รู้สึกไหมว่าสมัยนี้อะไรๆ ก็โยกย้ายมาทำเป็นทีวีซีรีส์กัน ? ถ้าแบบของฝรั่งที่เพิ่งฉายไปทาง Netflix ก็มี A Series of Unfortunate Events หรือ ขอให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย หรือก่อนหน้าก็มี Westworld เอย Stranger Things เอย หรือแบบที่คนไทยพูดถึงน้อยๆ อย่าง Fuller House ก็ออกฉายกันรัวๆ
ถ้าของบ้านเราเอง I Hate You I Love You ก็ฉายจบไปสัปดาห์ก่อนหมาดๆ แล้วก็มีอีกหลายเรื่องใหม่ที่หยิบภาพยนตร์มาขยายความ ทั้ง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เดอะซีรีส์ ภาคองค์ประกันหงสา และ O-Negative รักออกแบบไม่ได้ ฉบับซีรีส์ หรือข้ามไปรายการวิทยุปรึกษาปัญหาชีวิตชื่อดังอย่าง Club Friday ยังสามารถพลิกมาเป็น Club Friday The Series ได้ แม้แต่รายการท่องเที่ยวยังมี Journey The Series เลย โอ้ย จะมีอะไรกันเยอะแยะเต็มไปหมด
เห็นได้ว่ากระแสของทีวีซีรีส์มันกำลังมา ส่วนหนึ่งเพราะตอนนี้ ช่องทางให้รับชมผ่านทางออนไลน์นั้นมีเยอะขึ้น และพวกเขาพยายามสร้างคอนเทนต์เฉพาะตัวเพื่อดึงดูดลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้ช่องโทรทัศน์ทั้งแบบเสียเงินหรือดูฟรีเลยต้องหาทางสร้างรายการใหม่ๆ ให้ฮิตติดตลาดเพื่อดึงลูกค้าเอาไว้
แบบในฝั่งอเมริกาก็มีการสำรวจข้อมูลแล้วพบว่าปี 2016 ที่ผ่านมานั้นมีซีรีส์เรื่องใหม่ออกฉายมากถึง 455 เรื่อง และในกลุ่มนี้มี 93 เรื่องออกฉายในช่องทางออนไลน์ เพิ่มจากปีก่อนที่มีซีรีส์ใหม่ 421 เรื่อง และฉายผ่านช่องทางออนไลน์เพียง 46 เรื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความเติบโตของกลุ่มแอพพลิเคชั่นชมภาพยนตร์และซีรีส์อย่าง Netflix หรือ Amazon Prime
ของฝั่งบ้านเรานั้นยังไม่มีการทำข้อมูลกันอย่างจริงจังว่าวงการซีรีส์เติบโตมากขึ้นขนาดไหน เนื่องจากการแบ่งเส้นของละครและซีรีส์ในบ้านเราอาจจะยังมีความเบลอๆ งงๆ และสับสนบ้าง อย่างเรื่องเก่าๆ ที่เคยฉายอยู่ แล้วเคยเรียกตัวเองว่าละครสะท้อนสังคมอย่าง น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์เอย ฟ้ามีตาเอย อยู่มาวันหนึ่ง ก็มีคนไปเรียกว่าเป็นซีรีส์แทน และช่องรับชมออนไลน์ในไทยก็ยังไม่มีคอนเทนต์หลากหลายเท่าไหร่นัก ที่ชัดเจนก็คือ Line TV ที่มีหลายบริษัทไปลงซีรีส์โดยเฉพาะอย่าง I Hate You I Love You ที่พูดถึงไป หรืออย่างใน Netflix ก็มี ยายกะลา ตากะลี ฉบับอันเซ็นเซอร์ แต่ยังไม่มีซีรีส์เฉพาะมาฉาย แต่อย่างใด
