*เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง*
ในชีวิตจริง เรามักจะพบเจอกับคนที่มีภาพลักษณ์ดูดี เชื่อถือได้ อาจชวนให้เราคิดว่า ‘คุณคนนี้เขาก็น่าไว้ใจ ไม่เหมือนคนมีพิษมีภัยอะไรนี่นะ’ แม้จะได้รู้จักกันนานขึ้นอีกหน่อยแล้วก็ตาม ก็ยังคงเส้นคงวาไม่หลุดเรื่องฉาวให้เราได้สงสัย จนเราเชื่อไปแล้วว่าเขาก็เป็นอย่างที่เห็นนั่นแหละนะ นั่นเพราะเราเห็นเท่าที่เขาอยากให้เห็น และเราเองก็ไม่สามารถไปตามติดชีวิตใครคนนึงในทุกมุมได้ แต่ในภาพยนตร์ที่เราจะได้เห็นทุกมุมของตัวละคร ความสนุกอยู่ที่การคาดเดาว่าคนที่มีทีท่าจะเป็นคนดีนี้ จะดีจริงหรือเปล่า จะเริ่มออกลายตอนไหนนะ หรือตัวละครที่ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย จะทำอะไรที่คาดไม่ถึง หักปากกาเซียนหน้าจอหรือเปล่า
ภาพยนตร์หลายเรื่อง เลยชอบที่จะวางกับดักผู้ชมด้วยการติดตามว่า ‘คนนี้เขาเป็นอย่างที่เราเห็นจริงๆ หรือเปล่า?’ พอเห็นใครทิ้งคำใบ้ ทำอะไรลับๆ ล่อๆ ทีไร ความสนุกของผู้ชมอย่างเราก็คือการติดตามว่าแท้จริงแล้วคนนี้เขามีความลับอะไรซ่อนไว้กันแน่ และความจริงจะเฉลยออกมาเมื่อไหร่กัน หากคุณชอบและสนุกไปกับการกระชากหน้ากากคนมีพิรุธ มาร่วมสนุกไปกับเราใน 5 หนัง เปิดโปงเบื้องหลังคนหน้าอย่างใจอย่าง มาดูกันว่าใครจะออกพิรุธให้เราจับได้ก่อนกัน
American Hustle
ริชชี่ ดิมาโซ (รับบทโดย แบรดลีย์ คูเปอร์) เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ผู้ที่ต้องการแฉเบื้องหลังนักการเมืองมือสกปรก อย่าง คาร์มีน โพลิโต้ (รับบทโดย เจเรมี่ เรนเนอร์) ผู้ซุกซ่อนเรื่องคอรัปชั่นฉาวๆ เอาไว้เป็นความลับ ริชชี่จะลงมือจัดการเองคนเดียวก็ดูจะสู้ไม่ไหว กับสเกลงานใหญ่ขนาดนี้ เลยต้องขอยืมมือนักต้มตุ๋นมาตุ๋นกันเอง ด้วยฝีมือของ เออร์วิน โรเซนเฟลด์ (รับบทโดย คริสเตียน เบล) และ ซิดนีย์ โพรสเซอร์ (รับบทโดย เอมี่ อดัมส์) คู่หูคู่รักนักต้มตุ๋น ในปฏิบัติการชื่อว่า ‘ABSCAM’ ที่พาให้พวกเขาสาวไปถึงเรื่องราวเลยเถิดกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ทุกตัวละครมีเส้นชีวิตที่วายป่วง จนเราไม่ต้องจับพิรุธอะไรก็เผยไต๋ออกมาแล้ว แม้จะดูเหมือนเป็นหนังมาเฟีย วงการสีเทา ดราม่าเข้มข้น แต่จริงๆ กลับผสมตลกร้ายลงไปผ่อนคลายอย่างลงตัว พร้อมกับนักแสดงเบอร์ใหญ่มารวมตัวกัน รวมทั้งเพลงเพราะๆ ตลอดทั้งเรื่อง จะช่วยกล่อมเกลาเรื่องนี้ให้กลายเป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจ
Catch Me If You Can
ที่สุดของการต้มตุ๋น ที่สุดของความแนบเนียนของ แฟรงก์ อบาเนล จูเนียร์ (รับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) ที่ชะตาชีวิตผลักดันให้เขาใช้ความสามารถที่มีไปกับเส้นทางนักต้มตุ๋นตั้งแต่อายุยังน้อย แฝงตัวไปในทุกวงการ ตั้งแต่นักบิน หมอ นักกฎหมาย โดยที่ไม่มีใครจับสังเกตได้เลยว่าเขาเป็นตัวปลอม ด้วยภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ คารมชั้นยอด ไหวพริบชั้นเยี่ยม ทำให้เขารอดจากทุกสายตามาตลอด และกลับกัน เขากลับเป็นที่รักของผู้คนรอบข้างเสมอมา แต่สิ่งที่ทำให้เขาเป็นอาชญากรจริงๆ ก็คือ การทำเช็คปลอม ในหลายประเทศ สร้างมูลค่าความเสียหายในหลักล้านเหรียญสหรัฐฯ
จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เอฟบีไออย่าง คาร์ล (รับบทโดย ทอม แฮงก์) ได้เห็นความผิดปกติในเรื่องนี้ ทั้งคู่ได้พบเจอกันมาโดยตลอด แต่แฟรงก์ก็สามารถรอดไปได้ในทุกครั้ง มาดูกันว่าสุดท้ายแล้ว แฟรงก์จะถูกกระชากหน้ากากได้หรือไม่ จุดจบของเขาจะเป็นอย่างไร หรือจะรอดไปได้อย่างเคย
The Departed
แก๊งอาชญากรกลุ่มใหญ่ ภายใต้การปกครองของ คอสเต็ลโล (รับบทโดย แจ็ก นิโคลสัน) แข็งข้อขึ้นทุกวันจนไม่รู้จะปราบยังไง ตำรวจก็เลยต้องส่งคนเข้าไปเป็นหนอน เป็นหน้าที่ของบิลลี่ (รับบทโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ) คอยส่งข่าวจากวงในดงโจร ว่าพวกเขากำลังขยับไปทางไหน มีแผนอะไร ทำงานกันยังไง เข้าไปแล้วก็ทำงานได้ดีเกินคาด กลายเป็นลูกน้องคนโปรด
นานวันเข้าก็เริ่มเอะใจ ตำรวจรู้ความเคลื่อนไหวของเราได้ยังไงวะ ก็เลยส่งลูกน้องโจรฝีมือดีเข้าไปเป็นหนอนในกลุ่มตำรวจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของโคลิน (รับบทโดย แมต เดมอน) ทั้งสองคนต่างก็ต้องทำหน้าที่ทั้งฝั่งโจรและฝั่งตำรวจให้ดี ไม่ให้มีข้อผิดพลาด ไม่งั้นจะเท่ากับถูกกระชากหน้ากากออกมา
จากตำรวจที่ต้องกลายเป็นโจร และโจรที่ต้องกลายเป็นตำรวจ มาดูกันว่าใครจะจับพิรุธใครได้ก่อนกัน
Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street
หลังจากถูกพรากเมียสุดที่รักและลูกสาวไปอย่างไม่เป็นธรรม ด้วยฝีมือของผู้พิพากษาเทอร์ปิน (รับบทโดย อลัน ริกแมน) เบนจามิน ปาร์กเกอร์ (รับบทโดย จอห์นนี่ เดปป์) ถูกส่งไปใช้แรงงานในแผ่นดินอื่น จนกระทั่งเวลาผ่านไปนับสิบปี เขากลับมาอีกครั้งในตัวตนใหม่ ในชื่อ สวีนนีย์ ทอดด์ พร้อมกับอาชีพช่างตัดผมบนทำเลแห่งความหลังอย่างถนนฟลีต
เขาใช้ตัวตนใหม่สร้างชื่อเสียงด้วยมีดโกนอันคมกริบ ฝีมือการโกนหนวดชั้นเยี่ยม ทำให้เขามีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย แม้บุคลิกของเขาไม่ได้ชวนให้เข้าใกล้หรือรู้สึกว่ามีออร่าคนดีสักเท่าไหร่ แต่ใครๆ ก็ไม่เคยสงสัยถึงการหายไปของลูกค้าแต่ละคนหลังจากก้าวเท้าเข้าร้านตัดผมของเขาเลย แต่นั่นยังไม่ใช่จุดหมายที่แท้จริง เมื่อหมุดหมายของการกลับมาครั้งนี้ คือ การจรดมีดโกนอันคมกริบลงบนคอของเทอร์ปินนั่นเอง
ทั้งทอดด์และเทอร์ปิน ต่างมีหน้ากากที่สวมใส่ยามใช้ชีวิตร่วมกันผู้คนทั่วไป และใบหน้าจริงที่เผยออกมายามที่ไม่มีใครเฝ้ามอง มาดูกันว่าบทสรุปของการแก้แค้นอันยาวนานนี้จะจบลงอย่างไร
American Made
นักบินฝีมือดีอย่างแบร์รี่ ซีล (รับบทโดย ทอม ครูซ) ได้รับการทาบทามจากซีไอเอ มาช่วยถ่ายภาพกลุ่มก่อการร้ายหน่อยสิ ทำไปทำมาเข้าน่านฟ้าโคลัมเบีย มีหรือจะรอดพ้นสายตาของราชายาเสพติดอย่าง พาโบล เอสโคบาร์ ไปได้ เขาจึงถูกทาบทามอีกครั้งจากกลุ่มค้ายาเสพติด ให้ช่วยขน ‘ของ’ เข้าอเมริกาให้หน่อย ค่าตอบแทนอันล่อตาล่อใจ ส่งผลให้เขารับทำงานจากทั้งซีไอเอและพาโบลไปพร้อมกัน
จริงๆ เรื่องนี้จะไม่ได้ชูตัวเอกอย่างแบร์รี่สักเท่าไหร่นัก แต่เขาจะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินเรื่องไปสู่เรื่องราวอื่นๆ ของอเมริกาในช่วงหลังสงครามเย็น แต่ละคนต่างก็มีหน้ากากที่รอวันให้ผู้อื่นมาแง้มออกมากันทั้งนั้น ทั้งประธานาธิบดี ทั้งนักค้ายา หรือแม้แต่ตัวของแบร์รี่เองก็ตาม