สำหรับบางคน ลุดวิก โกแรนสัน (Ludwig Göransson) อาจสร้างความน่าทึ่งให้ในวันที่เขาได้รับรางวัลออสการ์ บางคนอาจสงสัยในวันที่เขาลุกขึ้นมาทำดนตรีประกอบให้ผู้กำกับดัง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) แทนที่นักทำดนตรีประกอบภาพยตร์คู่บุญ ฮานส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) บ้างคงตกตะลึงกับเพลง This is American ของ Childish Gambino ที่มีเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคอยโปรดิวซ์เพลงให้
15 ปี ตั้งแต่เริ่มก้าวเท้าเข้าวงการสร้างสรรค์ดนตรีอย่างเต็มตัว ลุดวิกค่อยๆ โชว์ฝีไม้ลายมือและ เผยให้เห็นความเก่งกาจในฐานะนักประพันธ์ดนตรี ที่ต้องกล่าวหลวมๆ ว่าเขาคือนักประพันธ์หรือคนทำดนตรีนั้นเป็นเพราะ ลุดวิกไม่ได้จำกัดตัวเองให้ต้องทำดนตรีแบบไหนหรือแนวใดเป็นพิเศษ ตลอดเส้นทางการทำงาน ลุดวิกเป็นทั้งคนทำดนตรีที่มีงานดนตรีประกอบหนังล้นมือ ซึ่งเป็นงานที่เขาเรียนจบมาโดยตรงและถนัดมือที่สุด อีกทั้งยังขยายไปในดินแดนของทีวีซีรีส์ หรือแม้แต่ร่วมงานกับศิลปินหน้าใหม่ไปจนถึงรุ่นใหญ่ก็ทำมาแล้ว
คงไม่แปลกถ้าจะเดาว่าลุดวิกต้องมีลายเซ็นเฉพาะตัวบางอย่างที่ดึงดูดให้ผู้คนในวงการบันเทิงหมายมั่นอยากร่วมงานกับเขา แต่นั่นกลับไม่ใช่ความจริงเลย สิ่งที่ลุดวิกมี ซึ่งคงไม่ต่างกับ ฮานส์ ซิมเมอร์ หรือ จอห์น วิลเลียมส์ (John Williams) นักประพันธ์ที่ใครๆ ต่างก็ยกให้เป็นตำนานมี คือการเข้ากันได้กับความหลากหลาย ไม่ยึดติดกับกรอบเดิม พร้อมสร้างเสียงและทดลองดนตรีใหม่ๆ ความสามารถที่กว้างไกลของลุดวิกใช่ว่าจะสะเปะสะปะ เขาทำดนตรีด้วยการตีวงให้แคบเพื่อโฟกัส และต่อยอดออกไปจากตรงนั้น
สิ่งที่ลุดวิกเชี่ยวชาญคือการตอบรับไอเดียจากใครก็ตามที่อยากให้เขาทำดนตรีให้ และพามันไปไกลเกินว่าจะจินตนาการ
ความทรงจำแสนวิเศษในวัยเด็ก
ในปี 1984 โดยที่เด็กน้อยสายเลือดสวีเดนยังไม่ทันจะลืมตาดูโลก ความหลงใหลในดนตรีจากพ่อและแม่ก็ส่งทอดผ่านมายังชื่อของเขา โทมัส โกแรนสัน (Tomas Göransson) พ่อของเขา มีอาชีพเป็นครูสอนกีตาร์ จึงอยากจะตั้งชื่อลูกว่า อัลเบิร์ต ตาม อัลเบิร์ต คิง (Albert King) มือกีตาร์ในตำนานแห่งแวดวงเพลงบูลส์ แต่เมื่อได้ยินว่า “ไม่—ลุดวิก เบโธเฟน” คำขอจาก มาเรีย โกแรนสัน (Maria Göransson) คนขายดอกไม้ผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูกจึงถือเป็นคำขาด ในครอบครัวนี้ลุดวิกคือลูกคนสุดท้อง คนที่เกิดก่อนเขาคือพี่สาวชื่อ เจสซิกา โกแรนสัน (Jessika Göransson)
