ถ้าจะพูดกันถึง ‘แม่ซื้อ’ หลายคนน่าจะนึกถึงภาพของใครสักคนที่กำลังพูดลอยๆ เหมือนสื่อสารอยู่กับสิ่งที่เรามองไม่เห็น ซึ่งก็มาพร้อมกับคำหยอกล้อที่ใครเห็นก็ต้องพูดว่า “คุยกับแม่ซื้อหรอ?”
จากบทความ แม่ซื้อ : เทวดาผู้คุ้มครองเด็กทารก ของก่องแก้ว วีระประจักษ์ ได้กล่าวว่า เดิมที ‘แม่ซื้อ’ เป็นความเชื่อโบราณที่ก่อเกิดขึ้นในสมัยที่วิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้า ทารกแรกเกิดมักต้องเผชิญโรคภัยเสียชีวิตลง จนกลายเป็นความเชื่อที่ว่า มนุษย์เกิดจากผีปั้นรูปขึ้นมาแล้วหาวิญญาณเข้ามาใส่ในหุ่น เพื่อเข้าสิงในครรภ์มนุษย์เพศหญิง และที่ทารกแรกเกิดตายก็เป็นเพราะผีผู้ปั้นเห็นว่า หุ่นตัวนั้นมีลักษณะสวยงามถูกใจอยากเอาไปเลี้ยงเอง
ซึ่งความเชื่อเรื่องผีปั้นหุ่นนี้เองก็แปรรูปเป็นการกระทำต่างๆ ที่ทำเพื่อให้ผีเข้าใจว่าทารกนั่นไม่น่ารัก ขนาดที่แม้แต่แม่(มนุษย์)ก็ยังไม่อยากเลี้ยงดู อย่างคำพูดที่ว่า “น่าเกลียด น่าชัง” หรือพิธีกรรมที่ให้ผู้อื่นรับซื้อเด็กไป ก่อนจะกลายเป็นที่มาของ ‘แม่ซื้อ’ ในฐานะเทวดาประจำตัวของเด็กทารก ที่ทำหน้าที่ดูแล ป้องกัน หรือเย้าแหย่เด็กทารก
แล้วหากว่า เทวดาผู้คุ้มครองเด็ก กลับไม่ได้มาเพื่อคุ้มครองเสียแล้วล่ะ?

แม่ซื้อ (Host) ภาพยนตร์เรื่องใหม่จาก Prime Video เล่าเรื่องราวของ ‘อิง’ เด็กสาวร่างผอมบางที่ถูกส่งตัวมายังโรงเรียนดัดสันดานพินิจคุณบนเกาะห่างไกล โดยโรงเรียนแห่งนี้มีกฎอยู่ข้อเดียวคือทุกคนต้องเชื่อฟังและทำความคำสั่งเท่านั่น การมาเยือนโรงเรียนแห่งนี้ นอกจากที่อิงจะตกเป็นเป้าเล่นงานของหัวโจกประจำโรงเรียนแล้ว ยังต้องพบเจอกับเหตุการณ์ปริศนาชวนหัวจากสิ่งเหนือธรรมชาติอีกด้วย
ด้วยบรรยากาศวิเวกวังเวงของสถานที่อันห่างไกลและเป็นเอกเทศ การรวมตัวของกลุ่มเด็กสาวต่างที่มา ต่างพื้นเพ และต่างเหตุปัจจัย รวมเข้ากับความเชื่อเรื่องผีแม่ซื้อที่มีมาแต่นมนาน ก็กล่าวได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยวัตถุดิบสร้างความหลอนชั้นดีในหนังสยองขวัญเลยทีเดียว
และเพื่อก้าวสู่ประสบการณ์ขวัญผวาครั้งใหม่ The MATTER ขอชวนทุกคนไปพูดคุยกับ ‘ปกป้อง—ไพรัช คุ้มวัน’ และ ‘แป๊ป—ชาญชนะ หอมทรัพย์’ ผู้กำกับและมือเขียนบทของภาพยนตร์เรื่อง ‘แม่ซื้อ (Host)’ ถึงเรื่องราวของบรรยากาศความหลอนอันกดดันในพื้นที่โรงเรียนดัดสันดานหญิง จากน้ำมือของผีที่เราอาจคุ้นเคยในฐานะของผู้คุ้มครอง
จุดเริ่มต้นของไอเดียแม่ซื้อมันมาจากไหน?
