แม้ไฟจะดับลง แต่แฟนเพลงยังคงยืนนิ่งไม่ไปไหน พร้อมใจกันส่งเสียงเรียก “Polycat Polycat Polycat…” ดังกึกก้องไปทั่วธันเดอร์โดม เพื่อหวังว่าศิลปินวงโปรดจะกลับมาสร้างความสุขให้พวกเขาอีกครั้ง และค่ำคืนที่แสนพิเศษนี้จะยังไม่สิ้นสุดลงไปง่ายๆ
8 ปีมาแล้วที่ ‘โพลีแคท’ (Polycat) แมวมากความสามารถจากค่ายเล็กๆ อย่าง Smallroom ปลุกกระแส ‘ซินธ์ป๊อป’ (synthesizer pop) ให้กลับมาโลดแล่นมีชีวิตชีวาอีกครั้งในวงการเพลง และได้สร้างรอยยิ้ม สร้างน้ำตา สร้างความอบอุ่นใจให้ใครต่อใครนับครั้งไม่ถ้วน จนในที่สุดก็กลายมาเป็นวงดนตรีคุณภาพ ที่ถูกการันตีด้วยกระแสตอบรับและรางวัลมากมาย
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ นะ—รัตน จันทร์ประสิทธิ์ (ร้องนำ) เพียว—วาตานาเบะ (มือเบส) และ โต้ง—พลากร กันจินะ (ซินธิไซเซอร์) ได้รวบรวมเอาผลงานทั้งหมดตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่วงการจนถึงปัจจุบัน มาสร้างเป็นความประทับใจชิ้นใหญ่ ใส่กล่องผูกโบว์มอบให้แฟนเพลงเป็นของขวัญตอบแทน ผ่านการแสดงเต็มรูปแบบครั้งแรกที่จะทำให้ใครๆ ต่างก็จดจำ ในงาน ‘LEO Presents Polycat I Want You Concert’
ทันทีที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลข 10 ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นเวลาเดียวกับที่บัตรคอนเสิร์ตของโพลีแคท ‘sold out’ ไปอย่างรวดเร็ว แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ทุกบัตรทุกที่นั่งของการแสดงที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 สิงหาคม ได้ถูกจับจองแบบไม่เหลือที่ว่าง จนในที่สุดต้องเพิ่มรอบการแสดงในวันที่ 1 กันยายน เพื่อสนองความต้องการที่ล้นหลามของบรรดาแฟนๆ
จากอัลบั้มแรก ‘05:57’ สู่อัลบั้มล่าสุด ‘Pillow War’ (ที่กำลังจะปล่อยเร็วๆ นี้) หลายคนคงสงสัยว่าอะไรที่โพลีแคทใช้ครองใจแฟนเพลง จนถึงขั้นที่บัตรคอนเสิร์ตขาดตลาด และเกิดเสียงร้องเรียกชื่อพวกเขาดังสนั่นเพื่อให้กลับมาแสดงอีกครั้งหลังจากที่โชว์สุดท้ายจบลง
กลิ่นอายอมตะ ‘ยุค 80s’ กลับมาหอมหวนอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากการแสดงเปิดจากนักร้องสาวเสียงดี เปอร์ติ๊ด—ญาดา โกเมศ และ Postbox วงน้องใหม่น่าติดตามจากค่าย Smallroom สิ้นสุดลง ก็เป็นเวลาที่ทุกคนทั้งฮอลล์ตั้งหน้าตั้งตารอคอย
‘หากอยากรู้ว่าตอนพ่อจีบแม่นั้นเป็นยังไง มาคอนเสิร์ตใหญ่ของโพลีแคทอาจจะได้คำตอบ’