ลุกวิดได้รับการหล่อหลอมความสามารถทางดนตรีตั้งแต่อายุได้หกหรือเจ็ดขวบ พ่อตั้งใจสอนให้ลุดวิกจับคอร์ดกีตาร์ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะเริ่มเร็ว แต่กระบวนการกลับค่อยเป็นค่อยไป บทเรียนกีตาร์ของพ่อกินเวลาเพียงแต่ 10 นาทีต่อวัน มันคือช่วงเวลาที่ลุดวิกในวัยผู้ใหญ่มองย้อนกลับมาและพูดได้เต็มปากว่า เป็นความทรงจำวัยเด็กแสนวิเศษที่เขาหวงแหนเป็นที่สุด “สิ่งที่ทำให้มันพิเศษกับลูกของคุณ เวลาที่ได้อยู่ตามลำพัง เวลาแสนวิเศษเหล่านั้น มันไม่สำคัญด้วยซ้ำว่าคุณจะทำอะไร มันจะเป็นอะไรก็ได้ คุณมีเวลาได้เล่นกีตาร์ 10 นาที ในทุกๆ วัน ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบเล่นกีตาร์นะ ผมชอบมัน แต่ผมชอบที่จะได้ใช้เวลาสัก 10 นาที อยู่กับพ่อในห้องตามลำพัง เรามีกีตาร์ แล้วเราก็เล่นมัน”
หากจะพูดด้วยประโยคที่เข้าสมัยหน่อย ก็คงพูดได้ว่า ลุดวิกเติบโตมาอย่างดีทีเดียวในทางดนตรี
ต่อมาเมื่อกีตาร์เริ่มเข้ามือ ลุดวิกในวัยเก้าขวบไปเจอเข้ากับเพลง Enter Sandman นั่นทำให้เขาหลงใหล Metallica และดนตรีเฮวีเมทัลในทันที ลุดวิกใช้เวลาหลายชั่วโมงในห้องใต้ดินของบ้าน ฝึกฝนใช้เครื่องบันทึกเสียงและดรัมแมชชีน ลุดวิกไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่นั้น เขาขยายขอบเขตทางดนตรีออกไปอีก ทั้งเพลงแจ๊ส ทั้งดนตรีคลาสสิก จนกระทั่งมาพบกับผลงานของ จอห์น วิลเลียมส์—Jaws (1975) และ Star Wars (1977)—และ แดนนี เอลฟ์แมน (Danny Elfman)—Edward Scissorhands (1990) และ The Nightmare Before Christmas (1993)—สองนักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ชื่อดัง
ลุดวิกที่อยากเห็นวงออร์เคสตราเล่นเพลงที่เขาแต่งขึ้น จึงตัดสินใจมุ่งสู่การเป็นนักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์นับแต่นั้น
และเพื่อเตรียมตัว ลุดวิกตัดสินใจศึกษาด้านกีตาร์แจ๊สที่ Royal College of Music ในสตอกโฮล์ม ก่อนจะย้ายไปยังลอสแอนเจลิสในปี 2007 เพื่อศึกษาต่อด้านการประพันธ์เพลงสำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ University of Southern California (USC) ที่นั่นเอง ลุดวิกได้รู้จักกับ ไรอัน คูเกลอร์ (Ryan Coogler) เพื่อนร่วมชั้นที่ต่อมาจะกลายเป็นผู้กำกับหนังมือดีและเพื่อนร่วมงานคนสำคัญของลุดวิก
เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และความสำเร็จ
ลุดวิกและไรอันเติบโตมาจากคนละพื้นเพก็จริง แต่นั่นกลับทำให้ทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น เพราะความต่างในวัฒนธรรมกลายเป็นหัวข้อสนทนานไม่รู้จบ ตั้งแต่หนัง เพลง ยันเรื่องสัพเพเหระ ในระหว่างที่ลุดวิกเริ่มทำดนตรีให้กับทีวีซีรีส์ Community (2009-2014) ไม่นานทั้งคู่ก็หันมาทำงานร่วมกันใน Fruitvale Station (2013) หนังที่ได้รับรางวัล Grand Jury Prize ในเทศกาลภาพยนตร์ Sundance ปี 2013 และเป็นหนังเรื่องแรกที่ลุกวิดเปิดตัวในฐานะนักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์
ทั้งสองกลับมาทำงานร่วมกันใน Creed (2015) และ Creed II (2018) หนังนักมวยในจักรวาลเดียวกันกับหนังซีรีส์ Rocky ต่อด้วย Black Panther (2018) หนังเรื่องแรกที่พาลุดวิกไปคว้ารางวัลสูงสุดที่ไม่ว่าคนทำดนตรีประกอบคนไหนต่างก็ใฝ่ฝัน นั่นคือรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หลังจากนั้น ใน Sinners (2025) ไรอันก็ยังชวนเพื่อนสนิทลุดวิกมารังสรรค์ดนตรีที่ทรงพลังให้เช่นเคย