ถึงสถิติแบบแน่นอนยังไม่ปรากฎออกมาแต่ที่ชัดเจนก็คือกลุ่มซีรีส์ไม่ว่าจะบ้านเราหรือบ้านอื่นเขา มักจะเลือกเรื่องที่มีอยู่แล้วหรือรายการที่เคยฉายในอดีต มาปัดฝุ่นตีความใหม่ (แบบ A Series of Unfortunate Events หรือ O-Negative) หรือไม่ก็สานต่อเรื่องราวให้มันวุ่นวายมากขึ้น (แบบ Fuller House ที่ถือว่าเป็นภาคต่อจาก Full House) ดังนั้นถ้าเจ้าไหนจะทำซีรีส์ The MATTER ก็อยากจะนำเสนอซีรีส์ในมโนเหล่านี้ให้เป็นตัวเลือกกันด้วยล่ะ
เหตุเกิดที่ สน. เดอะ ซีรีส์
ละครชุดในยุค 90 จากตอนนั้นเอาเรื่อง “ร้อยเวร” ของ พ.ต.อ.ลิขิต วัฒนปกรณ์ มาขยายความต่อ สมัยโน้นทำมาเป็นแนวซีรีส์จบในตอน ถ้าทำสมัยนี้ปรับบทใหม่ให้แซ่บเข้มข้นทำคดีสั้น คดียาวแข่งกับละครตำรวจฝรั่งได้เลย แบบมีคดีสืบสวนหาตัวคนขับรถหนีไปหลังจากฉกกระเป๋า แล้วก็ไปเจอปมลับว่าการขับรถชนคนตายนั้นมีกลุ่มคนที่วางแผนรวมกันอยู่ ซีรีส์น่าติดตามแน่นอน
เพื่อนแก้ว
หลายคนคงจำได้กับ ช้างน้อย กับ ป้าหญิงใหญ่ ประจำรายการเด็กช่วงเย็นๆ วันจันทร์ ถ้าจับเอามารีเมคใหม่เป็นซีรีส์แนวผจญภัย ปรับบทให้ป้าหญิงใหญ่เปลี่ยนสไตล์เป็นป้าหญิงใหญ่แนวสาวลุยดุจ ลาร่า ครอฟท์ของเกม Tomb Raider ผจญภัยไปพร้อมกับเด็กชายนัทเทอร์ผู้สนใจเรื่องวิทย์ๆ ในการไขปริศนาที่ซ่อนอยู่ทั่วโลก แล้วก็ปรับให้ช้างน้อยกลายเป็นช้างวิเศษที่สามารถเรียกออกมาช่วยเหลือตอนป้ากับเด็กชายตกอยู่ในอันตราย แลดูมันส์ขึ้นทะลุมิติขึ้นมาเลยฮะ
เบญจา คีตา ความรัก
เคยดูซีรีส์ร้องเพลงประกอบแบบ Glee มาเยอะแล้ว ถ้าบ้านเราจะทำบ้างก็ควรจะหยิบจับอะไรแบบ เบญจา คีตา ความรัก มาปัดฝุ่น ไหนจะครบถ้วนด้วยธีมร้องเพลงที่ตัวละครในเรื่องมีทั้งวงเกิร์ลกรุ๊ป กับนักเรียนที่พยายามฝึกฝนตนเข้าไปในคณะดนตรีสากล หรือจะนักดนตรีไทยก็มา ควบกับธีมเห็นผีเห็นวิญญาณที่คนก็ชื่นชอบ ถ้าใส่บรรยากาศร้องเพลงไล่ผีไปด้วยรับรองว่าการรีเมคคราวนี้ดังกระฉูดเกินกว่าจิตใดจะสัมผัสได้ชัวร์
มนต์รักลูกทุ่ง
อีกหนึ่งเรื่องที่ถูกนำมาสร้างบ่อย และเราคิดว่าถ้าปรับเปลี่ยนเป็นทีวีซีรีส์ถ่ายทำสไตล์ภาพยนตร์ เซ็ตฉากให้เริ่ดสะแมนแตน เซ็ตท่าเต้นให้หรูหรา จัดดาราที่ร้องเพลงเก่งมาเล่น ปรับบทให้กระชับขึ้น เพียงเท่านี้เรื่องรักของไอ้คล้าวกับแม่ทองกวาว พร้อมท่าเต้นกับเพลงอีกมากมายก็จะกลับมาบูมตูมบึ้มในบ้านเราแน่
ทอง
ละครเพิ่งฉายภาค 10 ไปปีก่อนนี่เอง แต่เราเห็นว่าถ้ารวมเอาทุกจักรวาลตั้งแต่ภาค 1-9 มารวมกัน น่าจะกลายเป็นซีรีส์แอคชั่นดวลเดือดเพื่อชิง ‘ทอง’ จำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นกันมา ในลักษณะประมาณ Hunger Game ผสม Survivor ยิ่งถ้าได้โปรดักชั่นสไตล์ระเบิดภูเขาเผากระท่อมมาด้วยเนี่ยนะ มันส์ ระเบิดที่แท้จริง! แต่จุดเด่นที่สุดของซีรีส์ทองก็คงไม่พ้นฉากรวมไก่ที่เราอาจจะได้เห็นการกินไก่ เก้าแบบ เก้าแนวทาง ตามตัวละครเด่นแต่ละตัว
ศีรษะมาร มิติมืด แก้วขนเหล็ก ฯลฯ
สมัยก่อนละครแนวผีๆ เราเยอะมาก ทั้งแนวผีเต็มตัว ผีไม่มีเหตุผล หรือแม้แต่ผีไซไฟ ถ้าหยิบเอาผีเหล่านั้นมายำรวมกันในเรื่องเดียวล่ะ ประมาณ American Horror Story แล้วก็โยนตัวละครกลุ่มผู้เคราะห์ร้ายไปสักตัว ไม่ก็เป็นแนวตัวละครตำรวจไปสืบคดีแล้วเจอพวกนี้พร้อมๆ กัน ไม่ต้องให้พวกผีมาตีกันเองให้เสียเวลา แค่ลุ้นให้คนธรรมดาเอาตัวรอดจากดงผีเหล่านี้ก็ลุ้นจนต้องกลั้นปัสสาวะไปจนจบตอนแล้ว
เพชฌฆาตความเครียด
ทุกครั้งที่คนยุค 80-90 คุยกันเกี่ยวกับรายการทีวี เพชฌฆาตความเครียด จะเป็นรายการหนึ่งที่ถูกนึกถึงอยู่เรื่อยๆ ด้วยความเพี้ยนแปลกและจับเอากระแสสังคมช่วงนั้นมาแซวอยู่เป็นประจำ รายการเคยคืนชีพมาครั้งหนึ่งเป็นช่วงสั้นๆ ในปี 2013 แต่ถ้าจะดัดแปลงอีกครั้งเราขอเสนอให้จับเอานักแสดงที่เคยเล่นในรายการนี้ อย่าง คุณปัญญา คุณซูโม่กิ๊ก คุณซูโม่ตู้ ฯลฯ มารวมตัวกันแล้วเล่าเรื่องตัวละครของตัวเองในระยะเวลา 20-30 ปีหลังจากที่รายการจบ กลายเป็นซีรีส์แนวตลกดาร์กๆ แทนก็ดูโดดเด่นไม่ซ้ำใครดีแท้
ฝันที่เป็นจริง
กับบ้านเราที่นิยมสไตล์ดราม่าเรียกน้ำตา คงไม่มีรายการไหนอีกแล้วที่น่าจะจับมาทำซีรีส์กระชากน้ำตาให้คนดูต้องร้องไห้หลับพับลงหน้าจอทีวีเท่ากับเรื่องนี้ จากเดิมที่เป็นละครสั้นจบในตอน ปรับแปลงใหม่ให้กลายเป็นการดิ้นรนต่อสู้ในชีวิตของตัวละครต่างๆ ที่ต้องมีพื้นเพชีวิตอันแสนอาภัพ พยายามสู้ชีวิตจนถึงขีดสุดแล้วพวกเขาก็ยังแทบจะยืนไม่ไหว และสุดท้ายต้องมีคุณไตรภพออกมาปรากฎตัวในซีรีส์เพื่อชี้ทางให้ทุกคนได้รถเข็นและผงซักฟอกยี่สิบกิโลกรัมกลับไปใช้งาน . . . อา เรตติ้งกระฉูดรอให้เห็นอยู่ปลายทางแล้ว