สุขาวดีอเวจี จากยาอายุวัฒนะบนเกาะของจิ๋นซี ถึงศิลานักปราชญ์ของนิวตัน
ช่วงนี้นอกจากดาบพิฆาตอสูรแล้ว ในวงการอนิเมะยังมีเรื่อง ‘สุขาวดีอเวจี’ ที่กำลังทยอยฉายออกรายสัปดาห์ในวันใกล้ๆ กัน โดยตัวเรื่องสุขาวดีอเวจีหรือ Jigokuraku ว่าด้วยการเดินทางตามหา ‘ยาอายุวัฒนะ’ ตามคำสั่งของโชกุน ดินแดนของยาอายุวัฒนะนั้นอยู่บนเกาะที่วาดตามความเชื่อว่าเป็นดินแดนสุขาวดีหรือสรวงสวรรค์ แต่บนเกาะที่เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์และอาจมียาที่ทำให้ไม่เจ็บไม่ตายนั้นอาจเป็นนรกบนดินก็ว่าได้
สุขาวดีอเวจี มีประเด็นเรื่องที่น่าสนใจหลายแง่ นอกจากการสร้างตัวละครที่น่าสนใจเช่นความสัมพันธ์ระหว่างนักบั่นเศียรกับเหล่าอาชญากรที่เทพเกินมนุษย์แล้ว การกลับไปเล่นกับแนวคิดของมนุษย์ที่ที่อยู่ในเรามาอย่างเนิ่นนานทั้งดินแดนอุดมคติ พื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์และสุขสงบ ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เราใฝ่ฝันไว้จากอดีตมาจนถึงแนวคิดเรื่องอุตมรัฐ (Utopia) ในปัจจุบัน รวมถึงการพูดถึงวัตถุพิเศษคือยาอายุวัฒนะ สิ่งที่กินเข้าไปแล้วจะทำให้มนุษย์ไม่เป็นมนุษย์อีกต่อไป กลายเป็นอมตะเอาชนะความเจ็บ ความชรา และความตายได้
ยาอายุวัฒนะ จึงเป็นหนึ่งในความหมกมุ่นและความใฝ่ฝันของมนุษย์ในแทบจะทุกวัฒนธรรม ทั้งนี้ประเด็นเรื่องของสุขาวดีอเวจีคือการที่โชกุนสั่งให้นำตัวนักโทษไปค้นหายาอายุวัฒนะ ก็ล้อกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่สัมพันธ์กับตำนานรากเหง้าของประเทศจีน คือจิ๋นซีฮ่องเต้เองก็มีตำนานเล่าว่าเคยให้ออกไปหาเกาะที่มีเซียนและยาอายุวัฒนะอยู่ แนวคิดเรื่องยาอายุวัฒนะนี้แม้แต่ภายหลัง ชื่อสำคัญเช่นศิลานักปราชญ์ ก็มีความเกี่ยวข้องกับการสร้างยาอายุวัฒนะ นักวิทยาศาสตร์เช่น ไอแซก นิวตัน (Isaac Newton) เองก็มีความสนใจ โดยพบบันทึกส่วนผสมของศิลานักปราชญ์ของนิวตันเองด้วย
ภูเขาสามลูกกลางทะเล เซียน และยาอายุวัฒนะ
แนวคิดเรื่องยาอายุวัฒนะเป็นวัตถุหรือความคิดที่พบได้เกือบทุกที่ ในมหากาพย์กิลกาเมชของอารยธรรมเมโสโปเตเมียก็เล่าถึงการเสาะหายาวิเศษที่ทำให้ กิลกาเมช เป็นอมตะ เนื่องจากกิชกาเมชกลัวว่าความชราและความตายจะพรากตนออกจากคนรักไป ในตำนานกรีกก็พูดถึงอาหารทิพย์ที่เทพแห่งโอลิมปัสกิน อาหารที่เมื่อมนุษย์ได้บริโภคเข้าไปก็จะกลายเป็นทวยเทพ และทิ้งสถานะมนุษย์ (Mortal) กลายไปสู่เทพผู้ไม่มีวันตาย