ลุดวิกและไรอันทำงานร่วมกันมาตลอด จนแทบจะเรียกได้ว่าทั้งคู่มีเส้นทางความสำเร็จในอาชีพที่ขนานไปด้วยกัน
หลังจากเริ่มมีชื่อจาก Black Panther ลุดวิกกระโดดไปทำดนตรีประกอบให้กับซีรีส์ The Mandalorian (2019-2020) อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะมาถึงอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต เมื่อเขาได้มีโอกาสทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ให้หนึ่งในผู้กำกับชื่อดังแห่งยุค คริสโตเฟอร์ โนแลน แทนที่ ฮานส์ ซิมเมอร์ ซึ่งในตอนนั้นขอแยกตัวไปทำดนตรีประกอบให้กับ Dune (2021) ลุดวิกร่วมงานกับโนแลนครั้งแรกใน Tenet (2020) และสร้างชื่อให้ตัวเองอีกครั้งเมื่อเขาได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่สองจากหนังชีวประวัติ Oppenheimer (2023)
ลุดวิกไม่ได้วนเวียนและโด่งดังอยู่แค่ในวงล้อมหนังและทีวีซีรีส์เท่านั้น ในช่วงปี 2010 ระหว่างที่ทำดนตรีให้ทีวีซีรีส์ Community ลุดวิกได้รู้จักกับศิลปินคนหนึ่งที่จะพาเขาไปคว้ารางวัลแกรมมีสาขา Record of the Year และ Song of the Year
เป็นตอนนั้นเองที่ลุดวิกได้รู้จักกับ โดนัลด์ โกลเวอร์ (Donald Glover) หนึ่งในนักแสดงซีรีส์ Community โดนัลด์เห็นความสามารถของลุดวิก และชวนให้ลุดวิกมาแต่งเพลงให้กับเขาที่ใช้ชื่อแฝงในวงการแร็ปเปอร์ว่า Childish Gambino ทั้งคู่สร้างผลงานเพลงร่วมกันในอัลบั้ม Camp (2011), Because the Internet (2013), และ “Awaken, My Love!” (2016) ในอัลบั้มที่ 3 เพลง Redbone พาพวกเขาเข้าไปชิงรางวัลแกรมมีในสาขา Record of the Year และ Song of the Year—ทว่าไม่ได้รางวัลกลับไป
ในปี 2018 ลุกวิดและโดนัลด์กลับมาชิงรางวัลแกรมมีในสองสาขาเดิมอีกครั้ง ด้วย This Is America เพลงที่สร้างกระแสสั่นสะเทือนและตอกหน้าสังคมอเมริกาอย่างตรงไปตรงมา และครั้งนี้พวกเขาคว้ารางวัลสูงสูงของวงการเพลงไปได้
สไตล์ที่ไม่มีสไตล์
หากจะให้พูดถึงเอกลักษณ์อะไรสักอย่างที่ลุดวิกมี ก็คงจะอยู่ตรงที่เขา ‘ไม่มีเอกลักษณ์’ หรือลายเซ็นที่ชัดเจนอะไรเลย ซึ่งอาจเป็นเรื่องน่าแปลกใจในวงการสร้างสรรค์ ที่ทุกคนต่างอยากโดดเด่น เป็นตัวของตัวเอง แต่สำหรับการเป็นนักทำดนตรีประกอบภาพยนตร์และคนโปรดิวซ์เพลงที่อยู่เบื้องหลัง การไม่มีตัวตนที่ชัดเจน การพร้อมสร้างดนตรีสดใหม่เสมอ คือสิ่งที่ลุดวิกหลงใหลและมองว่าจำเป็น
“สิ่งที่สนุกสำหรับผมคือการเริ่มสร้างเสียงใหม่ๆ จากศูนย์ เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับผู้กำกับเกี่ยวกับโลกที่เขาหรือเธอพยายามจะสร้าง และดูว่าเราจะสร้างโลกนั้นร่วมกันได้ยังไงโดยใช้ไอเดียจากสคริปต์หรือบทพูดช่วงแรกๆ พวกเขาสร้างโลกนี้จากศูนย์ แล้วทำไมคุณจะไม่ทำแบบเดียวกันกับเสียงบ้างล่ะ?”
ลุดวิกนำหลักการข้อนี้มาใช้กับทุกงานสร้างสรรค์ที่เขาเข้าไปมีส่วนร่วม เช่นใน Black Panther ลุดวิกลงทุนเดินทางไปถึงแอฟริกาเพื่อเดินทางไปในคณะทัวร์ของ บาบา มาล (Baaba Maal) ศิลปินชาวเซเนกัล ที่นั่นลุดวิกได้สัมผัสการขับร้องอังคอร์ รู้จักกลองที่มีภาษาพูดเฉพาะตัว (talking drum) และวัฒธรรมพื้นถิ่น ลุดวิกซึมซับองค์ประกอบเหล่านั้น กลั่นออกมาเป็น Wakanda เพลงที่มีเสียงกลองพูดเป็นชื่อ T’Challa ตัวละครเอกของเรื่อง

Marvel Studios’ BLACK PANTHER..L to R: M’Baku (Winston Duke), Zuri (Forest Whitaker) and T’Challa/Black Panther (Chadwick Boseman)..Ph: Film Frame..©Marvel Studios 2018
หรืออย่าง Can You Hear the Music? ดนตรีที่ใช้ขณะออปเพนไฮเมอร์กำลังจะพิสูจน์ทฤษฎีทางฟิสิกส์ได้ โนแลนให้จุดเริ่มต้นกับลุดวิกแค่ว่าอยากให้ดนตรีส่วนนี้เป็นไวโอลิน เขาเริ่มสร้างเสียงให้ Oppenheimer ตั้งแต่หนังยังไม่เริ่มถ่ายทำ พัฒนาเสียง ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามข้อมูลที่เขาได้รับ พร้อมกับใส่เสียงไวโอลินที่ เซรีนา แมคคินนีย์ (Serena McKinney) นักไวโอลินมืออาชีพและภรรยาของเขาเป็นคนเล่นลงไปในเนื้องาน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ดนตรีคู่กับเสียงไวโอลินที่ค่อยๆ เร่งจังหวะถึงขีดสุด สะท้อนช่วงเวลาแห่งการค้นพบได้อย่างแม่นยำ
ในโลกของเสียง ลุดวิกคือนักทดลองตัวฉกาจ เขาเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่ต้น ใน Fruitvale Station ลุดวิกใช้เสียงรถไฟที่เป็นฉากหลังของเรื่องมาทำดนตรี ในหนังซีรีส์ Creed เขาและทีมงานเดินทางไปยังค่ายมวยที่ถ่ายทำ เพื่ออัดเสียงชกมัดและเสียงกระทบกระสอบทราย ลุดวิกยังไปไกลกว่าใน Tenet หนังที่เล่นกับการถอยกลับของเวลา เขาพลิกแพลงและใช้เทคนิคซับซ้อนเพื่อให้เข้ากับธีมของหนัง “ผมอัดเสียงมือกลองเล่นฉาบแบบสดๆ รีเวิร์ส <reverse> เสียงนั้น ให้มือกลองฟังเสียงที่ถูกรีเวิร์ส จากนั้นขอให้เขาตีฉาบเลียนแบบเสียงที่ถูกรีเวิร์ส แล้วผมก็รีเวิร์สเสียงอีกทีหนึ่ง มีหลายวิธีที่คุณสามารถทดลองสร้างเสียงใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร นั่นคือสิ่งที่ผมทำ ผลกำลังพยายามสร้างโลกของตัวเอง”