ไพรัช: จริงๆ แล้วส่วนตัวเป็นคนชอบหนังสยองขวัญ แล้วโดยที่ไม่รู้ตัว ทุกโปรเจ็กต์ที่คิดส่วนใหญ่จะเป็นหนังสยองขวัญหมด ก็เลยรู้สึกว่าเราคงชอบทางนี้แหละ เราก็พยายามหาว่ามันมีผีไทยแบบไหนที่ยังไม่เคยถูกพูดบ้าง
เรามีหนังอย่างนางนากแล้ว มีผีกระสือแล้วอย่างนี้ ก็มานั่งไล่ไปเรื่อยๆ จนมาเอ๊ะกับคำที่สมัยเด็กๆ คนรุ่นเดียวกันกับเราชอบอำกันว่า “เป็นอะไร คุยกับแม่ซื้อหรอ” เลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจดีและมันยังไม่เคยถูกเอามาเล่าเป็นหนังด้วย แล้วเราเองก็รู้สึกว่ามันเป็นไอเดียที่ค่อนข้างเป็นสากล หมายถึงว่าผีที่มาพร้อมความเป็นแม่ อย่างฝรั่งก็อาจจะมี นางฟ้าแม่ทูลหัว (God Mother) เลยรู้สึกว่ามันน่าจะเอามาพัฒนาต่อได้ ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้น่าลองเอามาทำ เรารู้สึกว่า จะเกิดอะไรถ้าจากผู้ที่ดูแลมาทำอีกแบบหนึ่ง มาเป็นฝั่งตรงกันข้าม
ชาญชนะ: พอพี่ป้องเขาโยนไอเดียมาว่า เขาสนใจแม่ซื้อ เราในฐานะคนเขียนบทก็ไปหาข้อมูลเพิ่ม เจออะไรก็ส่งให้เขา แล้วไปเจออันหนึ่งมันมีความเชื่อว่า แม่ซื้อจะอยู่กับเด็กจนถึงอายุประมาณหนึ่ง คือเขา(แม่ซื้อ)ไม่ได้อยู่กับเรา(เด็ก)ตลอด เพราะว่ามันมีความเชื่อโบราณ อันนี้เป็นความเชื่อทางภาคเหนือนะ ที่บอกว่ามนุษย์ทุกคนเกิดจากการที่ผีปั้น เด็กที่เกิดมาแรกๆ เขาจะเป็นลูกผีกับลูกคน เราก็เลยเอาอันนี้มาเล่น และพัฒนามาเป็นแม่ซื้อในหนัง

ไพรัช: คือมันเหมือนผีมาฝากคนเลี้ยง แล้วพอถึงอายุประมาณหนึ่งเขาก็จะมาพากลับไป เราสนใจสิ่งนี้ในแง่ที่ว่า ยังไม่เคยถูกพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวเด็กกับตัวแม่ซื้อ ว่าความสัมพันธ์ขอแม่ซื้อที่เลี้ยงดูเด็กกับเด็กที่มีแม่ซื้อเลี้ยงมันเป็นยังไงบ้าง เขามีความสัมพันธ์ในรูปแบบไหนต่อกัน ชอบหรือไม่ชอบ หรืออยากเป็นคนปกติ
ชาญชนะ: อีกอย่างคำว่าแม่ซื้อ มันไปเชื่อมกับความเชื่อในประเทศอื่นๆ อย่างตะวันตกมันคือ Guardian Angel ซึ่งสิ่งนี้มันถูกคอนเฟิร์มจากการที่เรามาคุยกับทาง Prime Video เราเอาไอเดียแม่ซื้อไปเสนอ ซึ่งทาง Prime เขาก็รู้สึกว่าเขาเชื่อมโยงกับมันได้ เพราะเรากับพี่ป้องก็เลยพยายามหาผีไทยที่มีความเป็นไทยด้วย และมีบางอย่างเชื่อมต่อกับข้างนอก เชื่อมต่อกับโลกตะวันตก หรือข้ามฝั่งความเชื่อได้ด้วย อันนี้แหละที่เป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันต่างจากผีแบบไทยๆ อื่นๆ ที่เคยถูกทำหนังมา