ในเรื่องเล่าของยาอายุวัฒนะ จีนเป็นดินแดนที่จริงจังกับการค้นหายาอายุวัฒนะอย่างจริงจังมากที่สุดวัฒนธรรมหนึ่ง แน่นอนว่าฮ่องเต้จีนในฐานะโอรสสวรรค์และผู้ปกครองดินแดนอันไพศาล สิ่งเดียวที่ฉุดรั้งฮ่องเต้ไว้คือความเป็นมนุษย์ ซึ่งหมายถึงความแก่และความตาย
ตามตำนานจีน ยาอายุวัฒนะเป็นสิ่งที่เรามองเห็นทุกครั้งที่มนุษย์เงยหน้ามองฟ้า มองดวงจันทร์ ความเชื่อจีนเชื่อว่าบนดวงจันทร์เป็นที่อยู่ของกระต่าย กระต่ายที่กำลังตำข้าวนี้เชื่อว่าเป็นผู้รับใช้เซียนและเป็นผู้ช่วยของเทวีฉางเอ๋อ เทวีแห่งดวงจันทร์ พวกมันมีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ ในระดับความหมาย ยาอายุวัฒนะจึงเป็นสิ่งที่เราใฝ่ฝันเมื่อเงยหน้ามองฟ้า
สำหรับฮ่องเต้จีน การแสวงหารวมถึงการปรุงและเสวยสิ่งที่เชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ เป็นสิ่งที่ค้นหาและปรุงถวายกันอย่างจริงจัง และแน่นอนว่ายุคสมัยที่รุ่งเรืองและมั่นคงที่สุดคือยุคของจิ๋นซีฮ่องเต้ ในสมัยนั้นเองที่มีตำนานและมีบันทึกพูดถึงว่าฮ่องเต้ได้รับสั่งให้ออกเรือเพื่อค้นหาเกาะวิเศษสามเกาะที่เชื่อว่ามีเซียนอาศัยอยู่บนเกาะนั้น เซียนนั้นครอบครองและปรุงยาวิเศษที่เสวยแล้วจะเข้าสู่ลักษณะความเป็นเซียนคือเอาชนะความเจ็บและความตายได้
ตรงนี้เองที่ดูเหมือนว่าสุขาวดีอเวจีจะนำตำนานเรื่องเล่าของจีนมาเล่นซ้ำเพื่อเริ่มภารกิจค้นหายาอายุวัฒนะ เรื่องเล่าเรื่องจิ๋นซีฮ่องเต้รับสั่งให้ออกหายาอายุวัฒนะ เป็นทั้งตำนานและมีหลักฐานที่ค่อนข้างกระจัดกระจาย แต่ภายหลังมีรายงานพบบันทึกว่าทรงเชื่อและค้นหายาอายุวัฒนะจริง
โดยทั่วไป การหายาอายุวัฒนะของจิ๋นซีฮ่องเต้จะว่าด้วยการเข้ามาของนักบวชลัทธิเต๋า ความเชื่อเรื่องเซียนคือทรงเชื่อว่ามีเซียนอยู่และพยายามตามหาเซียนนั้น ในบันทึกประวัติศาสตร์ของ ซือหม่าเชียน (司馬遷) บันทึกเรื่องราวของจิ๋นซีและเรื่องราวสำคัญในรัชสมัยนั้น ก็มีการเล่าถึงเหตุการณ์ตามหายาอายุวัฒนะด้วยโดยบันทึกไว้ในปีที่ 28 หลังการสถาปนา
ในปีนั้น บันทึกระบุการถวายฎีกาเกี่ยวกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์สามลูกชื่อว่า เผิงไหล ฟางจ้าง และอิ๋งโจว เป็นที่ประทับของเซียน ขอให้ฮ่องเต้ถือศีลและนำเด็กชายเด็กหญิงไปขอพบ ในการนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้จึงคัดเลือกเด็กชายเด็กหญิงหลายพันคนเพื่อเดินทางออกทะเลไปเสาะหาเซียน ตรงนี้มีประเด็นทั้งที่ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้มีการเสด็จประพาสเมืองชายทะเลบ่อยครั้ง ส่วนหนึ่งคือการเชื่อคำของนักพรตเต๋าว่ายานั้นอยู่ในทะเล ระหว่างทางก็มีอุปสรรคไม่ว่าจะเป็นปลายักษ์หรือภูติผีก็สุดแท้แต่นักพรตจะสมอ้าง
ในเกาะเผิงไหล รวมถึงการตามหายาอายุวัฒนะมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับตำนานและการเกิดขึ้นของอาณาจักรญี่ปุ่น ในเรื่องเล่ามีการเล่าถึงการเดินเรือ 2 ครั้งเพื่อตามหาภูเขาในตำนาน ในตำนานเล่าว่าเดินทางไปครั้งแรกไม่เจอ พอไปครั้งที่ 2 พร้อมชายหนุ่มและหญิงพรมจรรย์ 2 พันคน เป็นคำสั่งของจิ๋นซีและกลายเป็นว่าเรือได้ค้นพบเกาะญี่ปุ่น และเชื่อว่าภูเขาไฟฟูจิก็คือเขาแห่งเซียน กลุ่มนักค้นหาแดนสวรรค์แรกจึงตั้งรกรากและสืบเชื้อสายเป็นชาวอาทิตย์อุทัยในเวลาต่อมา
ตรงนี้เองที่มีความเชื่อมโยงต่อกันทั้งตำนานจีนและญี่ปุ่น โดยตำนานของญี่ปุ่นเป็นเรื่องเดียวกันกับที่สุขาวดีอเวจีนำมาใช้ คือเชื่อว่าเกาะและเขาสุขาวดีเป็นดินแดนเฉพาะ ทว่าตำนานของญี่ปุ่นก็ปฏิเสธบางความเชื่อของจีน เช่นยังเชื่อว่าเป็นที่ๆ เจ็บได้ ตายได้ เศร้าหมองได้ แต่ในที่นั้นมีผลไม้วิเศษที่รักษาโรคและมอบชีวิตนิรันตร์ให้ผู้ที่กินเข้าไปได้
ย้อนกลับไปที่จีนภายหลังในปี 2002 มีการค้นพบม้วนบันทึกโบราณที่เมืองหูหนาน ในบันทึกพูดถึงการออกราชโองการค้นหายาอายุวัฒนะ มีบันทึกกราบทูลจากเมืองน้อยใหญ่ที่ล้มเหลวในการค้นหายาหรือพืชวิเศษต่างๆ สำหรับฮ่องเต้จีนมีบันทึกเสวยยาอายุวัฒนะในช่วงที่การแพทย์ยังไม่เจริญ สสารที่เชื่อว่าทำให้อายุยืนขึ้นแท้จริงอาจบั่นทอนสุขภาพ เช่น มีการปรุงยาที่มีส่วนประกอบของตะกั่ว โลหะ หยก ไปจนถึงวัตถุดิบแปลกประหลาดต่างๆ ที่อาจส่งผลตรงกันข้ามต่อสุขภาพ
ยาอายุวัฒนะ และศิลานักปราชญ์ของไอแซก นิวตัน
ความคิดเรื่องยาอายุวัฒนะที่หมายถึงสสารในตำนาน แง่หนึ่งก็ค่อยๆ เสื่อมความสนใจ กลายสถานะเป็นตำนานและเรื่องเล่า นอกจากการตามหายาอายุวัฒนะ สสาร และสรรพสัตว์ในตำนานในพื้นที่ต่างๆ แล้ว ในโลกนี้ยังมีความเชื่อเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุซึ่งก็ค่อนข้างสัมพันธ์กับรากฐานวัฒนธรรมในหลายพื้นที่ แต่ในระยะหลังคือยุคกลาง การเล่นแร่แปรธาตุที่เฟื่องฟูขึ้นในยุคกลางของยุโรป และนับเป็นรากเหง้าหนึ่งของวิทยาศาสตร์และปรัชญาที่สัมพันธ์กับธรรมชาติ และการเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์เช่นการทดลองและแขนงวิชาเคมี
เบื้องต้นที่สุด การเล่นแร่แปรธาตุว่าด้วยความสัมพันธ์ของสรรพสิ่งและการทำให้ธาตุหนึ่งๆ บริสุทธิ์ มีเป้าหมายสำคัญเป็นวัตถุในตำนานที่เรียกว่า ‘ศิลานักปราชญ์’ ศิลานี้อาจจะเป็นอะไรก็ได้ เป็นแร่ธาตุหรือเป็นกระบวนการในตำนานที่มีอำนาจในการแปรธาตุ หลักๆ แล้วคือเปลี่ยนโลหะกลายเป็นทองคำ ชื่อของศิลานักปราชญ์ค่อนข้างสะท้อนการอธิบายตำนานต่างๆ ด้วยสารบบเดียวกัน เช่น ศิลาแห่งปัญญา ผลไม้ต้องห้าม (The Forbidden Fruit) หรือยาครอบจักรวาล (Universal Medicine) ในสิ่งที่นักเล่นแร่ธาตุค้นหา นอกจากจะเป็นการเปลี่ยนโลหะใดใดเป็นทองคำแล้ว อำนาจของศิลานักปราชญ์คือการให้ชีวิตนิรันดร์ โดยสามารถสร้างยาอายุวัฒนะได้เช่นกัน
ต้องเข้าใจก่อนว่าในช่วงปลายยุคกลางเชื่อมต่อกับยุคสมัยใหม่ การเล่นแร่แปรธาตุนับเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์และความรู้สมัยใหม่ในยุครอยต่อ หลายครั้งสัมพันธ์คาบเกี่ยวกับศาสตร์และปรัชญาโบราณ นักคิดเช่น นิวตันเองก็มีความสนใจคาบเกี่ยวระหว่างวิทยาศาสตร์สมัยใหม่กับการเล่นแร่แปรธาตุ
ศิลานักปราชญ์ของนิวตัน เป็นหนึ่งในหลักฐานความสนใจของยุคสมัยในแร่ธาตุและความคิดแบบวิทยาศาสตร์ ต่อการสกัดและหาความเชื่อมโยงของสสาร ไปจนถึงการสร้างสสารในตำนาน ตัวหลักฐานคือการค้นพบบันทึกวัตถุดิบและการสร้างศิลานักปราชญ์ที่เขียนด้วยลายมือของนิวตันเอง ตัวบันทึกมีประเด็นหรือชื่อที่ยาวเหยียด โดยพูดถึงการเตรียม ‘Sophick Mercury’ ในที่นี้หมายถึงแร่นักปราชญ์ แร่สำคัญที่จะเป็นหัวใจในการทำศิลานักปราชญ์ต่อไป ตัวเอกสารที่ค้นพบนิวตันเขียนชื่อเรื่องว่า Preparation of the [Sophick] Mercury for the [Philosophers’] Stone
เจ้าแร่ปราชญ์นั้นเป็นแร่พิเศษที่เชื่อว่าเป็นแร่สำคัญที่จะทำหน้าที่แยกองค์ประกอบของโลหะหรือสสาร และเชื่อว่าเมื่อแยกองค์ประกอบย่อยออกจากกันได้แล้ว นักเล่นแร่แปรธาตุก็จะประกอบองค์ประกอบเหล่านั้นขึ้นใหม่เป็นแร่ประเภทอื่นได้ (ซึ่งก็น่าจะหมายถึงทองคำ แร่มีค่าที่อาจจะแตกจากตะกั่วและเปลี่ยนเป็นทองได้) บันทึกหรือสูตรการสร้างแร่นักปราชญ์เป็นสูตรที่นิวตันไปคัดลอกจาก Eirenaeus Philalethes นักเล่นแร่แปรธาตุที่ตอนหลังพบว่าเป็นนามแฝงของ จอร์จ สตาร์กีย์ (George Starkey) นักวิทยาศาสตร์ที่มีผลงานเผยแพร่อย่างเป็นทางการกลุ่มแรกของอเมริกาในศตวรรษที่ 17
