“ดีใจมากๆ ที่เราได้มีความทรงจำที่สวยงามแบบนี้ด้วยกัน” — พีพี กฤษฏ์
จากฮอลล์โล่งเปล่าในศูนย์สิริกิติ์ฯ ถูกเนรมิตเป็นคอนเสิร์ตที่เปี่ยมไปด้วยความทรงจำแสนล้ำค่า
เกือบ 20,000 คนต่อรอบการแสดง ถ้าไม่เรียกสิ่งนี้ว่าประสบความสำเร็จ เราก็ไม่รู้จะคัดสรรคำไหนมานิยามความสวยงามที่เกิดขึ้น ในคอนเสิร์ต Billkin & PP Krit DOUBLE TROUBLE CONCERT Presented by The Concert Application เมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม และ 1 กันยายน ที่ผ่านมาได้แล้ว
Exhibition Hall ชั้น G ไล่ตั้งแต่ฮอลล์ 1 ทอดยาวจรดฮอลล์ 4 ทุกพื้นที่ต่างรายล้อมไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ที่บิวกิ้น—พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และพีพี—กฤษฏ์ อำนวยเดชกร มอบให้ทุกคน ในคอนเสิร์ตคู่ครั้งแรกของพวกเขา
ความรักถูกประทับตรา ณ ช่วงเวลาที่เปิดขายบัตร เพราะคำว่า Sold Out ตามมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว แม้คอนเสิร์ตจัดขึ้นถึง 2 รอบ แต่ทุกที่นั่ง ก็ถูกจับจองอย่างรวดเร็ว ยังไม่นับรวมบัตรที่ขายในรอบไลฟ์สตรีมมิ่งอีกนับหมื่น
ทั้งหมดนี้คือเครื่องการันตีชั้นดีว่า ‘บิวกิ้น-พีพี’ กำลังบานสะพรั่งท่ามกลางหมู่มวลความรักของแฟนคลับอย่างงดงาม
เพราะนี่คือ ‘การเดินทางที่สวยงาม’
หากการได้รักศิลปินเปรียบเสมือนบันทึกการเดินทางสักเล่มหนึ่ง ณ ตอนนี้เราคงกำลังจรดปากกาบันทึกช่วงเวลาแห่งความสุขลงบนหน้ากระดาษพร้อมรอยยิ้ม
ทว่าถ้าเราย้อนกลับไปเปิดหน้าแรกของบันทึกเล่มนี้ ในวันนั้นมันคงถูกขีดเขียนด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งดีใจที่ได้เริ่มรัก คาดหวัง เฝ้าปรารถนา อิ่มเอมด้วยความสุข และภาวนาขอให้รักของเรานำพาบิวกิ้น พีพีไปได้ไกลกว่าที่พวกเขาวาดฝันไว้
จากสมุดบันทึกหน้าแรกที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนา กระทั่งถึงวันนี้ วันที่พวกเขาได้ยืนเคียงข้างกันบนเวทีคอนเสิร์ตของตัวเอง ท่ามกลางผู้คนนับหมื่น
มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
นับเป็นการจัดคอนเสิร์ตที่ไม่มีใครในไทยเคยทำมาก่อน กับการเนรมิตทุกอย่างขึ้นกลางฮอลล์โล่งถึง 4 ฮอลล์ อาจเพราะรักและอยากขอบคุณ ผังคอนเสิร์ตในครั้งนี้เลยรังสรรค์ให้เวทีทอดยาวไปทั่วทุกพื้นที่ ราวกับว่าอย่างน้อยก็ขอให้พื้นเวทีทำให้เราได้เข้าใกล้กันมากขึ้น แม้จะเป็นช่วงในเวลาสั้นๆ ก็ตาม
เก้าอี้ที่เคยว่างเปล่า เริ่มเติมเต็มด้วยผู้คนทีละที่นั่ง จนเต็มทุกพื้นที่ เสียงกระซิบพูดคุยดังขึ้นก่อนเริ่มคอนเสิร์ต และแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรี๊ดสุดจนปอด เพื่อส่งกำลังใจให้บิวกิ้น พีพีบนเวทีเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น
เมื่อไฟในฮอลล์หรี่ลง แท่งไฟนับพันจากมือเล็กๆ ของแฟนคลับ ก็เปล่งแสงสว่างไสวราวกับท้องฟ้าในยามเย็น แสงสีส้มจากแท่งไฟของบิวกิ้นพร่างพราวเคียงคู่กับแสงสีม่วงจากแท่งไฟของพีพี แม้จะเป็นโทนสีที่อยู่ตรงข้ามกัน ทว่าในคอนเสิร์ตนี้ สีส้มและสีม่วงจากแท่งไฟเล็กๆ ทั่วฮอลล์ กลับทอแสงสุกสกาวส่งพลังให้คนบนเวทีไม่มีหยุดหย่อน
และไม่น่าเชื่อว่าตลอดช่วงเวลาของคอนเสิร์ต ความรักจะบันดาลให้เราทำอะไรที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ อย่างการถือแท่งไฟ 2 แท่งเคียงคู่กันด้วยมือข้างเดียวจนจบคอนเสิร์ต แม้จะกินเวลาร่วม 4 ชั่วโมงก็ตาม อาจเป็นเหมือนที่ใครเคยบอกไว้ ว่าในช่วงเวลาที่เรากำลังมีความสุข เรามักหลงลืมทุกความเจ็บปวดที่เผชิญอยู่ กว่าจะรู้ว่าเราถือแท่งไฟนั้นมานานขนาดไหน ก็เป็นตอนที่คอนเสิร์ตจบลง และต้องลุกจากที่นั่งเพื่อกลับบ้านแล้ว
ในทุกช่วงที่คอนเสิร์ตดำเนินไป ทำให้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมบิวกิ้น พีพี ถึงเป็นที่รักของผู้คนมากมาย และทำไมเขาถึงถูกรักมากขึ้นในทุกวัน
นั่นเพราะเขาตอบรับทุกความรักที่แฟนคลับส่งไปให้ ไม่อิดออดที่ส่งมอบความรักนั้นกลับมาถึงทุกคน และเขาทำให้แฟนคลับทุกคนรู้สึกโชคดีที่ได้รักเขาจริงๆ ในคอนเสิร์ตตลอด 4 ชั่วโมง เรารับรู้ได้ทุกวินาทีว่านี่ไม่ใช่การจัดคอนเสิร์ตเพื่อตัวพวกเขาเอง แต่นี่คือการจัดคอนเสิร์ตเพื่อพวกเราทุกคน
ไม่มีสักช่วงเดียวที่เอาเปรียบคนดู บิวกิ้น พีพี จัดเต็มเรื่องโปรดักชั่น ความอลังการ และความสนุกตั้งแต่เริ่ม จนกระทั่งช่วงสุดท้ายของคอนเสิร์ต แสง สี เวที โชว์ทุกโชว์ ศิลปินรับเชิญทุกคน คัดสรรมาแล้วเพื่อให้คอนเสิร์ตนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และเรากล้าพูดได้เต็มปาก ว่านี่เป็นคอนเสิร์ตที่เรายิ้มจนเมื่อยแก้มมากจริงๆ
ไม่ใช่แค่โชว์ร้อง เต้น แต่ยังมีการละครสนุกๆ ที่ได้ TangBadVoice มาดำเนินเรื่องให้ได้รับชม แถมศิลปินรับเชิญที่มาร่วมแสดงก็ผลัดเปลี่ยนกันไปในแต่ละวัน มุกตลกที่คลีนสะอาดเกิดขึ้นและเรียกเสียงหัวเราะจากคนทั้งฮอลล์ได้แบบไม่มีกั๊ก เซนส์ตลกรับส่งกันทั้งศิลปิน ทั้งคนดู ทำให้คอนเสิร์ตนี้ได้รับการเติมเต็มยิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากการละครที่เรียกเสียงหัวเราะได้แล้ว พาร์ทโซโล่ของบิวกิ้นและพีพีก็ตราตรึงใจไม่แพ้กัน ทั้งคู่คัดสรรเอาความเป็นตัวเองออกมาร้อยเรียงผ่านท่วงทำนองและการแสดง บิวกิ้นเลือกแสดงโชว์ด้วยสไตล์ที่ตัวเองหลงใหล ผ่านเพลงของศิลปินคนโปรดอย่างไมเคิล แจ็คสัน และปิดท้ายพาร์ทโซโล่ด้วยการฟีทเจอริ่งกับMILLI ที่มาร่วมเป็นแขกรับเชิญ พร้อมระเบิดความสนุกให้คนดูไปด้วยกัน เรียกได้ว่าแรปเปอร์บิวกิ้นทำถึงสุดๆ
ส่วนพาร์ทโซโล่ของพีพีก็ไม่มีน้อยหน้า ทำเอาคนร่วมหมื่นตาค้างกันไปหมด เพราะการแสดง Water ที่มาพร้อมน้ำจริง แถมยังโหนห่วงขึ้นโชว์กลางสายน้ำ ด้วยท่วงท่าที่ใครเห็นก็ต้องลุกขึ้นปรบมือให้ไปตามๆ กัน ผสานกับการเล่นแสงเล่นไฟ ยกระดับให้การแสดงนี้เหนือชั้นขึ้นไปอีก ราวกับว่าพีพีกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางผืนน้ำจริงๆ ต่อเนื่องทางอารมณ์ด้วยการโชว์มนต์สะกดของท้องทะเล และตามมาด้วยการฟีทเจอริ่งกับศิลปินรับเชิญอย่างมาช่า วัฒนพานิช ที่ปลุกเอาจิตวิญญาณ Music lover ของคนในฮอลล์ขึ้นมาพร้อมกัน
ในช่วงท้ายของคอนเสิร์ตยังจัดเต็มความสนุกให้คนดูแบบที่ไม่เคยเห็นใครทำได้มาก่อน ด้วยการพาเอาเหล่าศิลปิน T-pop เป็นคู่จาก 4EVE, PROXIE และ BUS มาร่วมโชว์ด้วยกัน แถม 2 วัน ไม่ซ้ำเมมเบอร์ จนแฟนคลับถึงกับแซวว่า ถ้าไม่ใช่บิวกิ้นพีพี ใครจะพา 4EVE, PROXIE และ BUS ร้องเพลงกามิกาเซ่ด้วยกันได้อีก
เพราะเราจะ ‘ไม่ปล่อยมือ’ จากกัน
“คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นความตั้งใจของเรา 2 คนมานานมากจริงๆ ตั้งแต่ที่เราคุยกันเล่นๆ ว่า ถ้าเราได้มีเพลงหนึ่งเพลงเป็นของตัวเองก็ดี จนมาถึงวันนี้ มันเกิดขึ้นแล้ว มันเป็นความทรงจำที่สวยงามมากๆ” — พีพี กฤษฏ์
กว่า 5 ปีที่เราได้เห็นบิวกิ้นพีพีโลดแล่นเคียงข้างกันบนหน้าจอ และอีกหลายต่อหลายปีที่เขาอยู่เคียงคู่กันในชีวิตจริง
การเดินทางที่แสนสวยงามของพวกเขา เริ่มต้นจากการเป็นเด็กฝึกในบ้านนาดาวด้วยกัน ในวันนั้นมีเพียงฝันเล็กๆ ว่าแค่ได้มีเพลงสักเพลงหนึ่งก็คงดี ทว่าในวันนี้พวกเขาก้าวมาถึงจุดที่มีเพลงฮิตนับสิบ มีคนร้องตามได้มากมาย และยิ่งไปกว่านั้น คือทุกคนพร้อมใจที่จะร้องเพลงนั้นเพื่อยืนยันให้บิวกิ้น พีพีได้รับรู้ว่า พวกเราแฟนคลับรอสนับสนุนอยู่ตรงนี้เสมอ
ในช่วงท้ายของคอนเสิร์ต น้ำตามาหาพวกเราแบบไม่ทันตั้งตัว เราร้องไห้เพราะมวลความรู้สึกตีตื้นขึ้นมา เมื่อได้ฟังถ้อยคำที่กลั่นมาจากหัวใจของพวกเขา
“จริงๆ การทำคอนเสิร์ตนี้คู่กับพีพี มันเป็นสิ่งเราเคยคุยกันไว้ตั้งนาน นานมากๆ แล้ววันนี้เราก็มีโอกาสได้ทำสิ่งนี้ร่วมกันจริงๆ… สำหรับงานนี้มันพิเศษมากๆ ที่เรา 2 คนร่วมเดินทางกันมา จนสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาร่วมกับทีมงานทุกๆ คน” — บิวกิ้น พุฒิพงศ์
