nกว่า 24 ปี นับจาก Gladiator ภาคแรกเข้าฉาย วันนี้นักรบแห่งโคลอสเซียมกำลังกลับขึ้นสู่ลานประลองอีกครั้ง แม้จะห่างหายจากจอไปนาน ทว่า Gladiator II คือเรื่องราวต่อจากภาคแรก ซึ่งยังคงความเข้มข้นของเกมการแก้แค้นและการต่อสู้อันแสนดุเดือด ที่พร้อมพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่สมัยโรมัน เผื่อสัมผัสโลกแห่งการต่อสู้ของเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์กันอีกครั้ง
สำหรับหลายคนอาจมีภาพคุ้นตากับเหล่า ‘กลาดิเอเตอร์’ จากภาพยนตร์ ผู้มีความอาจหาญกล้าลุกขึ้นต่อต้านผู้ปกครอง แต่ใช่ว่า พวกเขาเหล่านั้นจะเกิดมาเพื่อเป็นนักรบบ้าดีเดือดกันหมดเสียเมื่อไหร่ เพราะในประวันศาสตร์อันแท้จริง พวกเขาคือบรรดาทาส เชลยศึก และนักโทษ ที่ล้วนถูกบังคับให้ขึ้นสู่สนามอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
คำว่า กลาดิเอเตอร์ มาจากคำว่า ‘gladiatores’ ในภาษาละติน หมายถึง gladius ดาบสั้นซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธของเหล่ากลาดิเอเตอร์ โดยพวกเขามีตัวตนอยู่มาเป็นเวลายาวนาน ย้อนกลับไปสมัยอารยธรรมอีทรัสคัน (Etruscans) ราวๆ 1100 ปีก่อนคริสตศักราช อันเป็นยุคก่อนที่อาณาจักรโรมันโบราณจะถือกำเนิด เดิมทีการประลองของกลาดิเอเตอร์ ถูกจัดขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อของชาวอีทรัสคัน
ทว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มเป็นที่นิยม ประกอบกับการก้าวขึ้นสู่อำนาจของอาณาจักรโรมัน การผูกโยงกับศาสนาจึงเริ่มลดน้อยลง จนกลายเป็นการแข่งขันเพื่อความบันเทิงสำหรับชาวโรมัน ซึ่งจัดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ในสนามกีฬาทั่วอาณาจักร โดยเริ่มมีเงินรางวัลและชื่อเสียงเป็นรางวัล ทำให้ในภายหลังกลาดิเอเตอร์จึงไม่ใช่เหล่าทาสเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่เริ่มมีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็น นายทหารที่เกษียณอายุ นักรบ รวมถึงเหล่าคนจนผู้ไม่มีอันจะกิน ต่างก็หันหน้าเข้าสู่การเป็นการกลาดิเอเตอร์ เพื่อหวังจะได้เกียรติยศและเงินทองกลับไป
แต่กว่าที่กลาดิเอเตอร์สักคนจะได้ก้าวขึ้นสู่เวทีประลองและแสดงฝีไม้ลายมือการต่อสู้ได้อยากภาคภูมิใจนั้น พวกเขามีเบื้องหลังชีวิตเป็นอย่างไรกัน? เพื่อเข้าใจความเป็นกลาดิเอเตอร์กันมากขึ้น เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องราวของเหล่านักสู้กลาดิเอเตอร์กันมากขึ้น พร้อมสัมผัสชีวิตและกิจวัตรประจำวันของพวกเขากันว่า ตั้งแต่เช้าจรดเย็นพวกเขาต้องทำอะไรกันบ้าง