ไพรัช: อย่างประเทศอื่นก็จะเป็นผีล้างแค้น ผีตายทั้งกลม หรืออื่นๆ ผีเป็นกรรม เรารู้สึกว่าเป็นโจทย์หนึ่งที่ตั้งกับตัวเองตอนที่จะทำหนังเรื่องนี้ก็คือว่า หนังสยองขวัญแบบไทย โดยที่มีองค์ประกอบแบบไทยมันยังเป็นจุดที่น่าสำรวจอยู่ และก็คิดว่าคนต่างชาติก็ยังสนใจอยู่ด้วย แต่ว่าเราจะพัฒนาตัวเรื่องให้มันมีความเป็นสากล หรือใช้องค์ประกอบ ใช้ภาพลักษณ์ที่ดูไทย ดูแปลก แต่ว่าตัวเนื้อเรื่องจะค่อนข้างเป็นสากล
พี่ว่าความเอเชียที่มันมีเสน่ห์มีเสน่ห์สำหรับเรามากกว่าตะวันตกนิดหน่อยก็คือเรื่อง Super Natural ของตะวันตกส่วนใหญ่มักจะถูกโยนไปเป็นฝั่ง Antichrist ทั้งหมด คือเป็นปีศาจ แต่ผีของเอเชียหรือแม้กระทั่งละตินอเมริกา อย่างสเปนเนี้ย มันมีความเป็นจิตวิญญาณค่อนข้างสูง คือผีไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณที่เกิดจากคนตาย ผีอาจจะเป็นธรรมชาติ อาจจะมาจากต้นไม้ หรือมาจากดินน้ำมาจากป่าหรืออะไรอย่างนี้
ซึ่งตอนที่จะสร้างแม่ซื้อขึ้นมา เราก็รู้สึกว่ามันยังไม่เคยถูกทำเป็นหนัง แล้วเราก็รู้สึกว่ามันมีหนังหลายๆ เรื่องพอเอามารีอิมเมจก็สร้างความเชื่อใหม่ๆ ได้ เรารู้สึกว่าถ้าแม่ซื้ออะ พื้นเพมันคือเทวดาหรือเทพารักษ์นั่นแหละ เราเลยพยายามหาอัตลักษณ์ให้มันเข้าใจง่ายขึ้น อย่างผีพม่า เราจะเข้าใจว่าผีพม่าคือ ‘นัต’ นัตคือผีที่เกิดจากธรรมชาติไม่ใช่เกิดจากคนตาย ก็จะกลายเป็นเทพ เลยรู้สึกว่ามันก็มีบางอย่างที่มันเชื่อมโยงกันอยู่กับความเชื่อไทย
แม่ซื้อในเวอร์ชั่นที่เรากำลังจะทำอยู่จะเป็นเทวดา เทพารักษ์ที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ตามต้นไม้ หรือว่าอยู่ตามภูเขา แล้วก็สร้างคน ปั้นคนขึ้นมา

นานไหมกว่าจะตกตะกอนออกมาเป็นแม่ซื้อในเวอร์ชั่นที่ฉาย?
ไพรัช: จริงๆ เริ่มเขียนกันตั้งแต่โควิด ช่วงโควิดไม่มีอะไรทำ ว่างๆ หลังจากการเล่นเกมและออกกำลังกาย ช่วงนั้นโดนล็อกดาวน์ก็เลยนั่งเขียนบท ก็เริ่มกันตั้งแต่ช่วงปี 2020 แล้วก็คุยกันคงทำภายในปี 2021-2022 นี่แหละ แต่พอดีทาง Prime Video ก็เข้ามา ก็เลยเข้ามาพัฒนาต่อกับทาง Prime แล้วก็ได้ถ่ายจริงในปีที่แล้ว รวมแล้วก็ประมาณ 4-5 ปีในการหาข้อมูลแล้วก็เขียน
ข้อดีของการมีเวลามันก็ได้นั่งแก้อะไรที่มันเป็นแผลในหนังไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าตอนที่เราทดลองฉายส่วนใหญ่คนจะไม่ค่อยงงเนื้อเรื่อง เรียกว่าไม่งงเลยดีกว่า ว่ากลไกหรือว่าตำนง ตำนานต่างๆ ที่เราสร้างขึ้นมาในเรื่อง มันไม่มีส่วนที่รู้สึกว่าเขา(คนดู)ไม่เข้าใจ
ชาญชนะ: 5 ปีบวก จริงๆ มีบวกๆ ไปหน่อย
ระหว่างนั้นเจอข้อมูลอะไรบ้าง?
