เราจำภาพลักษณ์ของโลกิ ในแฟรนไชส์ภาพยนตร์จากมาร์เวล ว่าเป็นตัวละครที่สร้างความปั่นป่วน ด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเขา รวมทั้งสร้างความน่าหมั่นเขี้ยวเพราะความร้ายเดียงสาแบบเด็กๆ ของเขาด้วยเช่นกัน แต่เชื่อไหมว่า ชื่อของโลกิในปกรณัมนั้น ก็ยังคงเป็นชื่อของเทพที่มีนิสัยคล้ายกันกับโลกิที่เรารู้จักจากมาร์เวล เราเลยชวนมาทำความรู้จักโลกิในเรื่องราวปกรณัมของนอร์ส ว่าจะแสบเหมือนกับภาพที่เราได้เห็นในภาพยนตร์กันหรือเปล่า
แม้เรื่องราวจากมาร์เวลจะบอกว่าโลกิเป็นพี่น้องกับธอร์ และเป็นบุตรชายตัวแสบของโอดิน (ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร นั่นจักรวาลของเขา) แต่ว่าเรื่องราวของโลกิในปกรณัมของนอร์สเนี่ยต่างออกไปอยู่เล็กน้อย (ขอขยายความตรงนี้นิดนึงว่า เรื่องเล่าของชาวนอร์สในที่นี้คือชาวบ้านแถบสแกนดิเนเวียตอนกลางและตอนใต้) ตัวโลกิเองก็ไม่เชิงว่าจะเป็นเทพเจ้าเสียทีเดียว เพราะเขามีเชื้อสายของยักษ์อยู่ในกายครึ่งหนึ่ง แถมยังไม่ได้เป็นบุตรแห่งโอดินอย่างที่เราคุ้นเคยกันในภาพยนตร์ แต่ว่าเป็นเทพที่อยู่ในยุคเดียวกันกับโอดินและธอร์นั่นแหละ
โลกิในเวอร์ชั่นปกรณัมนั้น ก็เต็มไปด้วยวีรกรรมต่างๆ มากมาย ตั้งแต่ วันดีคืนดีนึกสนุก อย่างแกล้งคน ก็แอบไปตัดผม ซิฟ (Sif) ชายาของธอร์ ที่เธอเนี่ย ขึ้นชื่อเรื่องผมยาวสลวยสีทองเปล่งประกาย พอโดนตัดผมขึ้นมามีหรือจะยอมอยู่เฉยๆ จนสุดท้าย ตัวเองก็ต้องดั้นด้นไปหาเผ่าคนแคระที่เก่งด้านงานฝีมือให้ช่วยทอวิกผมให้ใหม่ รวมถึงการแปลงกายเป็นม้าตัวเมีย เพื่อหลอกล่อม้าที่สร้างวัลฮาลาไม่ให้เสร็จได้ทันเวลา และอีกสารพัดเรื่องราวปั่นป่วน มีตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ที่สร้างแค่ความรำคาญใจ ไปจนถึงสร้างความสูญเสียครั้งใหญ่ที่เป็นต้นเหตุของมหาสงคราม Ragnarok
เริ่มที่โลกิ มีชายาอยู่สองคน คนแรกเป็นเทพีนามว่า Sigyn อีกคนคือนางยักษ์ Angrboda ซึ่งกับคนหลังได้มีบุตรกับโลกิด้วยกันถึง 3 คน ได้แก่หมาป่า Fenris, งูยักษ์ Jörmungandr ที่มีพิษร้ายแรง และสุดท้าย Hel หญิงสาวที่มีร่างกายช่วงบนปกติแต่ด้านล่างนั้นกลับเป็นซากศพเน่าเปื่อย แต่ละคนนั้นช่างแปลกประหลาด ดูไม่น่าไว้ใจเลยใช่มั้ย ยิ่งเป็นลูกโลกิแล้ว ยิ่งบวกความไม่น่าไว้ใจเข้าไปอีกหลายเลเวล
โอดินเองก็รู้สึกแบบนั้น เขาได้รับคำพยากรณ์ว่าลูกทั้ง 3 ของโลกินั้น จะนำมาซึ่งหายนะ นั่นก็คือมหาสงคราม Ragnarok ที่จะกวาดล้างทั้งเหล่าทวยเทพและเหล่ายักษ์ไปหมดสิ้น เหมือนโดนเซ็ตซีโร่ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมโอดินเลยจับแยกย้ายสามพี่น้องนี้ไปคนละทิศละทาง Jörmungandr โดนจับโยนลงทะเล Hel หญิงสาวครึ่งซากศพลงไปเฝ้านรก (เฝ้าไปเฝ้ามา กลายเป็นขาใหญ่ในนรกซะได้) และส่ง หมาป่า Fenris ให้คนแคระล่ามไว้
