กว่าจะเป็นนักกีฬาที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องพยายามและทุ่มเทมากแค่ไหนกันนะ?
นักกีฬาเป็นอาชีพที่ต้องอาศัยทั้งความพยายาม ความทุ่มเท และการฝึกฝนร่างกายให้เตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันอยู่ตลอดเสมอ ส่วนหนึ่งอาจเพราะความสำเร็จล้วนขึ้นอยู่กับทักษะและฝีมือ หากโดดเด่นก็จะก้าวไปสู่หัวตาราง แต่ถ้าก้าวพลาด แม้เพียงครั้งเดียว อาจหมายถึงจุดสิ้นสุดของอาชีพนี้ได้เลย
Olympo (2025) ซีรีส์กีฬาดราม่าสัญชาติสเปน พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวความเข้มข้นของชีวิตและการเป็นนักกีฬาประจำศูนย์ฝึก Pirineos Center of High Performance (HPC) ที่ต้องทั้งแย่งชิงและฝ่าฟันเพื่อให้ไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อนักกีฬาว่ายน้ำแบบซิงโครไนซ์คนหนึ่งเป็นลมหมดสติขณะซ้อม ทำให้เพื่อนของเธออย่าง อามายา (รับบทโดย คลาร่า กาเย) เกิดความสงสัยว่านี้อาจเป็นผลพวงของการใช้สารกระตุ้นอันเป็นสารต้องห้ามในวงการกีฬา เธอจึงได้เริ่มตามสืบหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในสถาบันแห่งนี้ ควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ ‘โอลิมโป (Olympo)’ องค์กรสปอนเซอร์ผู้โด่งดังในวงการกีฬาเลือกสนับสนุนเธอ

cr.Sencine
*เนื้อหาต่อไปนี้เปิดเผยข้อมูลสำคัญของซีรีส์ Olympo*
ความพยายามของนักกีฬา
อะไรคือตัวชี้วัดว่านักกีฬาคนนั้นกำลังจะได้รับโอกาสไปสู่จุดสูงสุดในชีวิต? หลายคนก็อาจมองเรื่องของการได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่อง หรือฟอร์มการเล่นที่ไม่มีตก และใน Olympo สิ่งนั้นคือ สปอนเซอร์ ซึ่งถือเป็นเครื่องการันตีผลสัมฤทธิ์ของความพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายในศูนย์ฝึกแห่งนี้
นักกีฬาหลายคนต่างทุ่มเทและฝึกซ้อมร่างกายของตนเองให้แข็งแกร่งและโดดเด่นมากพอ เพื่อหวังให้องค์กรโอลิมโปสนใจและเลือกสนับสนุนตน จากในเรื่องเราจะเห็นได้ว่า นักกีฬาแต่ละคนจริงจังกับการช่วงชิงสปอนเซอร์นี้มากขนาดไหน ด้วยแรงกดดันอันมหาศาล บางคนถึงขั้นต้องเชือดเฉือนกับทุกคนรอบตัว จนกระทบกับความสัมพันธ์ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าโอลิมโปมีที่ว่างอยู่จำกัด หากไม่ได้รับการสนับสนุน ก็อาจส่งผลต่อเส้นทางความสำเร็จในฐานะนักกีฬาได้
เช่นเดียวกับอามายา นักกีฬาว่ายน้ำแบบซิงโครไนซ์ ผู้ถูกแม่ของตัวเองที่เคยเป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำเหมือนกับเธอ กดดันให้ต้องประสบความสำเร็จและได้รับการสนับสนุนจากโอลิมโป ทำให้อามายาเป็นตัวละครที่ผู้ชมอย่างเราจะได้เห็นเธอจริงจังกับการฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลา พร้อมผลักให้ตนเองขึ้นไปสู่จุดสูงสุดและเป็นอันดับหนึ่งของทีม จนแทบไม่สนใจว่าสิ่งที่เธอทำอยู่กำลังทำให้เพื่อนรอบตัว คนรัก ทยอยถอยหลังและตีตัวออกห่างไปเรื่อยๆ