กิจวัตรประจำวันของเหล่านักรบกลาดิเอเตอร์
- ช่วงเช้า
-
- เหล่ากลาดิเอเตอร์จะถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่รุ่งสางโดยผู้คุม เพื่อให้ลุกขึ้นมาเตรียมตัว สำหรับการฝึกซ้อมการต่อสู้
- รับประทานอาหารมื้อเช้า โดยทั่วไปแล้ว อาหารมาตรฐานของพวกนักสู้ มักเป็นโจ๊กข้าวบาร์เลย์และถั่ว อีกทั้งในระหว่างรับประทานอาหาร พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกัน
- ระหว่างวัน
-
- หลังจากเสร็จภารกิจช่วงเช้าแล้ว บรรดากลาดิเอเตอร์ก็จะเริ่มออกกำลังกายและฝึกฝนกันอย่างหนักหน่วง เพื่อฟิตร่างกายให้พร้อมสำหรับการประลองที่จะมาถึงในอนาคต
- เมื่อเตรียมความพร้อมของร่างกายเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็จะเริ่มฝึกการใช้อาวุธ โดยใช้อาวุธไม้แทนอาวุธจริง พร้อมกับฝึกเรื่องความรวดเร็ว ด้วยการสวมชุดเกราะทั้งเบาและหนักสลับกัน เพื่อให้ผู้ฝึกคุ้นชินกับการเคลื่อนไหวภายใต้ชุดเกราะแต่ละแบบ
- พักรับประทานอาหารมื้อกลางวัน เพื่อเติมพลังงานให้พร้อม สำหรับกลับไปฝึกฝนกันต่อ โดยอาหารของพวกเขาจะยังคงเป็นโจ๊กข้าวบาร์เลย์และถั่วเหมือนเดิม
- ซึ่งในระหว่างวันเหล่ากลาดิเอเตอร์จะได้รับอนุญาตให้อาบน้ำทั้งร้อนและเย็นได้ เนื่องจากพวกเขาถูกมองว่าเป็นสินค้า ทำให้พวกเขามีสุขอนามัยที่ดีกว่าชนชั้นล่างสุดของโรมันเล็กน้อย
- ตอนกลางคืน
-
- รับประทานอาหารมื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายของวัน และแน่นอนว่า อาหารมื้อนี้ก็ยังคงเป็นโจ๊กข้าวบาร์เลย์และถั่ว ไม่ต่างจากมื้อเช้าและกลางวัน
- ส่วนใครจะได้ขึ้นประลองในวันถัดไป มื้อเย็นของพวกเขาก็จะเปลี่ยนเป็นอาหารมื้อใหญ่ หรือ ที่เรียกว่า ‘cena libera’เป็นการเฉลิมฉลองครั้งสุดท้ายก่อนการต่อสู้ของพวกเขา
- เหล่ากลาดิเตอร์จะถูกส่งกลับเข้าห้องขัง เพื่อพักผ่อนนอนหลับ เก็บแรงเอาไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป
โรงเรียนฝึกสอนเฉพาะของเหล่ากลาดิเอเตอร์
เมื่อเหล่าคนธรรมดา นักรบ ทหารเกษียณอายุ หรือแม้แต่ชนชั้นสูง ผู้อยากช่วงชิงชื่อเสียงเกียรติยศและเงินรางวัล ต่างเดินหน้าเข้ามาสมัครเป็นกลาดิเอเตอร์กันมากขึ้น โรงเรียนสำหรับกลาดิเอเตอร์ หรือ ‘ludus gladiatorius’ จึงถูกก่อตั้งขึ้น เพื่อรองรับและฝึกฝนนักสู้เหล่านี้ให้แข็งแกร่ง พร้อมลงสนามต่อสู้
ทั้งนี้ โรงเรียนแต่ละแห่งมี ‘ลานิสตา (lanista)’ ทำหน้าที่เป็นทั้งเจ้าของโรงเรียน ครูฝึกสอน และเจ้าของกลาดิเอเตอร์ ลานิสตาจะดูแลตั้งแต่การเตรียมร่างกาย ฝึกซ้อมการต่อสู้และการใช้อาวุธ ตลอดจนจัดการเรื่องการซื้อขายหรือให้เช่ากลาดิเอเตอร์ในสังกัดของพวกเขา
