เนื้อหาของการ์ตูนเข้าข่ายล้อเลียนประเด็นอ่อนไหวอยู่หรือเปล่า?
หากพูดถึงการ์ตูนที่มีเนื้อหาเชิงเสียดสีและล้อเลียนในประเด็นละเอียดอ่อน เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะมีอยู่ในใจ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดูมาก่อน เรากำลังจะพูดการ์ตูนที่นำเสนอเนื้อหาในลักษณะล้อเลียน เหยียดหยาม รวมถึงการสร้างมุกตลกจากประเด็นอ่อนไหวในสังคม เช่น เพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือกระทั่งการเมือง โดยเล่าผ่านพฤติกรรมและคำพูดของตัวการ์ตูนในเรื่อง
หลายคนอาจมองว่า ในโลกสมัยใหม่ที่ความ PC เริ่มมีบทบาทในสังคม จนเราเกิดการเริ่มตระหนักและระมัดระวังในการใช้สื่อมากขึ้น การ์ตูน Non-PC เหล่านี้ดูเหมือนจะตกยุคและไม่น่ามีฉายแล้วในปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริง การ์ตูนประเภทดังกล่าวกลับยังมีให้เราดูได้ทั่วไป การมีอยู่ของการ์ตูนเหล่านี้กำลังบอกอะไรเราอยู่ไหมนะ?
งานศึกษาเกี่ยวกับบทบาทของการ์ตูนในฐานะเครื่องมือสื่อสารมวลชน โดยโมห์เซน ซาริเฟียน (Mohsen Zarifian) นำเสนอไว้ว่า การ์ตูนเป็นเครื่องมือที่สามารถถ่ายทอดข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บางครั้งมักถูกใช้ในการวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาสังคม การเมือง และวัฒนธรรม เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงประเด็นต่าง ๆ
เมื่อการ์ตูนไม่ใช่สื่อเพื่อความสนุกสนานสำหรับเด็กเพียงอย่างเดียว การมีอยู่ของการ์ตูนแนว Non-PC คืออะไร? The MATTER จึงขอชวนคุยกับ ผศ.ก่อพงศ์ วิชญาปกรณ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาภาษาและวรรณคดีอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงมุมมองและเบื้องหลังเกี่ยวกับการ์ตูนแนวนี้กัน
นิยาม PC และ non-PC ในมุมมองของอาจารย์
ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยเห็นด้วยหากจะนิยามแบบนี้ แต่ถ้าต้องตอบสั้นๆ คงเป็นอย่างที่หลายคนเข้าใจอยู่แล้วว่า PC (Political Correctness) คือความถูกต้องเชิงการเมือง ว่าด้วยแนวคิดที่พยายามให้พื้นที่และเสียงกับความเป็นชายขอบในบริบทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพ ชนชั้น ร่างกาย จิตใจ ชาติพันธุ์ อายุ ฯลฯ โดยประเด็นเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เรื่องระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เท่านั้น ยังรวมถึงสิ่งแวดล้อมและสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย ในขณะเดียวกัน Non-PC (Non-Political