ไพรัช: เจอเยอะนะ แต่กำลังคิดอยู่ว่ามันเล่าอะไรได้โดยไม่สปอย เรารู้สึกว่าอย่างในพาร์ทผี เราหาข้อมูลเรื่องพิธีกรรมมาเยอะ เราทั้งพิธีกรรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับแม่ซื้อด้วยนะ แล้วก็ประกอบสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้มันให้มันน่าเชื่อในแบบของมันเอง ซึ่งก็รู้สึกว่าถ้าได้ดูในหนัง น่าจะรู้สึกว่าหนังมันน่าเชื่อ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่อยู่ๆ ฉันอยากจะสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่เป็นการสร้างให้เป็นรูปธรรมขึ้น แล้วทำให้มันถ่ายทอดในมุมที่มันน่ากลัว
ยกตัวอย่าง มันจะมีพิธีตัดแม่ซื้อของภาคอีสาน ที่เขาจะเอาเด็กไปวางแล้วก็ร่อน แล้วก็เหมือนพูดกับผีแหละว่า ลูกใครมาเอาไป อารมณ์ว่าหลอกผีให้มาเอาตุ๊กตาหรือเด็กที่ร้องเสียงดัง จำได้ไม่เป๊ะนะ ด้วยพิธีกรรมสำหรับเรามันดูไม่น่ากลัว หมายถึงว่าเอาเด็กมาใส่กระด้งร่อน ก็โอเคถ้าเราอยู่ในพิธีกรรมจริงมันอาจจะน่ากลัว แต่พอเป็นหนังมันอาจจะต้องการความน่ากลัวมากกว่านั้น ไอ่การพัฒนาสิ่งนี้มันก็เพื่อเพิ่มความสยองขวัญ

นอกจากพิธีกรรมนี้ เจออะไรอีกไหม?
ชาญชนะ: จริงๆ แม่ซื้ออีกอันที่สนุกคือมีความเชื่อของภาคกลางที่ว่า แม่ซื้อมี 7 วัน 7 คนตามวันเลย คือสมมติเกิดวันพฤหัส ก็มีแม่ซื้อของวันพฤหัส แล้วแม่ซื้อแต่ละตนร่างเขาจะเป็นผู้หญิง แต่หัวเขาจะเป็นวัวบ้าง เป็นม้าบ้าง เป็นนู่นนี่บ้าง
ไพรัช: มันน่าสนใจนะ แต่เราคิดกับเรื่องนี้อยู่นาน แล้วเราก็พบว่ามันอาจจะดูฝรั่งไปนิดหนึ่ง แล้วจะดูโหดไปหน่อย เลยพยายามตบกลับมาให้อยู่ในรูปของความเป็นคน
ชาญชนะ: พาร์ทที่เราเวิร์คกับมันมากๆ คือพาร์ทของคำว่าแม่ เพราะคีย์เวิร์ดคือแม่ เราอยากให้เขามีฟีลของความเป็นแม่ แล้วก็อย่างที่ป้องบอกว่าเขาไม่ใช่ผีที่เกิดจากคนตาย
ไพรัช: เหมือนเขาเกิดมาก็เป็นแม่ซื้อแล้ว เหมือนเทพอินเดียที่เกิดมาก็เป็นเทพแล้ว ไม่ต้องมาเกิดเป็นคนก่อนแล้วค่อยกลายเป็นผี
แบบนี้อ้างอิงจากวัฒนธรรมภาคไหนเป็นพิเศษ?