โรงเรียนสำหรับกลาดิเอเตอร์มีจำนวนมากกว่า 100 แห่งทั่วจักรวรรดิโรมัน อีกทั้งในแต่ละแห่งจะไม่ใช่เพียงสถานที่สำหรับฝึกเพียงอย่างเดียว ทว่ายังคำเป็นที่อยู่อาศัยของกลาดิเอเตอร์ด้วย โดยพวกเขาจะได้นอนด้วยกัน 1-2 คน ในห้องขังขนาดประมาณ 3 ตารางเมตร
‘สปาร์ตาคัส’ กลาดิเอเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่
สปาร์ตาคัส (Spartacus) กลาดิเอเตอร์ผู้มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งแห่งโรมัน ในอดีตเขาเป็นทาสที่ถูกส่งไปยังโรงเรียนฝึกกลาดิเอเตอร์ในเมืองคาปัว เมื่อปี 73 ก่อนคริสตศักราช ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หลบหนีออกจากโรงเรียนฝึกพร้อมกับกลาดิเอเตอร์อีกประมาณ 70 คน พร้อมรวบรวมทาสกว่า ประมาณ 90,000 ถึง 100,000 คน ในก่อกบฏต่อสาธารณรัฐโรมัน
แม้จะได้รับชัยชนะมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นฝั่งสาธารณรัฐก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งนายพลมาร์กุส ลิกินิอุส กรัสซุส (Marcus Licinius Crassus) เข้าจัดการกลุ่มกบฏลงได้สำเร็จ โดยเชื่อกันว่าสปาร์ตาคัสเสียชีวิตลง ขณะทำการสู้รับในสมรภูมิดังกล่าว ในปี 71 ก่อนคริสตศักราช
ผู้หญิงก็เป็นกลาดิเอเตอร์ได้นะ
ใครว่ามีแต่ชายชาตรี ที่สามารถก้าวขึ้นสู่เวทีการประลองได้เพียงฝ่ายเดียว เพราะในอดีตเหล่าสตรีผู้หาญกล้า ก็สามารถออกไปแสดงฝีไม้ลายมือการต่อสู้ได้เหมือนกับผู้ชายเช่นกัน
อาจไม่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้หญิงเริ่มลุกขึ้นมาจับอาวุธเป็นกลาดิเอเตอร์กันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นักประวัติศาสตร์ได้มีการขุดค้นพบรูปสลักนูนต่ำ ถูกทำขึ้นมาราวๆ ศตวรรษที่ 2 แสดงให้เห็นการต่อสู้กันระหว่างสตรี 2 คน ได้แก่ ‘อเมซอน’ และ ‘อคิลเลีย’ ซึ่งคาดว่าเป็นนามแฝงสำหรับใช้บนเวที เพื่อบูชาถึงเทพเจ้าโรมัน
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 200 จักรพรรดิเซพติมิอุส เซเวอรุส (Septimius Severus) ได้สั่งห้ามไม่ให้มีการต่อสู้กลาดิเอเตอร์ระหว่างผู้หญิงทุกคน เนื่องจากพระองค์ได้ยินเรื่องตลกลามกเกี่ยวกับผู้หญิงระหว่างการแข่งขัน พระองค์จึงเกรงว่ากลาดิเอเตอร์อาจทำให้เกิดการไม่เคารพผู้หญิงทุกคนได้
จะมาเป็นกลาดิเอเตอร์เหมือนกันไม่ได้