รอยแผลครั้งใหญ่ระหว่างโลกิและครอบครัวของโอดินได้เริ่มต้นขึ้น ความซวยไปตกอยู่ที่บุตรของโอดินและเทพีฟริกก์ นามว่า Baldur เทพแห่งแสงสว่าง ผู้เป็นที่รักของทุกคนราวกับเป็นเจ้าชาย Charming ที่จู่ๆ ก็เกิดฝันว่าตัวเองกำลังจะตาย เทพีฟริกก์ผู้เป็นแม่ก็ฝันแบบเดียวกัน ก็เลยไปหาคำตอบกับ Völva ผู้ล่วงรู้อนาคตก็คอนเฟิร์มว่าไม่ใช่ข่าวปลอม ตายจริง ตายแน่ แต่ยังไม่รู้ว่าตายเพราะอะไร หัวอกคนเป็นพ่อแม่อย่างโอดินและฟริกก์ก็ต้องใจสลาย พยายามทำทุกทางเพื่อให้ลูกคนนี้รอดชีวิต ไม่ต้องเป็นไปดั่งคำทำนาย
เทพีฟริกก์ก็เลยออกไปล่ารายชื่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและให้สาบานว่าจะไม่ทำร้ายลูกของตน เว้นอยู่อย่างเดียว ต้น Mistletoe เพราะเธอเองก็คิดว่าสิ่งนี้คงไม่อาจทำอันตรายอะไรกับลูกชายของเธอได้หรอก ก็เลยเว้นต้นนี้ไว้ แต่ปรากฎว่า สิ่งนี้กลายมาเป็นช่องโหว่ให้กับการแก้แค้นแทนลูกทั้งสามของโลกิ
โลกิรู้เรื่องนี้เข้า ก็จัดการเอาต้น Mistletoe มาทำเป็นหอก แล้วไปหลอกล่อ Hodr พี่น้องที่พิการทางสายตาของ Baldur ให้ลองโยนใส่พี่ชายดูสิ แค่ล้อเล่นขำๆ หยอกๆ Hodr ที่ตาบอดก็ไม่รู้ว่าในมือคืออะไร ก็โอนอ่อนไปตามคำล่อลวงของโลกิ พุ่งหอกใส่พี่ชาย ปักเข้าเต็มๆ อก Baldur ก็ได้ตายเหมือนกับลางบอกเหตุในฝันของตัวเอง
อุตส่าห์ทำทุกทางแล้วลูกยังจากไป เทพีฟริกก์เลยตามลงไปที่โลกใต้ดิน (ซึ่งก็คือนรกนั่นแหละ) เพื่อขอวิญญาณของลูกชายคืนมา ดันไปเจอกับ Hel ลูกสาวครึ่งคนครึ่งศพของโลกิที่กลายเป็นขาใหญ่ในนรกเข้า Hel บอกว่า ถ้า Baldur เป็นที่รักของผู้คนจริงเนี่ย ลองให้ทั้งโลกร้องไห้ให้กับเขาสิ เมื่อเสียเทพแห่งแสงสว่างไปทุกสรรพสิ่งก็ร่ำไห้เสียใจกันหมด ยกเว้นยักษ์อยู่ตนนึง ที่ไม่ยอมหลั่งน้ำตาให้กับการจากไปของ Baldur ข้อตกลงจึงไม่บรรลุผล และแน่นอนว่ายักษ์นั้นคือโลกิที่แปลงกายมานั่นเอง
สุดท้ายความจริงก็เปิดเผย ทุกคนรู้แล้วว่าโลกิเป็นต้นเหตุของความสูญเสียครั้งนี้ จึงถูกนำตัวมารับโทษ เขาถูกพันธนาการบนหิน ด้วยเครื่องในของลูกชายตัวเอง (ลูกกับเมียคนแรก) แล้วเอางูพิษมาพันไว้เหนือหัว เพื่อคอยหยดพิษใส่เขาไปเรื่อยๆ โลกิได้รับความทรมานจากพิษของงู จนดิ้นทุรนทุราย ชาวนอร์สเชื่อว่าการดิ้นไปดิ้นมาบนก้อนหินของโลกิเนี่ยแหละ ที่เป็นสาเหตุของแผ่นดินไหว
การลงโทษอันแสนทรมานของโลกินั้น สร้างความบาดหมางให้กับเผ่าพันธุ์ยักษ์และเหล่าทวยเทพ (อย่าลืมว่าโลกิเป็นยักษ์ในตำนานนี้) โลกิประกาศกร้าวไว้ว่า ถ้าสงครามเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เขาจะอยู่ข้างเหล่ายักษ์อย่างแน่นอน และเมื่อโลกิพ้นจากพันธนาการ มหาสงคราม Ragnarok ก็ได้เริ่มต้นขึ้นจริงๆ
ความแสบของโลกิในปกรณัมของชาวนอร์สนั้น ดูจะเป็นต้นแบบของตัวร้ายได้เป็นอย่างดี แต่ดีนะที่มาร์เวลแค่ให้โลกิในภาพยนตร์นั่งท้ายกระบะเฉยๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก