หนังสือเล่มแรก เลือนราง แต่ยังจำความรู้สึกได้
การกลับมาของโต๊ะโตะจัง ฉบับภาพยนตร์ ทำให้หลายคนนึกถึงหนังสือ หรือวรรณกรรมเยาวชนเล่มแรกที่อ่านขึ้นมาได้ ความมหัศจรรย์ของหนังสือเล่มแรกคือ เรามักจะจำได้ว่าเป็นเรื่องอะไร แม้เราอาจจำรายละเอียดเรื่องราวไม่ค่อยได้ แต่มักจดจำความรู้สึกของหนังสือเล่มนั้น กับการเปิดประตูเข้าสู่โลกของตัวอักษร หนังสือที่เป็นจุดเริ่มต้นของการอ่านหนังสือเล่มต่อๆ ไป
ความพิเศษของวรรณกรรมเยาวชนคือ ความรู้สึกจากการอ่านครั้งแรกที่ยังจำความรู้สึกได้ เป็นหนังสือที่เด็กอ่านก็ประทับใจแบบหนึ่ง และเมื่อเราหยิบขึ้นมาอ่านใหม่อีกครั้ง งานเขียนเรื่องเด็กๆ เหล่านั้นมักจะทำงานกับเราในระดับที่ซึมลึกขึ้น
การอ่านใหม่ทำให้เราทั้งได้ย้อนความรู้สึกไปยังช่วงวัยเด็กที่เราหลงลืม และสายตาที่เติบโตแล้วของเรา ก็อาจทำให้เรามองเห็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยมิติมากขึ้น เมื่อเราอ่านใหม่อีกที ใจเราอาจจะซึมยาวทั้งกับความเป็นเด็กที่หายไป และซอกหลืบของความร้าวรานที่ซุกซ่อนอยู่ภายในเรื่อง
วรรณกรรมเยาวชนกับการเล่าเรื่องราวของเด็กๆ แต่เรื่องของเด็กๆ กลับไม่ใช่เรื่องเรียบง่ายไร้สาระ เพราะวรรณกรรมเยาวชนส่วนใหญ่จะมีบริบทของสงคราม ความผิดหวัง ความสูญเสีย การเรียนรู้เติบโต เป็นการค่อยๆ ให้เด็กๆ ได้สัมผัสด้านที่ขมปร่าบ้างของโลกอย่างละมุนละไม วันนี้ The MATTER ขอชวนย้อนอ่านวรรณกรรมเยาวชน 9 เล่ม ที่อาจเป็นหนังสือเล่มแรกๆ ของใครหลายคน
โต๊ะโตะจัง, คุโรยานางิ เท็ตสึโกะ
โต๊ะโตะจัง เป็นหนังสือที่อยู่กับชั้นวรรณกรรมเยาวชนชนิดที่ไม่มีวันหายไปจากชั้น จากกระแสฉบับภาพยนตร์ โต๊ะโตะจังค่อนข้างเป็นหนังสือวรรณกรรมเล่มแรกของผู้อ่าน ด้วยเรื่องราวของโรงเรียนในตู้โบกี้รถไฟ ด้านหนึ่งโต๊ะโตะจังก็เป็นตัวแทนของเด็กที่มีลักษณะเฉพาะ บางความเห็นมองว่าโต๊ะโตะจังอาจมีภาวะสมาธิสั้น ลึกๆ การที่เด็กคนหนึ่งถูกไล่ออกจากโรงเรียนจนได้พบกับห้องเรียนที่ล้ำสมัย และให้ความสำคัญกับความแตกต่าง ทั้งหมดนี้ล้วนมีบรรยากาศของสงครามโลกครั้งที่ 2 ปกคลุมอยู่ และในที่สุดห้องเรียนของเธอก็หายไปจากไฟสงคราม ซึ่งความสวยงามและผลของสงครามดังกล่าวยังเป็นประสบการณ์จริงของผู้เขียน
ในสวนศรี, ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์
ในสวนศรี หรือในสวนลับ (The Secret Garden) เป็นอีกเรื่องที่บริบทเริ่มต้นด้วยความหม่นเศร้า เด็กสาวกำพร้ากับการย้ายมาอยู่ในคฤหาสน์กับลุงผู้เย็นชา ในบ้านอันแห้งแล้งและเด็กสาวที่ชืดชา ได้ค้นพบสวนลับอันเป็นพื้นที่ที่เด็กๆ ในบ้านเริ่มเติบโต และเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง สดใสในหลายๆ ด้าน สวนลับแห่งนั้นจึงเป็นพื้นที่ของการเยียวยาเด็กๆ ที่มีปัญหาแตกต่างกัน The Secret Garden ด้านหนึ่งพูดถึงปมปัญหาที่สลับซับซ้อน ตัวละครเด็กหญิงที่เกิดในอินเดีย ในพื้นที่อาณานิคม ไม่ได้รับความรัก สูญเสียพ่อแม่ ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมตามที่เด็กควรจะได้รับ และการได้พบพื้นที่ธรรมชาติที่ฟื้นฟูบาดแผลและหล่อหลอมเด็กๆ ในความมหัศจรรย์ของสวนวิเศษจึงมีประเด็นเรียบง่ายของความรัก มิตรภาพและการเติบโตผสานอยู่
คุณพ่อขายาว, จีน เว็บสเตอร์