ไพรัช: เราผสมกันไปหมดเลยครับ อย่างที่บอกไป ตัวตำนานแม่ซื้อมีทุกภาคทั้งเหนือ อีสาน กลาง แต่ภาคที่จะหาข้อมูลได้ยากสุดคือภาคใต้ ก็คือจะมีนิทานเล็กน้อย ซึ่งไม่มีภาพวาดภาพเขียนอะไร ด้วยเราอาจจะไม่ได้ลงไปหาตามหอสมุดที่ภาคใต้ด้วย เราไม่เจอสิ่งนี้ในภาคใต้ แต่เราก็พบจุดร่วมกันอยู่ในการดูแลเด็ก แต่พวกพิธีการทำขวัญ หรือวิธีตัดแม่ซื้อของแต่ละภาคจะไม่เหมือนกัน
ชาญชนะ: หรืออย่างคำที่พูดในพิธีกรรมเราก็เอาของภาคเหนือมาใช้ ถ้าจำไม่ผิดนะ จากเท่าที่หาข้อมูลมา 3 วันลูกผี 4 วันลูกคน มันมีอยู่ในพิธีกรรม เราก็พยายามใช้
ความยากของการรวบรวมข้อมูลแล้วสร้างเป็นแม่ซื้อคืออะไร?
ชาญชนะ: การประกอบเป็นแม่ซื้อไม่ยากเท่าการที่จะเล่าเรื่องนี้ยังไง ให้มันอยู่ในยุคสมัยที่เรารู้สึกว่ามันโมเดิร์นขึ้นมา คนดูถึงได้สนุกด้วย และก็ตอบโจทย์ของ Prime Video เป็นหนังไทย ที่วิธีเล่าเป็นสากล อันนี้แหละที่เป็นความยาก
ไพรัช: เราว่าสำหรับเราจุดที่ยากคือการหาคอนเซ็ปต์ให้มัน ถ้าตั้งต้นด้วยไอเดียว่าเป็นแม่ซื้อเราจะสามารถพาคอนเซ็ปต์ไปได้หลายแบบ เช่น เด็กที่ที่บ้านเลี้ยงแล้วลูกมีอะไรแปลกๆ คนที่บ้านโดนผีหลอก อาจจะเป็นอะไรแบบนั้นก็ได้ เราพยายามกลับมาที่คำว่าแม่ แล้วใช้คำว่าแม่เป็นคอนเซ็ปต์หลักของเรื่อง มันก็เลยเป็นเซตติ้งของโรงเรียนดัดสันดานหญิง ที่ทุกคนต้องเรียกผู้บังคับบัญชาว่าแม่ อะไรแบบนี้มันก็จะมีความเชื่อมโยงอะไรบางอย่างในเชิงคอนเซ็ปต์
ชาญชนะ: ซึ่งมันก็นำมาสู่ว่าต้องเป็นโรงเรียนหญิงล้วน

ในฐานะผู้กำกับและคนเขียนบทคิดว่า จุดไหนคือจุดน่าสนใจของหนังเรื่องแม่ซื้อ?
ไพรัช: พูดยากจังเพราะมันจะสปอย
ชาญชนะ: ก็แม่ซื้อนั่นแหละ จุดที่น่าสนใจที่สุด
ไพรัช: เรารู้สึกว่ากับคนทั่วไปกับคำว่าแม่ซื้อน่าสนใจเนาะ แต่ถ้าพูดแบบคนทำหนังสุดท้าย เนื้อเรื่องที่เราตามอยู่มันเป็นเรื่องของมนุษย์ที่กำลังแก่งแย่งอะไรบางอย่างกันอยู่ จนเกิดเป็นเรื่องราวที่มีผีแม่ซื้อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ในภาพใหญ่ก็เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติของแม่ซื้อนี่แหละ
แม่ซื้อมาดีหรือมาร้าย?
