พอจะรู้จัก ดอนกิโฮเต้ หรือเปล่า ?
ถ้าโดยทั่วไปอาจจะเข้าใจกันว่า เป็นนิยายเกี่ยวกับขุนนางชั้นผู้น้อยวัยชราที่อาศัยอยู่ในแคว้นลามันช่า เขาหลงใหลในนิยายอัศวินจนตัดสินใจออกเดินทางต่อสู้กับภัยต่างๆ ที่เกิดจากความเข้าใจผิดอันมาจากความฟั่นเฟือนจากอายุที่ล่วงเลยไป กระนั้นสุดท้ายเรื่องราวของเขากับผู้ติดตามก็ทำให้หลายๆ คน เพลิดเพลินกับวิธีการมองโลกเหมือนฝันเช่นนั้น
แต่ที่เราอยากจะพูดถึงคือ ‘ดองกิโฮเต้’ ร้านค้าแฟรนไชส์ขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งมีข่าวในประเทศไทยว่า ร้านที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นเจ้านี้กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้
แล้วการมาของร้านขายของร้านนี้มันจะมีอะไรแตกต่างกับหลายๆ แบรนด์ที่พุ่งเข้ามาจับจองพื้นที่กันในบ้านเรางั้นเหรอ?

ร้านดองกิโฮเต้ สาขาอากิฮาบาระ ที่ด้านบนเป็นที่ตั้งของ AKB48 Theater ด้วย / ภาพจาก – matcha-jp.com
ในประเทศญี่ปุ่นอันเป็นถิ่นกำเนิดของร้านค้าแบรนด์นี้ ได้ประกาศตัวไว้ชัดเจนว่าเป็น ‘discount store’ หรือร้านค้าลดราคา ตัวร้านนั้นก็พยายามเปิดให้บริการดึกกว่าห้างสรรพสินค้าอื่นๆ ของญี่ปุ่น หรือบางร้านก็จัดเต็มให้บริการกัน 24 ชั่วโมง แข่งกับร้านสะดวกซื้อกันเลยทีเดียว

ภายในที่เต็มไปด้วยสินค้า, ภาพจาก : www.anasiantraveler.com
แม้ว่าสินค้าจะไม่ได้หนีห่างจากห้างทั่วไปหรือมีสินค้าเฉพาะกิจเยอะแบบร้านของแบรนด์สินค้าเอง แต่จุดที่ทำให้ดองกิโฮเต้ไม่เหมือนร้านค้าในยุคหลังคือการจัดสินค้าแทบทุกแบบทุกประเภทจนแน่นเอี๊ยด ไล่เรียงไปตั้งแต่อาหารว่าง เครื่องใช้ประจำวัน เครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว อุปกรณ์คอสเพลย์แบบง่ายๆ ของเล่นจำพวกโมเดลพลาสติก สินค้าแบรนด์เนม เนื้อหมูคุโรบูตะที่เลี้ยงในญี่ปุ่น (สำหรับดองกิโฮเต้สาขาฮาวาย) และของที่คนไทยหลายคนฝากเพื่อนไปซื้อบ่อยๆ นั่นก็คือกลุ่มสินค้าส่งเสริมความสุขทางเพศ หรือถ้าพูดแบบมิตรสหายที่เดินทางไปที่ญี่ปุ่นหลายท่านเขาจะตอบกลับมาว่า “ถามว่าไปแล้วไม่เจออะไรน่าจะง่ายกว่า”

ผู้ก่อตั้งร้านดองกิโฮเต้ ยาสุดะ ทาคาโอะ, ภาพจาก : Reuters
การอัดสินค้าเข้าไปจนสามารถช้อปทีเดียวได้ของเกือบทุกอยางในร้านนี้ เป็นเจตนาของ ผู้ก่อตั้ง ยาสุดะ ทาคาโอะ เคยได้ให้สัมภาษณ์ว่า การวางของให้หาได้ยาก หยิบได้ยาก และซื้อได้ยากนั้นเป็นเทคนิคที่เขาเรียกว่า ‘จัดวางของแบบบีบอัด’ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านนั้นมีความรู้สึกเหมือนกำลังเดินหาสมบัติ รวมถึงว่าเมื่อซื้อของกลับไปแล้วลูกค้าเหล่านั้นก็จะมีความคิดเล็กๆ ในหัวว่า เหมือนจะยังขาดของอะไรบางอย่างและจะทำให้พวกเขากลับมาหาสินค้าใหม่อย่างอื่นกลับไปอีก แถมยังไม่ให้พนักงานของร้านเข้าไปวุ่นวายกับลูกค้าเท่าใดนัก ซึ่งแนวคิดเกือบทั้งหมดของร้านนั้นถือว่าเป็นการฉีกตำราของญี่ปุ่นในยุคก่อนหน้าอย่างมาก
อีกจุดเด่นหนึ่งที่พร้อมจะหลอกหลอนคุณในการเดินทางไปร้านดองกิโฮเต้ ก็คือเพลง Miracle Shopping เพลงประจำร้านที่ชวนให้นึกว่าเป็นเพลงการ์ตูนสักเรื่องพร้อมท่อนสร้อยที่ร้องว่า “ดอง ดอง ดอง ดองกี้” แถมยังเคยออกเป็น CD ขายจริงๆ มาแล้ว (ณ ปัจจุบันอาจจะหา CD ไม่ได้แต่ยังมีเพลงนี้ให้ซื้อในแบบดิจิทัลอยู่)