คุณพ่อขายาว หรือ Daddy-Long-Legs ฉบับภาษาไทย แปลและตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผีเสื้อ ตัววรรณกรรมเรื่องนี้ค่อนไปทาง Young Adult คือเป็นเรื่องที่วัยรุ่นหน่อยได้อ่าน ตัวเรื่องถือเป็นต้นแบบของงานแนวโรแมนติก เล่าด้วยเนื้อหาของจดหมาย พูดถึงเด็กสาวกำพร้าที่ได้รับการอุปการะจากพ่ออุปถัมภ์ที่เธอเรียกว่า เป็นคุณพ่อขายาว เรื่องราวค่อนข้างให้ภาพความรักบริสุทธิ์ของผู้อุปถัมภ์ที่ส่งเสีย และโต้ตอบจดหมายกับนางเอกเพื่อให้เธอเติบโตเป็นนักเขียนที่ดี ผ่านการศึกษาและการแต่งจดหมายถึงกันเดือนละครั้ง นวนิยายเรื่องคุณพ่อขายาวนี้ถือว่าได้รับความนิยมมาก และกลายเป็นต้นแบบเรื่องโรแมนติกอย่างรักเดียวของเจนจิรา
ต้นส้มแสนรัก, โจเซ่ เมอโร เดอ วาสคอนเซลอส
แค่พูดชื่อต้นส้มแสนรัก คนที่โตมากับหนังสือก็อาจจะอมยิ้มขึ้นมาทันที เพราะต้นส้มแสนรัก เป็นสุดยอดวรรณกรรม ซึ่งอันที่จริงคล้ายกับโต๊ะโตะจัง โดยหนังสือเล่มนี้เล่าถึงเด็กชายผู้แสนซนจนถูกลงโทษ ด้วยการกักบริเวณเพราะผู้คนเอือมระอา และในการถูกบริเวณนี้ เด็กชายก็ได้พบกับต้นส้มที่พูดได้ ทำให้ต้นส้มกลายเป็นเพื่อนคนเดียวของเขา จากเด็กที่คิดว่าไร้ความรัก ถูกทุบตี และเป็นส่วนเกินของครอบครัว แต่ด้วยความสดใสและเปี่ยมจินตนาการ ต้นส้มจึงเป็นเพื่อนที่แสนวิเศษ ทว่าในที่สุด ต้นส้มและคนที่เขารักก็ล้วนต้องจากลาไป
แก้วจอมแก่น, สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ
แก้วจอมแก่น เป็นอีกหนึ่งชื่อที่คนวัย 30 น่าจะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับเรื่องราวความซุกซนของ ‘แก้ว’ เด็กหญิงที่เติบโตขึ้นในครอบครัวที่ดี แก้วจอมแก่น เป็นพระราชนิพนธ์ในกรมสมเด็จพระเทพ โดยทรงพระราชนิพนธ์ผสมผสานประสบการณ์เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ เข้ากับจินตนาการของพระองค์เอง ตัวเรื่องพาเราไปสนุกสนานกับชีวิตเรียบง่ายกับความโลดโผนของแก้ว เด็กหญิงแสนซนที่ทำตัวเป็นหัวโจกก่อเรื่องไปต่างๆ นานา ทั้งนี้ เรื่องแก้วจอมแก่น ยังถูกสร้างเป็นละครในช่วงปี 2540 เป็นวรรณกรรมเยาวชน และละครที่เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย สบายใจ และอยู่ในความทรงจำใครหลายคน
‘แก้ว’ เด็กหญิงน่ารักวัยประมาณ 9 ขวบ อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่น มีคุณพ่อ คุณแม่ที่รักใคร่เอาใจใส่ลูกๆ เป็นอย่างดี พี่สาวที่เรียนเก่ง คือ ‘พี่ไก่’ ในวัยประมาณ 13 ปี ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นครู และน้องสาวหนึ่งคนคือ ‘น้องเล็ก’ ในวัยประมาณ 6 ปี ที่ชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรก โดยแก้วเป็นเด็กที่มีความร่าเริงแจ่มใส มั่นใจในตัวเอง มีความเป็นผู้นำ และมีความคิดสร้างสรรค์ จึงกลายเป็นแก่นและซนในสายตาของผู้ใหญ่ มักจะเป็นหัวโจกในหมู่พี่น้องและผองเพื่อนอยู่เสมอ นอกจากนี้แก้วยังเป็นเด็กที่รักสัตว์ ชอบเลี้ยงสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นหมา แมว ปลา อันแสดงถึงความเมตตาที่มีอยู่ในใจ แต่แก้วก็มักจะสร้างวีรกรรม ทั้งที่เป็นการทำดีบ้าง และบางทีก็ทำให้ผู้ใหญ่ถึงกับส่ายหน้า แต่ก็ไม่มีใครโกรธแก้วได้ลงสักที ซึ่งเนื้อเรื่องมักจะแฝงสาระ หรือข้อคิดที่ไม่หนักจนเกินไปสำหรับเด็ก ทั้งเรื่องของการเสียสละความมีน้ำใจและเห็นใจผู้อื่น แถมยังกล่าวถึงวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวไทยอีกด้วย