cr.Time Magazine
อีกทั้งอามายายังเป็นผู้ที่ออกตัวชัดเจนต่อการต่อต้านการใช้ ‘สารกระตุ้น’ สารต้องห้ามสำหรับการแข่งขันกีฬา เพราะตัวเธอมองว่าสารพวกนี้คือการโกงต่อความฝันของคนที่พยายามอย่างซื่อสัตย์เช่นเธอ แถมมันยังเหมือนเป็นการการดูหมิ่นต่อทุกหยาดเหงื่อที่ทั้งเธอและเพื่อนนักกีฬาคนอื่นต้องแลกมาอย่างยากลำบากด้วย
ภายในเรื่องมีนักกีฬาหลายคนที่เลือกทรยศต่อควาพยายามของตนเอง และละทิ้งความซื่อสัตย์ต่อร่างกาย เลือกใช้สารกระตุ้นเพื่อหวังให้มันเป็นทางลัดสำหรับไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพนักกีฬาได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น จึงไม่แปลกที่อามายาจะเลือกจะโทรแจ้งหน่วยงานด้านการตรวจสารเสพติดของนักกีฬาให้เข้ามาตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะหากนักกีฬาในสถาบันยังคงใช้สารเสพติดอยู่ ก็คงต้องเป็นเธอที่ต้องจบความฝันของตนเองแทน
มองเพียงผิวเผิน ผู้ชมอาจรู้สึกไม่พอใจต่อการกระทำของอามายา ที่ดูเหมือนจะเข้าไปขัดขวางเส้นทางความฝันของคนอื่นๆ ทว่าหากลองมองให้ลึกลงไปหรือลองจินตนาการว่าเราคือคนที่ยอมทุ่มเททุกอย่าง ฝึกฝนตนเองอย่างหนัก ตลอดจนพัฒนาตัวเองด้วยแรงกายแรงใจแบบเกินร้อย เราเองก็คงไม่อยากให้คนที่เลือกใช้ทางลัดที่เล่นนอกกฎ มาคว้าความสำเร็จที่เราพยายามไขว่คว้าด้วยความซื่อสัตย์ไปต่อหน้าต่อตาเหมือนกัน
และความพยายามที่ต้องมีมากยิ่งขึ้น
แม้นักกีฬาทุกคนจะพยายาม แต่ก็อาจมีบางคนต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว
นอกจากเรื่องราวของอามายาแล้ว อีกหนึ่งประเด็นซึ่งถูกใส่มาและดำเนินไปพร้อมๆ กันคือ ประเด็นของโรเก้ (รับบทโดย อากุสติน เดย่า กอร์เต) นักรักบี้ ผู้แสดงออกว่าเป็นเกย์อย่างเปิดเผย ถึงมันจะเป็นข้อดีที่เขาไม่จำเป็นต้องปกปิดหรือหลบซ่อนตัวตนของตนเอง ทว่าสิ่งที่เขาต้องแลกมาคือ กำแพงกั้นระหว่างเขาและเพื่อนร่วมทีมบางคน เพราะแม้จะมีเพื่อนหลายคนที่สนับสนุนตัวตนของเขา แต่ก็ยังมีอีกหลายคนไม่ยอมรับ พร้อมแสดงท่าทีเหยียดหยามตัวของโรเก้
การถูกเลือกปฏิบัติและประเด็นเรื่องการหวาดกลัวต่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ (Homophobia) ปรากกฏเด่นชัดมากขึ้น เมื่อโรเก้เผยแพร่ภาพของตนเองกับคู่ขาลงบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ผู้เป็นโค้ชกีดกันและแกล้งไม่ให้เขาลงเป็นตัวจริงในการแข่งขันนัดสำคัญที่กำลังมาถึง สะท้อนให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติในวงการกีฬา ซึ่งแม้นักกีฬาเหล่านั้นจะมีฝีมือและสมรรถภาพที่เหมาะสมมากแค่ไหน ก็อาจไม่เพียงพอที่จะช่วยให้พวกเขาได้ไปยืนในสนามได้ หากยังมีคนที่ไม่พอใจต่ออัตลักษณ์ทางเพศของพวกเขาอยู่

OLYMPO. Agustin Della Corte as Roque Pérez in episode 03 of OLYMPO. Cr. Matías Uris/Netflix © 2024
นอกจากเรื่องราวการถูกกีดกัน อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกถ่ายทอดออกมาในเรื่องราวโรเก้ด้วยก็คือ การแสวงหาผลประโยชน์จากอัตลักษณ์ทางเพศของเขา หลังจากที่โรเก้เปิดเผยตัวตนอย่างเป็นทางการต่อหน้าสื่อ องค์กรอย่างโอลิมโปก็ได้ให้ความสนใจและเลือกสนับสนุนตัวเขา ทว่ามันเป็น ‘การสนับสนุนเชิงสัญลักษณ์แบบขอไปที หรือ Tokenism’ ซึ่งหมายถึงการทำท่าทีเหมือนจะสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ แต่แท้จริงแล้วพวกเขาก็อาจไม่ได้ให้ความสำคัญหรือใส่ใจถึงปัญหาเกี่ยวกับความหลากหลายจริงๆ
หากลองย้อนดูตัวซีรีส์ตั้งแต่ตอนแรก โรเก้เป็นนักกีฬาที่มีทั้งทักษะและพรสวรรค์อย่างครบครันมาโดยตลอด ถึงอย่างนั้น กลับไม่มีใครสนใจและอยากให้การสนับสนุนเขาในฐานะนักกีฬาเลย มันจึงกลายเป็นคำถามสำคัญว่าสิ่งที่ทำให้เขาได้รับการยอมรับ คือ ‘ความสามารถ’ ที่มีอยู่ตั้งแต่แรก หรือเป็นเพราะ ‘เพศวิถี’ ของเขาที่เหมาะเจาะสำหรับหยิบมาใช้สร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กรกันแน่
การได้รับการยอมรับของโรเก้ในวงการกีฬา จึงอาจไม่ใช่ความสำเร็จอันแท้จริงเท่าไหร่นัก เพราะเบื้องหลังการยอมรับนี้ กลับยังเต็มไปด้วยคำถาม ที่แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่แน่ใจว่า ความสำเร็จที่เขาได้รับมา มันคือผลพวงของสิ่งใดกันแน่
ด้วยประเด็นที่หลากหลายภายในเรื่อง Olympo จึงไม่ใช่เพียงซีรีส์กีฬา แต่ยังเป็นสื่อบันเทิงที่สะท้อนให้เห็นถึงช่องโหว่ในวงการกีฬา ว่าพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้เอื้อให้ทุกคนที่พยายามหรือทุ่มเทประสบความสำเร็จเสมอไป