ไพรัช: บอกไม่ได้ หมายถึงว่ามันเป็นหนังผีก็ไม่น่ามาดีหรอก แต่จะบอกว่าดีก็ได้ ดีกับบางคน ที่ได้รับผลดีจากมัน
ชาญชนะ: เราอยากให้คนสนใจดูแม่ซื้อในแว่นของหนังสยองขวัญไทย ที่พยายามเอาความน่ากลัวแบบหนังสยองขวัญไทยที่เราโตมา อย่าง เป็นชู้กับผี นางนาก มาผสมกับชัตเตอร์ หมายถึงว่ามีความเป็นโมเดิร์น สมัยใหม่ แต่ยังคงความน่ากลัวแบบไทย เพราะว่าอันนี้ก็เป็นเป้าหมายที่เรา ที่พี่ป้องพัฒนาหนังเรื่องนี้มาว่า อยากได้หนังที่น่ากลัวโดยที่คุณยังจำความน่ากลัวจากหนังเรื่องนี้ได้ เรารู้สึกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่เราอยากให้คนจำที่สุด
ไพรัช: ดังนั้นเลยตามมาด้วยวิธีพัฒนาที่เราพยายามจะ Jump Scare ให้น้อยที่สุด แน่นอนมันต้องมีอยู่บ้าง เพื่อเป็นน้ำจิ้ม เป็นลูกอมให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นบ้าง แต่โดยจากที่ตั้งแต่ตอนเริ่มคือ อยากทำหนังสยองขวัญที่ใช้บรรยากาศในการห่อหุ้มอารมณ์ทั้งหมดของเรื่องเอาไว้ รวมทั้งมีผลต่อตัวละครต่างๆ ในเรื่องที่ต้องอยู่ภายใต้บรรยากาศกดดันเดียวกัน ถ้าพูดภาษาปัจจุบันคือมันสมจริงหน่อย คือคนดูก็จะรู้สึกอยู่ในบรรยากาศแบบนั้นด้วย อยู่ไปพร้อมๆ กับตัวละครแล้วก็เจอประสบการณ์บางอย่างไปพร้อมๆ กับตัวละคร
ชาญชนะ: เราว่าสิ่งน่ากลัวที่เราตั้งธงกับพี่ป้องก็คือ ตัวละครในหนังสยองขวัญเขาต้องรู้สึกกลัวด้วย แล้วเราต้องเข้าใจความกลัวของเขาด้วยว่าเขากำลังกลัวอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ย้อนแย้งมากๆ คือหนังสยองขวัญที่น่ากลัวมากๆ ตัวละครมักจะกลัวสิ่งที่เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ หมายถึงว่ามันจะมีช่วง สมมติหนังสองชั่วโมง ชั่วโมงแรกจะไม่รู้เลยว่าอะไรคืออะไร คอนจูริ่งภาคแรกนึกออกไหมว่าเขาจะไม่รู้ว่าเขากำลังเจออะไร สิ่งที่เขาเจอนี้มันคืออะไร การที่ตัวละครรับมือกับมันไม่ได้ มันคือความน่ากลัวของมนุษย์ ผสมกับความเหนือธรรมชาติ

ไพรัช: แต่นั่นคือ เราอยากทำสิ่งนี้ให้มันเป็นประสบการณ์ของคนดูด้วย แล้วคนดูที่ชอบดูหนังสยองขวัญน่าจะรู้สึกอยากโดนหลอก แต่มันก็อยู่ที่โดนหลอกด้วนความรู้สึก ด้วยวิธีแบบไหน เราอยากค่อยๆ ขยับหัวเขาไปเรื่อยๆ แล้วก็จบด้วยความรู้สึกที่แปลกๆ นิดหนึ่ง คือช่วงนี้มันมีเทรนด์ของหนังสยองขวัญที่กลับมาที่มันเรียกกันว่า Folk horror อย่างพวก Nosferatu (2024) เรารู้สึกว่าเรานี้อยู่ในกลุ่มนั้นแหละ แบบเอาเรื่องพื้นบ้านมาเล่าในแว่นตาที่มันโมเดิร์นขึ้น แต่ยังมีกลิ่นฝน กลิ่นดินแบบไทยๆ อยู่