แม้เวลาจะผ่านพ้นไปหลายทศวรรษ แต่คุณค่าอันงดงามทางปัญญาและอารมณ์ยังคงเด่นชัด แก้วจอมแก่น ยังควรแก่การรับรู้เข้าใจของเยาวชนทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก, ทิพย์วาณี สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก เป็นอีกหนึ่งตำนานที่คนรักหนังสือหลายคนเติบโตขึ้น ถ้าย้อนไปไกลหน่อย หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในสตรีสาร นิตยสารสำหรับสร้างคนรักการอ่านการเขียน และเป็นพื้นที่รวมงานเขียนชั้นแนวหน้าของประเทศในช่วงนั้น หนังสือเล่มนี้ถูกจัดให้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา ทำให้หลายคนน่าจะได้อ่านจากในห้องเรียน เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวรอบๆ ตัวในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยจะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย วิถีชีวิตต่างๆ ของคนไทยในช่วงรอยต่อของยุคเก่าและใหม่ได้อย่างสนุกสนานและน่าสนใจ ทว่างานเขียนเล่มนี้เป็นภาพชีวิตของชนชั้นสูงในช่วงรอยต่อของยุคสมัยด้วย
นิกกับพิม, ว.ณ ประมวญมารค
นิกกับพิม หนังสือที่เราน่าจะนึกภาพหน้าปกเป็นสุนัข 2 ตัว จากการที่นิกกับพิมเป็นหนังสืออ่านนอกเวลาอีกเล่มที่เราต้องอ่านกัน เรื่องราวก็ถือว่าแปลกประหลาด คือเล่าถึงคนในต่างประเทศที่ต่างฝ่ายต่างได้สุนัขคนละสายพันธุ์ โดยเล่าผ่านมุมมองของสุนัข 2 ตัว ที่เริ่มให้สุนัขวิพากษ์วิจารณ์มนุษย์ เริ่มมีเรื่องปัญหาในครอบครัว หลายส่วนขยายไปถึงบริบททางการเมืองยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งนิกกับพิม ถือเป็นร่องรอยของความสัมพันธ์ที่ติดต่อกันผ่านจดหมาย ทั้งยังเป็นเรื่องอ่านสนุก และเปลี่ยนมุมมองจากความเป็นมนุษย์ไปสู่มุมมองอื่นๆ รวมถึงย้อนกลับมานินทาเจ้านายของตัวเอง
ครูไหวใจร้าย, ผกาวดี อุตตโมทย์
เราทุกคนมีภาพของคุณครูที่แสนจะดุ แต่เบื้องหลังคือครูที่ทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด และพยายามส่งเสริมให้เด็กๆ เติบโตขึ้น
ครูไหวใจร้าย เป็นอีกหนึ่งภาพตัวละครที่เราอาจทาบทับไปที่บุคคลอย่างครูจริงๆ ครูที่เมื่อตอนเด็กเราแสนจะหลีกหนี แต่เมื่อโตขึ้น ครูผู้เข้มงวดคนนั้นกลับอยู่ในความทรงจำของเรา ครูไหวใจร้าย จึงเป็นทั้งภาพจำในเชิงตัวละครที่เรารู้จักจากหนังสือ จากฉบับละคร รวมไปถึงภาพครูจริงๆ ที่เราเองก็ต่างมีครูไหวที่คอยไล่กวดลงโทษ และสั่งสอนเราในสมัยเด็กๆ
ครุฑน้อย, คอยนุช
ส่งท้ายด้วยผลงานของนักเขียนที่เขียนงานแนวจินตนาการ เขียนงานสั้นๆ ที่พาเราไปยังดินแดนอื่นแต่คมคาย คอยนุช เป็นนามปากกาของศิริพรรณ เตชจินดาวงศ์ ซึ่งคอยนุชเองเป็นนักเขียนที่เขียนทั้งฟ้าทะลายโจร และมหานคร ผลงานจัดจ้านทั้งฉบับหนังและงานเขียน และคอยนุชยังมีผลงานชื่อน่ารักล้อกับนามปากกาของตัวเองคือ ครุฑน้อย เจ้าครุฑน้อยจึงเป็นอีกงานเขียนที่หยิบเอาครุฑมาเล่าในวิธีการเล่าเรื่องแบบวรรณกรรมเยาวชน โดยพูดเรื่องครุฑน้อยที่มีลักษณะแตกต่างจากพวก การเติบโต และการเรียนรู้ของครุฑน้อยที่นำไปสู่ความเข้าใจ มีกลิ่นอายการเสียดสีสังคมร่วมสมัยตามสไตล์ของคอยนุชเอง