สำหรับสูตรศิลานักปราชญ์ที่นิวตันคัดลอกไว้ค่อนข้างเหมือนกับสูตรของต้นฉบับ ตัวสูตรจะว่าด้วยการกลั่นและหลอมธาตุปรอท หรือ Mecury หนึ่งในกระบวนการที่น่าสนใจของการสร้างศิลานักปราชญ์หรือการแปรธาตุ คือกระบวนการเกิดพฤกษาแห่งชีวิต (Tree of Life) ซึ่งการที่แร่นั้นๆ แตกกิ่งก้านเหมือนกับต้นไม้ ตรงนี้เป็นความน่าตื่นตาตื่นใจคือโลหะในกระบวนการในห้องทดลองได้สร้างลักษณะที่คล้ายชีวิตขึ้นคือการแตกกิ่งก้านออก อย่างไรก็ตามกระบวนการแปรธาตุนั้นมีศาสตร์เฉพาะ ชื่อของสิ่งต่างๆ สัมพันธ์กับตำนานและความเปรียบ เช่น การทำแร่ให้มีลักษณะเป็นพิราบของไดอาน่า หรือการสกัดกลั่นสารที่ผสมมังกรเพลิงเข้ากับธาตุอื่นๆ
สำหรับนิวตัน ความสนใจเรื่องการสร้างศิลานักปราชญ์และการเล่นแร่แปรธาตุ ไม่มีหลักฐานว่านิวตันได้ลงมือสร้างศิลานักปราชญ์จริงไหม แต่บันทึกของนิวตันทำให้เห็นความสนใจและอิทธิพลของความคิด การสังเกตธรรมชาติ ตรงนี้เองนำไปสู่บางมุมมอง เช่นการแยกแสงสีขาวออกเป็นเฉดสีของนิวตันก็ คล้ายกับการแยกองค์ประกอบที่มองไม่เห็นของแสงนั้นๆ อิทธิพลของการเล่นแร่แปรธาตุอาจสัมพันธ์กับการสังเกตธรรมชาติ การสร้างอุปกรณ์เพื่อสังเกตสิ่งรอบๆ ตัวอย่างถี่ถ้วน
ในแง่ความฝันของมนุษย์ที่มีต่อความเป็นอุดมคติและการก้าวพ้นความเป็นมนุษย์ การไม่แก่ไม่ตายและความเป็นอมตะเป็นสิ่งที่มนุษย์เรานึกถึงอยู่เสมอ ระยะหลัง การเอาชนะความแก่และความตายรวมถึงโรคภัยอาจมาในรูปแบบของนวัตกรรมทางการแพทย์ ในข้อเขียนของแพทย์ในปี 1889 เองก็ยังใช้อุปมาของยาอายุวัฒนะในการค้นหาปลายทางชีวิตที่ดีของมนุษย์ต่อไป
ทว่าในแง่ของจินตนาการ ความฝันที่ดูจะเป็นความฝันต้องห้ามที่เป็นไปไม่ได้ อย่างชีวิตอมตะหรือดินแดนสุขาวดี สุดท้าย มักไม่ค่อยนำพาไปสู่ปลายทางที่ดีงามหรือจุดจบที่งดงามเท่าไร การได้ชีวิตอมตะของมนุษย์ในนิยายไซไฟ ดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่กลายเป็นพื้นที่แห่งความบ้าคลั่งและการควบคุม โลกยูโทเปียกลายเป็นดิสโทเปีย สุขาวดีกลายเป็นพื้นที่ปีศาจ ความฝันที่จะมีชีวิตนิรันดร์ ความตายอาจกลายเป็นยอดปรารถนาของความปกติสุข
อ้างอิงข้อมูลจาก