มันก็เลยลามมาถึงเรื่องการเซตบรรยากาศให้มันดูเป็นที่ปิด แต่จะเลือกที่ปิดแบบไหน ช่วงนั้นหาข้อมูลกันเยอะแล้วก็เจอก้อนหนึ่งก็คือเกาะตะรุเตาหรือเกาะเต่า ซึ่งแต่ก่อนเป็นเกาะที่เขาเอาไว้ขังนักโทษทางการเมืองหลังเหตุการณ์ปี 2475 ที่นี้เราหาข้อมูลเพิ่มก็เจอว่าที่ใกล้กว่านั้นมันมีที่เกาะสีชัง เคยเป็นโรงเรียนดัดสันดานผู้ชาย ด้วยเซตติ้งนี้น่าสนใจ แล้วก็แปลกไม่เคยเห็นด้วย ดูเหมาะจะเป็นพื้นที่เกิดเหตุของเราได้ แล้วมันก็มรอยู่จริงด้วย หมายถึงว่า มันมีอยู่จริงในสมัยก่อน เราสามารถรีเฟอถึงมันได้
รู้สึกว่าคนที่ต้องมาอยู่เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ๆ ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้สะดวกสบายสักเท่าไหร่ อยู่กับป่า กับทะเล ก็จะมีไข้มาลาเลีย ทำมาหากินกันเอง แล้วต้องมาเจอผีอีก ออกไปไหนไม่ได้อีก ก็รู้สึกว่าตัวเซตติ้งเรื่องมีความเปิดพื้นที่ให้เราได้เล่นสนุกกับมัน
ชาญชนะ: ความกลัวของฝรั่งกับไทยไม่เหมือนกัน ความกลัวผีของฝรั่งกับไทยไม่เหมือนกัน ความกลัวผีของบ้านเราคือผีเป็นตัวแทนของกรรมบางอย่างที่ตามมาเล่นงานเรา แต่ความกลัวของฝรั่งคือ Antichrist คือปีศาจซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับว่าเขาทำอะไรมา
ไพรัช: แต่มันเกี่ยวกับความซวยของเขาที่เสือกมาอยู่บ้านที่มีปีศาจอยู่ หรือแม่บ้านดันเป็นแม่มด
ชาญชนะ: ดังนั้นจุดร่วมของหนังเรื่องนี้เราก็เลยหาตรงกลางของมันให้เจอ ก็คือคนที่ก็เคยทำอะไรสักอย่างมาก่อน แล้วก็ดันมาอยู่ในที่ที่มีอะไรบางอย่างอยู่ เพราะว่าเรามองว่าพื้นที่ของโรงเรียนดัดสันดาน คนมันมีประวัติทั้งหมด ทุกคนมีปีศาจอยู่ในตัว แต่เราไม่รู้ว่าปีศาจนั้นจะแสดงออกมายังไง พอดูในหนังคุณก็จะได้เห็นว่า อ่อ ปีศาจในตัวแต่ละคนเป็นยังไง
ไพรัช: เหตุผลที่เลือกเป็นโรงเรียนดัดสันดาน นอกเหนือจากสภาพแวดล้อมก็คือคน คนพวกนั้นมันมีดาเมจ ไม่ใช่คนขาวใส

เรื่องราวเล่าในช่วงปีไหน?
ไพรัช: ปี 2519 เราก็เลือกปีที่รู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่าง ที่สามารถทำอะไรกับมันได้ไหม โชคดีที่ทาง Prime เป็นสตรีมมิ่งจากอเมริกา เขาไม่ได้มาสนใจว่าเราจะเลือกแบ็คกราวน์ทางการเมืองขนาดไหน รู้สึกว่าช่องนี้ก็เป็นช่องที่ทำให้เราเล่นสนุกกับเนื้อเรื่องที่เราจะหยอดเข้าไปได้
หมายความว่าในเรื่องมันมีหลายประเด็นใช่ไหม?
ไพรัช: เราว่ามันมีประเด็นที่หนักแน่นอยู่หนึ่งประเด็น แต่มันถูกเล่นผ่านบรรยากาศและแบ็กดราวน์ในช่วงปีนั้น แล้วก็ดันมีผีมาเป็นตัวแปลอีก
ในปีที่หนังผีเยอะมากๆ แม่ซื้อแตกต่างจากเรื่องอื่นยังไง?
