ALOHA! ช่วงนี้กระแสไปพักร้อนที่ฮาวายมาแรงมากๆ ไม่รู้ influencer คนไหนมานำเทรนด์อะเนอะ แต่ประชาชนผู้เสียภาษีอย่างเราๆ ก็ไม่ได้ร่ำรวยเงินทองมากพอจะเหมาเครื่องบินไปเที่ยวประเทศหมู่เกาะสุดเอ็กโซติกได้ทุกคน เราเลยมีทิปส์แอนด์ทริคง่ายๆ สำหรับคนที่อยากกินอยู่สไตล์ฮาวายแบบประหยัดๆ ในกรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรนี่แหละ ถ้าพร้อมแล้วก็ลุยกันเลย!
1. ใส่เสื้อฮาวาย
ก่อนอื่นต้องให้เสื้อผ้าช่วยเซ็ตมู้ดแอนด์โทนให้เรา แล้วอะไรจะดูฮาวายไปกว่าเสื้อฮาวายล่ะเอ้อ! เสื้อลวดลายสีสันสดใสนี้ถือกำเนิดขึ้นบนเกาะฮอนโนลูลู ในปี 1915 โดยเจ้าของห้องเสื้อชาวญี่ปุ่นชื่อว่า Koichiro Miyamoto เป็นผู้ริเริ่มนำผ้ากิโมโนมาตัดเป็นเสื้อเชิ้ตสไตล์ตะวันตก จะได้ใส่สบายแต่ยังมีกลิ่นอายแดนอาทิตย์อุทัยอยู่ เวรี่ฟิวชั่น แต่รับทำแบบ made-to-order เท่านั้น (ถ้าสงสัยว่าทำไมต้องญี่ปุ่น ตามไปอ่าน ‘ไม่ใช่แค่คนไทยที่ไปฮาวายกัน ทำไมคนญี่ปุ่นนั้นชอบไปฮาวาย’ แล้วจะเข้าใจ)
แต่คนที่ทำให้เสื้อฮาวายฮอตฮิตจริงๆ คือ Ellery Chun เจ้าของห้องเสื้อบนเกาะไวกิกิ ผู้ตัดเย็บเสื้อฮาวายแบบ ready-to-wear ออกมาวางขายในช่วงปี 1930s แล้วก็มีเจ้าอื่นๆ ทำตามกันเป็นพรวน เสื้อฮาวายกลายเป็นของฝากยอดฮิตที่ใครไปใครมาต้องซื้อ สุดท้ายมันก็เลยแพร่กระจายไปทั่วโลกและกลายเป็นไอเท็มที่อยู่คู่วงการแฟชั่นมาจนถึงปัจจุบัน
ถ้าใครยังไม่มีเสื้อฮาวายอยู่ในครอบครอง เราขอชี้เป้าให้ไปช้อปซักตัวสองตัวจะได้ไม่ตกเทรนด์
ร้าน Yesterday Today Tomorrow มักคัดเสื้อฮาวายมือสองสภาพดีมาบ่อยๆ ลองไปส่องดูได้
Hawaii Sea Shirt ขายเสื้อฮาวายล้วนๆ เลยจ้า
Pronto ก็มีเสื้อฮาวายจาก RJC & Kalaheo Hawaiian Shirt และ Sun Surf ให้เลือกนะเออ
2. เล่นอูคูเลเล่
เครื่องดนตรี 4 สายนี้จะมีถิ่นกำเนิดที่ไหนได้นอกจากฮาวาย! อูคูเลเล่นั้นดัดแปลงมาจาก machete ของโปรตุเกส ขึ้นบกมาพร้อมกับผู้อพยพชาวโปรตุเกสนั่นเอง เวลาพูดถึงอูคูเลเล่เรามักจะนึกถึงเพลงที่ให้ฟีลทะเล้ทะเลของนักดนตรีอย่าง Jack Johnson หรือถ้าบ้านเราก็ต้องพี่สิงโต นำโชคไง
อูคูเลเล่มีหลายไซส์หลายราคา ถ้าใครสนใจไปลองจับเล่นที่ร้านก่อนได้ จริงๆ ก็มีหลายร้าน แต่ถ้าเอาสะดวกใจกลางเมืองติดรถไฟฟ้า ลองไปดูที่ร้าน Ribbee Ukulele Paradise ที่ชั้น 3 Centerpoint of Siam Square (BTS สยาม)ไม่ก็ชั้น 3 Terminal 21 (BTS อโศก) เด้อ
เออ แต่ถ้าง่อยด้านดนตรีแบบเราก็เปิดยูทูบฟังเพลงเอาละกันเนาะ
3. กินอาหารฮาวาย
ร้านอาหารฮาวายหนึ่งเดียวในไทยคือ Mokuola Hawaii (ซึ่งจริงๆ เป็นอาหารญี่ปุ่นฟิวชั่นฮาวาย) ที่นี่โดดเด่นเรื่องแพนเค้กนุ่มฟู แต่อาหารก็ดีงามไม่แพ้กัน ถ้าอยากลิ้มรสฮาว้ายฮาวาย เราแนะนำเมนู Loco Moco Combo ข้าวสวยโปะแฮมเบิร์กและไข่ดาวราดซอส เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟราย สลัด และซุป ขอเตือนว่าอาหารชุดคอมโบจานค่อนข้างใหญ่ ชวนกันไปหลายๆ คนจะได้อิ่มอร่อยพร้อมหน้าแบบไม่มีของเหลือทิ้งจ้า
ชั้น 3 The Mercury Ville (BTS ชิดลม), ชั้น 4 Siam Paragon (BTS สยาม), ชั้น 6 The EmQuartier (BTS พร้อมพงษ์)
4. กินพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยน
เอาซี่ อยู่บ้านก็เหมือนไปฮาวายได้แค่สั่งพิซซ่าหน้าฮาวาเอี้ยนมากิน! จะโทร 1112,1150 หรือ 1612 ก็เลือกเอาตามสะดวก เอ้อ แต่อันที่จริง พิซซ่าหน้าแฮมและสับปะรดนี้มีที่มาจากประเทศแคนาดานะ โดยสองพี่น้อง Sam และ Nick Panopoulos แห่งร้าน Satellite ในรัฐออนแทรีโอเคลมว่าตัวเองเป็นเจ้าแรกที่ทำออกมาขาย
5. กินเบอร์เกอร์ฮาวาย
นอกจากนี้ สองพี่น้องเจ้าเดิมจากข้อที่แล้วยังเคลมว่าตัวเองคิดค้นเบอร์เกอร์ฮาวาเอี้ยนด้วยนะ คอนเซ็ปต์ง่ายมาก แค่เอาสับปะรดโปะลงบนเนื้อเท่านั้นเอง ถ้าอยากชิมว่ารสชาติเข้ากันมั้ย ลองสั่ง Hawaiian Whopper ที่ Burger King หรือไม่ก็ไปบุกร้าน Teddy’s Bigger Burger ซึ่งเป็นร้านเบอร์เกอร์เจ้าดังจากฮอนโนลูลู ความดีงามอยู่ที่แป้งขนมปังผสมมันฝรั่ง และเรายังเลือกความสุกของเนื้อได้ดั่งใจ
นอกจากเมนูเบอร์เกอร์ฮาวายแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูซิกเนเจอร์อื่นๆ เช่น Bacado Burger ที่ใส่อโวคาโดมาด้วย อีกทั้งมีของกินเล่นและเครื่องเคียงนานาชนิด เช่น เฟรนช์ฟราย เทเทอร์ท็อท ไก่นิวออร์ลีนส์ ซุป สลัด ฯลฯ ทางร้านจัดโปรบ่อยมาก เช็กหน้าเพจเฟซบุ๊กของร้านก่อนไปจะได้คุ้ม!
ชั้น G Gateway Ekamai (BTS เอกมัย), ชั้น G Central ปิ่นเกล้า
6. กินสับปะรด
เหตุที่อะไรๆ ที่ได้ชื่อว่าฮาวาเอี้ยนมีสับปะรดเป็นส่วนประกอบนั้นเป็นเพราะฮาวายเป็นแหล่งปลูกสับปะรดนะเออ ปลูกกันเป็นล่ำเป็นสันถึงขั้นเป็นสินค้าส่งออกหลักของเกาะเลยทีเดียว อย่าง Dole บริษัทผลไม้แปรรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็เริ่มจากเป็น Hawaiian Pineapple นะเออ
แต่เราชาวไทยผู้ต้องกินอยู่อย่างประหยัดจะซื้อสับปะรดฮาวายก็ใช่ที่ ขอแนะนำให้กินสับปะรดภูแลในรถเข็นหน้าออฟฟิศก็พอ จ่ายแค่ 20 บาทได้สับปะรดงานมิรเรอร์เกรดเอประหนึ่งอยู่ฮาวาย!
7. กินน้ำแข็งไสหน้าปากซอย
เหยข้อนี้ง่าย! รู้มั้ยว่าฮาวายขึ้นชื่อเรื่องน้ำแข็งไสด้วยนะ แถมเป็นน้ำแข็งไสราดน้ำหวานแบบบ้านๆ ประเภทที่เรากินหน้าโรงเรียนประถมหรือหน้าปากซอยบ้าน ไม่ต้องลำบากไปหาบิงซูหรือคากิโกริตามคาเฟ่ชิคๆ คูลๆ ให้เหนื่อย แล้วข้อดีของการกินน้ำแข็งไสที่กรุงเทพฯ คือมีเครื่องอันคุ้นเคยอย่างลูกชิด ทับทิมกรอบ ถั่วแดง ขนมปัง ไปฮาวายไม่มีเครื่องแบบนี้หรอกนะแก!
8. จิบค็อกเทล Blue Hawaii
ค็อกเทลนี้เกิดขึ้นในบาร์ของโรงแรม Hilton Hawaiian Village บนเกาะไวกิกิ โดยมีส่วนผสมของน้ำสับปะรด รัม และเหล้า blue caracao ซึ่งเป็นที่มาของสีฟ้าสดใสเป็นเอกลักษณ์ โชคดีหน่อยที่เจ้าบลูฮาวายนี้เป็นที่นิยมมากจนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในค็อกเทลคลาสสิค ฉะนั้นไม่ต้องไปฮาวายหรอก ไปบาร์ไหนๆ ในกรุงเทพฯ ก็มีแล้ว ต้องเงินเหลือแค่ไหนถึงจะบินไปถึงที่ ถ้าใครอยากไปลองร้านใหม่ๆ Mancace the Bar ในย่านอารีย์เพิ่งเปิดได้ไม่นาน โดยเมนูจะเน้นหนักไปที่ค็อกเทลนานาชนิด แต่ก็มีอาหารการกินอื่นๆ ด้วยจ้า
พหลโยธินซอย 5 (BTS อารีย์)
ว่าแต่ แต่ละอย่างราคามิตรภาพขนาดนี้ ต่อให้ซื้อทั้งหมดก็ยังไม่ถึง 20 ล้านเลยแกร๊ งั้นก็ถลุงเงินวนไปค่ะ!