ภาพจาก : http://www.donki-hd.co.jp
นอกจากจะเป็นร้านขายของที่สะดวกใจไปช้อปสำหรับหลายๆ คนแล้ว ดองกิโฮเต้ยังเติบโตอย่างมาก จนปัจจุบัน Don Quijote Group ยังเติบโตไปในธุรกิจด้านอื่น อย่างร้านขายรถยนต์ เครื่องถ้วยจานชาม ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป รวมไปถึงธุรกิจ Data Service ก็มีเช่นกัน
ถึงจะเลือกจะโดดเด่นแบบแตกต่าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีดราม่าเอาเสียเลย อย่างการที่จัดสินค้าเอาไว้แบบอัดแน่นเต็มร้านก็กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาในตอนที่เกิดเหตุไฟไหม้ที่ร้านดองกิโฮเต้หลายสาขาในช่วงปี 2004 ที่เกิดขึ้นหลายครั้งและมีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีพนักงานต้องเสียชีวิตในครั้งนั้น ทำให้มีเสียงจากประชาชนต่อว่าเรื่องการจัดร้านที่แน่นจนเกินไปทำให้พนักงานหนีออกจากร้านได้ยาก ซึ่งหลังจากช่วงนั้นทางร้านก็ดูเพลาๆ เรื่องการอัดสินค้าจนแน่นติดเพดานไปบ้าง แต่ของให้ซื้อก็ยังมีเยอะอยู่เหมือนเดิม
ส่วนแนวโน้มที่จะเข้ามาในประเทศไทยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์มากมายเท่าใดนัก ด้วยความที่ชาวไทยทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่ไปพำนักที่ญี่ปุ่นทั้งแบบชั่วคราวและแบบถาวรต่างก็นิยมไปร้านนี้ ตัวร้านดองกิโฮเต้เองก็รู้ว่ามีคนต่างชาติเยอะ ถึงระดับที่เปิดสาขา Tax Free ที่รับชำระสินค้าด้วยเงินตราต่างประเทศ แถมพนักงานในร้านก็พูดภาษาอื่นนอกจากญี่ปุ่นได้ รวมกับการความต้องการจะขยายตลาดออกนอกประเทศของบริษัทญี่ปุ่น ต่อจากที่ได้เปิดร้านในเกาะฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกามาแล้ว

ป้ายโปรโมชั่นแบบภาษาไทยที่จับกลุ่มคนไทยแบบสุดๆ ของร้านดองกิโฮเต้, ภาพจาก : www.facebook.com/donquijote.yokoso.th
อีกประการหนึ่งก็เห็นได้จากทั้งหน้าร้านค้า หน้าเว็บไซต์ หรือหน้าเฟซบุ๊กของร้านแห่งนี้ คือการมีบริการภาษาไทยแบบเต็มรูปแบบ มีพนักงานคนไทยไปร่วมงานตามร้านสาขาที่ญี่ปุ่น เคยมาเปิดบูธในไทยแล้วตามอีเวนท์งานท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นต่างๆ แล้วก็ยังมีโปรโมชั่นแบบ ‘รู้ใจคนไทย’ ออกมาให้เห็นอยู่หลายครั้ง การที่ Don Quijote Group อาจจะจับมือกับแบรนด์ที่มาตีตลาดไทยมาก่อนแล้วเปิดร้านสาขาให้กระจายเป็นดอกเห็นทั่วประเทศไทยก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยแม้แต่น้อย
สำหรับใครที่คิดว่าร้าน Don Don Donki ที่ทาง Don Quijote Group ของญี่ปุ่นมาเปิดในไทย จะมีสินค้าแนวสุขภาพสุขเพศหรืออุปกรณ์ของเล่น 18+ ทั้งหลาย เราฟันธงได้อย่างแน่นอนว่าคงจะไม่มีโอกาสได้ข้ามน่านฟ้าเข้ามาในเมืองไทยแบบแหงแซะ
อ้างอิงข้อมูลจาก