Correctness) คือปรากฏการณ์ที่ PC นิยามขึ้นมา โดยจำกัดความว่าเป็นสิ่งที่ควรแก้ไข ปรับปรุง หรือปฏิเสธผ่านการต่อรองในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้ ตัวผมไม่เห็นด้วยกับการเข้าใจในลักษณะดังกล่าวเท่าไหร่นัก ตัวแปรหลักสำคัญของปรากฏการณ์ดังกล่าวคือ สื่อสังคมออนไลน์ที่ทำให้ปรากฏการณ์นี้มีความชัดเจนมากขึ้น เพราะการนิยามความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 คำนี้ ถือเป็นอิริยาบถในนิยามการทำงานของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า PC อยู่แล้วหรือเปล่า
หากจะแบ่งระหว่าง PC กับ Non-PC อย่างชัดเจนอาจเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเหยียดเพศไม่ต่างจากการยอมรับความคิดเห็นเกี่ยวเพศที่ไม่วางบนฐานชายเป็นใหญ่นะ แต่มันแปลว่ากระบวนการทำงานของสิ่งที่เรียกว่าการเมืองเองเป็นเรื่องของกระบวนการ (project) ไม่น่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่จะหยุดนิ่งเป็นสูตรว่าควรหรือไม่มากกว่า ไม่น่าเป็นชุดคำตอบที่เราจะจับไปใส่กับแต่ละเหตุการณ์ได้ว่าอะไร PC หรือไม่
PC จึงไม่ควรเป็นแค่เรื่องของความถูกต้องเชิงการเมืองที่ว่าด้วยสูตรตายตัว ไม่ควรทำเพียงอย่างเดียว และไม่ควรเป็นแค่เกมไวยากรณ์ ว่าอะไรพูดได้ อะไรทำไม่ได้ แต่ควรมีมิติเชิง Political-Critical ด้วย เพราะความถูกต้องควรมีเรื่องวิพากษ์ตัวเองได้ คอยต่อรองกับกฎเกณฑ์ที่พยายามสร้างตลอดเวลาด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการตกผลึกที่อาจวกกลับไปหาตัวเอง
แล้ว Non-PC เข้าไปสู่โลกของการ์ตูนได้อย่างไร
หลังจากนี้ผมอยากให้ใส่ “ไม่ใช่ทุกอย่าง” (not-all) ไว้หน้าคำต่างๆ ตลอดการอ่าน
ก่อนอื่นอาจต้องถามกลับว่า แล้วทำไมถึงคิดว่าการ์ตูนเป็น PC มาตลอด ทำไมโลกของการ์ตูนนั้นถึง PC และทำไมคำถามจึงเป็นการถามเชิงว่า Non-PC บุกหรือแทรกตัวเข้ามาในวัฒนธรรมสื่อทัศน์อย่างการ์ตูนได้อย่างไร?
ต้องย้ำก่อนว่า แม้แนวคิดต่างๆ ใน PC นั้นจะมีมาก่อนอยู่แล้ว แต่คำว่า PC เริ่มปรากฏเมื่อไม่นานผ่านการเข้ามามีบทบาทของสื่อสังคมออนไลน์ เสมือนว่า PC เป็นการตกผลึกของแนวคิดต่างๆ แต่ก็เป็นการตกผลึกที่ไม่ใช่จะไม่มีปัญหาในตัวเองนะ เพราะมันก็ไม่ต่างจากแนวคิดต่างๆ ที่สัมพันธ์กันใน PC เช่นกัน