ชาญชนะ: จริงๆ คำว่าหนังผีมันอยู่ในก้อนที่ใหญ่กว่านั้นก็คือหนังสยองขวัญ ทีนี้หนังผีพอไปอยู่ในตลาดโลกเราคิดว่าหนังไทยยังเป็นเบอร์ที่น่าสนใจของโลก ถ้าในฝั่งเอเชียก็จะมีไทย มีญี่ปุ่น มีอินโด ที่เขาทำหนังสยองขวัญแล้วก็หนังผีได้ดีมาก ซึ่งเราว่าผีในไทยมันเป็นออเทนติกในแง่ที่มันเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติ มันเหมือนจะมีเหตุผลแต่มันไม่มี
สองคือหนังผีทุกวันนี้มันแข่งกันเรื่องประเด็น ไม่ใช่แค่พูดเรื่องความสยองขวัญแล้ว มันเริ่มมาพูดเรื่องประเด็น พูดเรื่องความสัมพันธ์ของมนุษย์ เรารู้สึกว่าหนังสยองขวัญในปัจจุบัน มันไกลกว่าเราจะเอาตัวละครกลุ่มหนึ่งไปเจอผี แล้วจะเอาชีวิตรอดได้ยังไง มันพ้นยุคสมัยนั้นมาแล้ว ตอนนี้ยุคสมัยมันคือการที่ตัวละครเจอผีเนี่ย มันกำลังเล่าอะไร มันเทียบเคียงกับอะไรได้บ้าง
ไพรัช: หนังสยองขวัญโลกสำหรับเราเป็นหนังที่เป็นลานประลองไอเดีย คือในทุกๆ 5-10 ปีมันจะมีเทรนด์ใหม่ๆ บางอย่างแล้วเราก็จะรู้ว่าคนเปิดรับอันนี้ ไม่เปิดรับอันนี้ หรือเปิดรับอันนี้ได้แล้ว
อันนั้นก็เป็นช่องที่ให้ใส่ครีเอทีฟเข้าไปได้ว่า ในช่วง 2025 เราจะแทรกตัวเข้าไปในสายธาร red ocene สยองขวัญในรูปแบบไหน ซึ่งอย่างที่เล่า ด้วยเซตติ้งปีเกิดเหตุของเรา เรารู้สึกว่าจุดแข็งใหญ่สุดนี่คือคอนเทนต์ผีของไทย ซึ่งค่อนข้างโดดเด่นในเวทีโลก แล้วเราค่อนข้างมั่นใจในคอนเซ็ปต์ที่เรากำลังจะนำเสนอกันว่ามันจะไม่ใช่หนังผีทั่วไปแน่ๆ

คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้?
ไพรัช: เราว่าจุดหนึ่งที่เราจะไปต่อกับหนังผี ประตูบานใหม่ของหนังผีจะเปิดได้มันต้องมีคนไปทำอะไรแปลกๆ ก่อน แล้วดูการตอบรับว่า คนดูเอาด้วยใหม่ รู้สึกว่าถ้ามันมีหนังที่กล้าจะทั้งทดลองด้วยและพูดอะไรบางอย่างที่มันผิดไปจากที่ได้ดูกันบ้างน่าจะสนุก เราเลยพยายามใช้ผีที่รีเลทที่สุด ที่เข้าใจง่ายสุดในการพูดเรื่องอะไรบางอย่าง
ชาญชนะ: เราว่ามันกลับไปในสิ่งที่เคยพูดก่อนหน้านี้ ว่าหนังเรื่องนี้มันถูกสร้างโดยวิธีคิดที่ว่าเราจะเอาผีไทยมาเล่า ในแว่นตาแบบสากลยังไง นี่คือโจทย์ที่เราต้องการจะดูว่าคนดูจะชอบ ซื้อวิธีการนี้ไหม เมื่อมันคือการทดลองที่เปิดความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้หนังผีไทย เอาจริงๆ ต้องขอบคุณ Prime ที่เห็นดีเห็นงามกับการเดินทางไปในเส้นทางนี้
ไพรัช: ยกตัวอย่าง ร่างทรง ตอนพี่โต้งทำร่างทรงเรารู้สึกว่า มันกล้าหาญมากที่เอาฟอร์มสารคดีมาใช้ ทำหนังสยอกขวัญ ซึ่งเอาจริงๆ ในไทยมันไม่ค่อยจะได้เห็น ต้องเป็นคนแบบเขานี่แหละที่ช่วยเปิดประตูให้มันเกิดการนำเสนอวิธีการใหม่ๆ
ชาญชนะ: ซึ่งจริงๆ มันก็จะตอบคำถามก่อนหน้านี้ด้วยว่าการที่จะทำให้หนังเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ มันก็คือวิธีการทดลองในการเล่าเรื่องของเรา ที่เอาเรื่องของผีพื้นบ้าน มาเล่าในสายตาใหม่ ให้เป็นสากลมากขึ้น