แม้จะเปิดรับเทคนิคแปลกใหม่ ลุดวิกย้ำว่าการหาเสียงที่ต้องการด้วยการนั่งอยู่ตรงหน้าเครื่องดนตรีจริงๆ การได้กดตัวโน้ต หรือดีดเสียงจากกีตาร์ที่จับต้องได้นั้น ดีกว่านั่งเสกดนตรีขึ้นมาจากหน้าคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว “สถานที่สุดท้ายที่ผมจะไปนั่งลงคือตรงคีย์บอร์ MIDI ผมไม่พยายามจะไปอยู่ตรงหน้าจอ แม้ว่าคุณจะสามารถใช้เวลาและไอเดียมากมายไปกับคอมพิวเตอร์ แต่มันจะไม่ให้อะไรคุณกลับมาหรอก อย่างน้อยเมื่อเล่นเครื่องดนตรี ร่างกายจะสะท้อนตอบกลับ ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้น มันจะบอกกล่าว มันจะส่งเสียง”
จนถึงตอนนี้ ลุดวิกยังคงยึดมั่นในความต้องการเดิม ความต้องการที่อยากทดลองอะไรใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับวิธีการเก่าๆ เขาอยากจะขยายขอบเขตทางดนตรีของตนเอง ผ่านการพบเจอผู้คนในต่างสถานที่ ต่างวัฒนธรรม และเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ
“ถ้าคุณยังเด็ก โดยเฉพาะยิ่งคุณเรียนอยู่ในโรงเรียนดนตรีหรือมหาวิทยาลัยดนตรี มันสำคัญที่จะต้องเสาะหาเสียงใหม่และทำงานร่วมกับศิลปิน นักแต่งเพลง หรือนักดนตรีคนอื่นๆ ที่มีการศึกษาด้านดนตรีแตกต่างไปจากเรา ลองเล่นเครื่องดนตรีใหม่ๆ หรือทำดนตรีในแนวทางที่ต่างออกไป หลายคนมักหมกตัวอยู่ในห้อง แต่แค่คุณลองเดินออกไปยังบ้านหลังอื่น เข้าไปเคาะประตู จะต้องมีใครสักคนออกมาเปิดประตูให้แน่นอน”
อ้างอิงจาก
AllMusic contributors. (n.d.). Ludwig Göransson. allmusic.com
Bogdan, A. (n.d.). Ludwig Göransson: “I’m building a puzzle”. the-talks.com
D’Silva, S. (2023, November). Ludwig Göransson. soundonsound.com
Greiving, T. (2019, November 11). How Ludwig Goransson Became Directors’ Secret Musical Weapon. nytimes.com
Genius. (2019, February 12). The Making Of “Wakanda” With Ludwig Göransson | Presented By Marvel Studio’s Black Panther [Video]. youtu.be
Proximity Media. (2025, April 22). In Proximity Podcast | How Blues Music Inspired SINNERS with Ludwig Göransson and Ryan Coogler [Video]. youtu.be
Rolling Stone. (2020, October 27). Ludwig Göransson on Tenet’s Film Score and Working with Christopher Nolan | The Breakdown [Video]. youtu.be
Variety. (2020, August 14). How ‘The Mandalorian’ Score Found The New ‘Star Wars’ Sound [Video]. youtu.be
Variety. (2024, February 19). Ludwig Göransson – ‘Can You Hear the Music?’ from ‘Oppenheimer’ | Behind the Song [Video]. youtu.be
Wikipedia contributors. (2025, May 7). Ludwig Göransson. wikipedia.org