ดังนั้น คำตอบแรกคงต้องตอบว่า การ์ตูนเป็น Non-PC มาตลอด ในความหมายถึงก่อนที่จะมีการตกผลึกของแนวคิดดังกล่าว การ์ตูนไม่จำเป็นต้องตระหนักในสื่อหรือภาพแทนว่า Non-PC หรือ PC บางเรื่องอาจจะเป็น บางเรื่องอาจจะไม่ใช่ บางเรื่องอาจจะมีการย้ำประเด็นการเมือง บางเรื่องอาจจะไม่ได้ย้ำแต่บังเอิญเกี่ยวข้อง โดยเหตุผลที่ต้องพูดเรื่องการตกตะกอนของ PC ก่อนเพื่อทำให้เห็นว่า การ์ตูนไม่ได้เป็น Non-PC หรือ PC แต่ด้วยการปรากฏตัวของ PC ซึ่งเป็นการตระหนักรู้และมองกลับไปหาอดีต อนุมานถึงอนาคต และต่อรองกับสิ่งที่อยู่ ณ ตรงนี้ ทำให้เกิดการแบ่งจัดประเภทต่างๆ
หากลองคิดถึงการ์ตูนของดิสนีย์เก่าๆ จะเห็นว่าการ์ตูนเหล่านั้นไม่ PC เช่นกัน ปรากฏทั้งการนำเสนอภาพล้อเลียนชาติพันธุ์ต่างๆ มุมมองเกี่ยวกับเพศที่มีปัญหาอย่างเห็นได้ชัด หรือการเล่าประวัติศาสตร์ที่ทำให้เห็นเรื่องการล่าอาณานิคมว่าเป็นเรื่องโรแมนติกใน Pocahontas (1995) เป็นต้น
หากพูดในเชิงรูปแบบตาม McCloud (1994) ซึ่งเคยเสนอว่า การ์ตูนคือสื่อทัศน์ที่ว่าด้วยการลดความซับซ้อนในเชิงภาพแทนของวัตถุ เพื่อให้วัตถุนั้นส่งสารบางอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ การ์ตูนว่าด้วยการแปลนั้นทำให้เราสามารถเข้าใกล้ตัววัตถุและไกลตัววัตถุ ณ เวลาเดียวกัน ตลอดจนทำให้ตัววัตถุสูญเสียตัวเอง และมีความชัดเจนในตัวเอง หรือเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ถ้าเราพูดกันในเชิงรูปแบบ การ์ตูนมีความลักลั่นเกินกว่าจะจำกัดว่าเป็น PC หรือไม่ ซึ่งไม่ต่างจากการพูดในเชิงเนื้อหาก่อนหน้า
อะไรทำให้การ์ตูน Non-PC ยังคงมีอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน
ปัจจัยที่ยังทำให้มีการ์ตูนแนว Non-PC อยู่ในปัจจุบัน ส่วนแรกคือการที่ PC ยังไม่ใช่มาตรฐานของโลก หรือแม้แต่กลุ่มสังคม การ์ตูนแนว PC เป็นเสมือนการ์ตูนแนวตอบโต้มากกว่าด้วยซ้ำ ในความหมายที่ว่ามันถูกผลิตขึ้นมาเพื่อต่อต้าน หรือปฏิเสธขนบการ์ตูนที่ถือว่าเป็น Non-PC
แต่ถ้าตอบให้ตรงไปตรงมากว่านั้น คือสินค้าบางอย่างยังคงมีอยู่ได้ เพราะยังมีผู้บริโภค ซึ่งในมิติของผู้บริโภคขอไม่พูดถึงว่าอะไร หรือทำไมผู้บริโภคถึงบริโภคบางสิ่งบางอย่าง เนื่องจากการศึกษาดังกล่าวต้องมีการทำแบบสอบถาม พูด-คุยแต่ละคนไป จึงไม่สามารถอนุมานแทนผู้บริโภคสื่อ Non-PC ได้ว่าทำไมถึงยังบริโภคอยู่ (แปลว่าไม่สามารถพูดได้ว่า คนที่ดูการ์ตูน Non-PC จะเชื่อใน Non-PC)
การมีอยู่ของการ์ตูน Non-PC สะท้อนภาพสังคมหรือวัฒนธรรมในมิติใดได้บ้าง
การ์ตูนอาจไม่จำเป็นต้องสะท้อนอะไรเลย แม้แต่วรรณกรรมหรือภาพยนตร์ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นกระจกที่สะท้อนให้เห็นสังคม เพราะวิธีการมองแบบดังกล่าวเป็นการมองที่จำกัดเกินไป ทั้งในตัวของสื่อ ตัวผู้ชม และตัวสังคม
