห็นแนวคิดในการเล่าเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
กระนั้น ด้วยปัญหาเชิงกฎหมายลิขสิทธิ์อาจจะทำให้คำแปลความสามารถพิเศษของตัวละครกลุ่มหนึ่งอาจจะอ่านแล้วขัดกับสิ่งที่ได้ยินสักหน่อย แต่เรื่องนั้นเป็นปัญหาเล็กน้อย หากเทียบกับความสนุกของการเล่าเรื่องที่ไม่ธรรมดาเรื่องนี้