“ขอบคุณทุกคน ที่สุดท้ายแล้วก็ยังเชื่อใจพวกเรา ยังอยากจะมาเจอกัน ยังอยากจะมาอยู่ในวันดีๆ วันที่เราจะจำมันไปตลอดชีวิต” — บิวกิ้น พุฒิพงศ์
ทั้งคำขอบคุณ และคำขอโทษ คือถ้วนถ้อยที่พวกเขาไม่ลังเลจะเอ่ย ด้วยสเกลงานที่ใหญ่ขนาด 20,000คน รูปแบบงานใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน หรือแม้กระทั่งข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่เกิดขึ้น บิวกิ้นและพีพี กล้าจะพูดคำขอโทษนั้นถึงทุกๆ คนที่เขารัก เขาแสดงความรับผิดชอบต่อหน้าผู้คนนับหมื่นด้วยความจริงใจ และพร้อมรับฟีดแบ็กเพื่อแก้ไขให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ครั้งหนึ่งบิวกิ้นพีพีเคยบอกว่า ‘แฟนคลับเปรียบเสมือนพรจากฟ้า’ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดี ได้มีแฟนคลับที่รักและสนับสนุนอยู่ตรงนี้ แน่นอนว่าสำหรับแฟนคลับแล้ว พวกเราก็รู้สึกโชคดีไม่แพ้กัน ที่ได้มารู้จัก ได้มารักศิลปินที่ชื่อว่า บิวกิ้น พุฒิพงศ์ และพีพี กฤษฏ์
ดวงตาปริ่มไปด้วยหยาดน้ำทอดยาวไล่มองดูแฟนคลับทั่วฮอลล์ และในช่วงเวลานั้น เสียงเพลงไม่ได้หายจากเราไปไหน แค่ผลัดเปลี่ยนคนร้องมาเป็นแฟนคลับทั้งฮอลล์แทน เราพร้อมใจกันเปล่งเสียงร้องออกมา เพื่อบอกให้ทั้งคู่รู้ว่า พวกเราทุกคนอยู่ตรงนี้เสมอ ไม่เป็นอะไรเลยนะที่จะเสียน้ำตาบนเวทีของตัวเอง เพราะในที่สุด เราก็มีช่วงเวลาดีๆ นี้ด้วยกันแล้ว บิวกิ้นพีพีเก่งมากๆ
วันเวลาแห่งการเติบโตไม่ได้ถักทอแค่ความทรงจำระหว่างเรากับบิวกิ้นพีพี แต่มันยังถักทอร้อยเรียงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกัน และนั่นคือสิ่งที่เราไม่มีทางเข้าใจมันได้ดีเท่าเขาทั้งคู่
ทว่าหนึ่งสิ่งที่รับรู้ได้ คือคำว่าตลอดไปกำลังจะเกิดขึ้นจริง เหมือนคำที่พวกเขาพูดให้กันและกันบนเวที
“สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยคือตัวบิวกิ้นที่เขายังเชื่อในตัวพีเสมอ คอยซัปพอร์ตพีทุกๆ อย่าง เขาชอบในสิ่งที่พีชอบ เขาเชื่อในสิ่งที่พีรัก เขาเป็นคนที่ทำให้พีเป็นพีในทุกวันนี้ พีดีใจมากๆ ที่ในชีวิตนี้ได้รู้จักกับบิวกิ้น แล้วก็พีจะรักและซัปพอร์ตบิวกิ้นตลอดไป” — พีพี กฤษฏ์
“เหมือนกัน” — บิวกิ้น พุฒิพงศ์
นับจากนี้ ไม่ว่าเส้นทางที่บิวกิ้น พีพี ก้าวเดินไปจะเป็นอย่างไร สิ่งหนึ่งที่จะคงอยู่เสมอ คือคำว่าตลอดไปที่พวกเขามอบให้กัน และในช่วงเวลาตลอดไปนั้น จะมีความสว่างไสวจากแท่งไฟสีส้ม สีม่วงคอยส่องประกายทอดยาวให้กับทุกเส้นทางที่ทั้งคู่เลือกเดิน ไม่ต้องกลัวว่าจะพบเจอกับความมืดมิดในเส้นทางไหน เพราะบีไซด์ เลิฟลี่ เพนกวิน จะไม่ปล่อยมือจากบิวกิ้นพีพีไปไกลแน่นอน