แต่เราควรดูว่าการ์ตูน Non-PC ทำให้เกิดอะไร ทำให้เราอยากทำอะไร และทำอะไรกับสิ่งต่างๆ รอบตัว เช่น Non-PC คือตัวแปรสำคัญที่ทำเกิดปรากฏการณ์ PC หรือไม่ Non-PC และ PC ได้กลายเป็นวัตถุเชิงพาณิชย์อย่างไร อะไรขายได้หรือไม่ได้ หรือสร้างรูปแบบสื่อใหม่ หรือเป็นการย้ำสื่อประเภทเก่าอย่างไร เห็นได้จากบางกรณีที่ผู้ชมไม่ได้สนใจเนื้อหาของสื่อ แต่สนใจว่ามีการพูดถึงสื่อนั้นๆ อย่างไรมากกว่า เป็นต้น
อนาคตของการ์ตูนแนว Non-PC จะเป็นอย่างไร
หาก PC ยังคงเป็นประเด็นในสังคมร่วมสมัยอย่างเป็นนัย การ์ตูนอย่าง Rick and Morty หรือ Family Guys ก็จะยังคงนำประเด็น PC มาล้อเล่นอยู่เรื่อยๆ ไม่ต่างจากการวิพากษ์การทำงานของ PC โดยตรงหรือไม่ก็โดยอ้อม
ส่วนการ์ตูน Non-PC ที่เป็นแนวขาดความตระหนักรู้ว่า อะไรถูกต้องหรือไม่ในความหมายของ PC ก็คิดว่าจะยังคงมีอยู่เช่นกัน และบางครั้งอาจจะออกมาในเชิงตอบโต้ด้วยซ้ำ โดยจะถูกผลิตออกมาเพราะไม่ชอบวิธีการทำงานของ PC
ไม่ว่าจะด้วยปัญหาที่เห็นได้ทั่วไปเกี่ยวกับแนวคิด PC อย่างการขาดความอะลุ้มอล่วยในการเข้าหาคนเห็นต่าง จนทำให้เกิดความไม่พอใจในส่วนของโวหาร ไม่ใช่ตัวความคิด หรือด้วยวิธีการทำงานของหลายๆ สิ่งอยู่แล้ว ว่าอะไรก็ตามที่เป็นแก่นหลัก เราสามารถเห็นได้ง่ายๆ จากประวัติศาสตร์การเขียนงานวรรณกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอด ผ่านการหักล้างและปฏิเสธชุดและขนบการเขียนหลัก
หลักๆ แล้วหากการ์ตูน Non-PC สนุก ยังไงการ์ตูนเหล่านี้ก็ยังจะคงมีต่อไป ไม่สำคัญว่า PC จะมีบทบาทอะไรขนาดไหน แต่เราควรคิดกลับว่า จะทำอย่างไรให้การ์ตูน PC สนุกเสียมากกว่า
ในส่วนเรื่องบทบาท ผมคิดว่ามันไม่มีทางถูกลดบทบาท ทว่าบทบาทอาจเปลี่ยนไปเสียมากกว่า คำถามคือเราอยากทำให้การ์ตูน Non-PC หายไปจากสื่อจริงหรือ ลองคิดว่าหากการ์ตูนแนวดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ที่เรายังเห็นได้ เราจะยังสามารถเข้าหา ต่อรอง และวิพากษ์การ์ตูนเหล่านี้ได้ (ไม่ได้แปลว่าเราต้องชอบหรือติดตาม) แต่ถ้าหากสิ่งเหล่านี้หายไป และหลบอยู่ในพื้นที่เฉพาะที่ปิดลับ เราจะไม่สามารถเห็นและต่อรองกับสิ่งเหล่านี้ได้เลย ผมคิดว่าอย่างหลังน่ากังวลกว่า และค่อนข้างตรงข้ามกับแนวคิด PC ที่ว่าด้วยการยอมรับความเป็นอื่น (ต้องย้ำอีกทีว่าเรากำลังพูดถึงการ์ตูน ไม่ได้พูดถึงอะไรมากกว่านี้)
นอกจากเราจะสูญเสียโอกาสในการเข้าหาความเป็นอื่นที่ต่างจากเราแล้ว เราอาจจะสูญเสียการ์ตูนประเภทหนึ่งที่สามารถพูดได้ทุกเรื่อง ทั้งในเชิงโวหารและเชิงวิเคราะห์ ซึ่งต่างจาก PC ที่ดูเหมือนจะมีข้อจำกัดในเชิงการเล่าเรื่องมากกว่า ไม่ว่าจะจากความระแวง ความเชื่อ หรือความตระหนัก
อ้างอิงจาก