ใช่ว่ากลาดิเอเตอร์ทุกคนจะได้สวมชุดเกราะออกไปต่อสู้เหมือนกันทุกคนเสียเมื่อไหร่ เพราะเหล่ากลาดิเอเตอร์เอง ก็มีการแบ่งแยกระดับด้วยเหมือนกัน ซึ่งสามารถสังเกตได้จากเครื่องแต่งกายที่แตกต่างกัน โดยจะแบ่งตามประวัติ ทักษะ รวมถึงประสบการณ์ของแต่ละคน มี 4 แบบ ดังนี้
- แซมไนต์ (Samnite) : นักรบระดับซัมไนท์จะมีอาวุธหลักเป็นดาบสั้น (gladius) โล่สี่เหลี่ยม (scutum) เกราะป้องกันขา (ocrea) รวมทั้งหมวกกันน็อกประดับด้วยขนนก (galea) โดยการต่อสู้ของเหล่าซัมไนท์จะเน้นการป้องกันที่แข็งแกร่งและการโจมตีที่หนักแน่น
- ธเร็กซ์ (Traex) : ธเร็กซ์ ซึ่งเป็นคำเรียกรูปพหูพจน์ของคำว่า ทราเชียน (Thracian) พวกเขาจะแต่งกายคล้ายกับแซมไนต์ แต่ใช้อาวุธต่างกัน โดยธเร็กซ์จะใช้ดาบสั้นโค้ง (sica) และโล่ขนาดเล็กสี่เหลี่ยมหรือกลมขนาดเล็ก (parma) ซึ่งเหมาะสำหรับการต่อสู้ที่รวดเร็วและการโจมตีระยะใกล้ การออกแบบดาบโค้งช่วยให้โจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว
- เมอร์มิลโล (Myrmillo) : นักรบเมอร์มิลโลจะสวมหมวกเกราะขนาดใหญ่ (cassis crista) มีช่องเล็กๆ สำหรับมองลอดออกมา พร้อมประดับรูปปลาอยู่บนยอด ส่วนอาวุธหลักของเมอร์มิลโลจะเหมือนกับซัมไนท์คือ มีดาบสั้นและโล่ แต่ชุดเกราะของเมอร์มิลโลจะน้อยกว่า โดยจะมีแค่การป้องกันแบบบุผ้าเฉพาะที่แขนและขาเท่านั้น
- เรเทียริอุส (Retiarius) : เรเทียริอุสเป็นกลาดิเอเตอร์ที่มีการแต่งกายแบบป้องกันตัวน้อยที่สุด มักจะใส่แค่เกราะไหล่แบบบุผ้า (galerus) จุดเด่นของพวกเขาคือ การใช้ ตาข่ายหนัก (retes) ในการพันข้าศึก และมีอาวุธหลักเป็น สามง่าม (fascina) ทั้งนี้การต่อสู้ของเรเทียริอุสจะเน้นที่ความเร็วและความคล่องตัวเพื่อจับและทำให้คู่ต่อสู้ติดขัดแทนการโจมตีโดยตรง
cena libera อาหารมื้อใหญ่สุดท้าย
คืนก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้น เหล่ากลาดิเอเตอร์ผู้ต้องลงสนามในวันถัดไป จะได้รับอาหารมื้อใหญ่ที่เรียกว่า cena libera ซึ่งเป็นธรรมเนียมเดียวกันกับการมอบอาหารมื้อพิเศษให้กับนักโทษ ผู้กำลังจะถูกประหารชีวิต
เนื่องจากเหล่าลานิสตามองว่า มื้อก่อนลงสนามอาจเป็นมื้อสุดท้ายของชีวิต พวกเขาจึงต้องการให้กลาดิเอเตอร์ได้กินดื่มอย่างสำราญ ด้วยมื้ออาหารสุดหายากมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมูป่าย่าง ไส้กรอกหมู ปลา และไวน์ผสมน้ำผึ้ง
เหล่ากลาดิเอเตอร์คงไม่มีทางรู้กันได้เลยว่า พวกเขาจะมีโอกาสลิ้มรส cena libera กันอีกหรือไม่ ถ้าวันถัดไปพวกเขาดันเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมา ครั้งนี้อาจเป็นมื้อสุดท้ายของพวกเขาจริงๆ ก็ได้
อ้างอิงจาก