ในยุคที่ผู้คนโหยหาวัฒนธรรมเก่าๆ อยากย้อนช่วงเวลากลับไปยังอดีตที่หอมหวาน เกิดอาการนอสตัลเจีย (nostalgia) กับความรู้สึก เหตุการณ์ ความทรงจำ แฟชั่น เพลง หรือไลฟ์สไตล์สมัยก่อน ทำให้ดนตรียุค 80s ที่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยเสียง ‘ซินธิไซเซอร์’ ของโต้ง เครื่องดนตรีสังเคราะห์ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของเพลงในยุคนั้น นำมาบรรเลงประกอบคู่กับเสียง ‘เบส’ ของเพียว และเสียง ‘ร้อง’ ของนะ ท่ามกลางแสง สี คอสตูม และฉากที่ทางทีมงานช่วยกันเตรียมมาเพื่อสร้างบรรยากาศ ก็ทำเอาแฟนเพลงรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในยุค 80s จริงๆ
ทีนี้ หากไม่มีรางวัลให้กับแฟนๆ ที่กดบัตรทันก็เห็นจะไม่ได้ ทำให้เพลง ‘อาวรณ์’ เวอร์ชั่นกอสเปล (gospel) แบบสดๆ ที่ไม่สามารถหาดูได้จากที่ไหน ถูกนำมาสร้างความประทับใจให้กับคนดู ด้วยทีมประสานเสียงกว่า 20 คนบนเวทีที่ช่วยกันเสริมให้เพลงอาวรณ์ดูมีเสน่ห์และทรงพลังมากยิ่งขึ้น ตามด้วยเพลงฮิตอย่าง ‘พบกันใหม่’ ที่ทำให้หลายคนติดคำว่า Alright! ไปพักใหญ่ ก็ถูกนำมาเพิ่มความอลังการด้วยการแสดงแบบเพอร์คัสชั่น (percussion) เช่นเดียวกัน
โพลีแคทยังพาย้อนเวลากลับไปสนุกกับเพลงฮิตจากอัลบั้มแรกอย่าง ‘ถ้าเธอคิดจะลืมเขา’ ที่มีอดีตสมาชิกของวงอย่าง ผา—ภูผา พงศธรสวัสดิชัชวาล (แซ็กโซโฟน, ซินธิไซเซอร์) และ ดอย—กวีวิชย์ ไชยแก้ว (มือกลอง) มาร่วมบรรเลงให้แฟนเพลงหายคิดถึงหลังจากไม่ได้พบกันนาน
โชว์เดี่ยวของสามหนุ่มก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนี้สมบูรณ์แบบ ด้วยสเต็ปการเต้นเท้าไฟของ นะ ที่ซักซ้อมมาอย่างดี ลีลาการร้องและเสียงกีตาร์หวานๆ ของโต้งในเพลง ‘ขอคืน’ ของ บอยสเก๊าท์ และสกิลการเป่าแซ็กโซโฟนสุดโรแมนติกของเพียว ถือเป็นการดึงเอาพรสวรรค์ของแต่ละคนออกมาสร้างความเป็นยุค 80s ให้กลับมามีสีสันอีกครั้งราวกับมันไม่เคยเลือนหายไปไหน
และในช่วงเดียวกันกับที่ซินธ์ป๊อปโด่งดังในบ้านเรา ญี่ปุ่นเองก็มีแนวเพลง city pop ที่ให้กลิ่นอายคล้ายๆ กัน โพลีแคทจึงไม่พลาดที่จะหยิบเอาเพลงภาษาญี่ปุ่น ‘The Flower’ จากอัลบั้ม Doyobi No Terebi มาเล่น ประกอบกับ visual ลายดอกไม้ข้างหลังและเสียงใสๆ ของนะ ที่เพิ่มความน่ารักสดใสให้กับเพลงจนต้องอมยิ้มตาม
หากมู้ดยังเก่าไม่พอ ปราโมทย์ วิเลปานะ นักร้องชื่อดังเจ้าของเพลงฮิตเมื่อ 17 ปีก่อน ก็ขึ้นมาช่วยสร้างบรรยากาศอีกคน กับเพลงในความทรงจำ ‘แค่บอกว่ารักเธอ’ และ ‘คืนที่ดาวเต็มฟ้า’ ที่ไม่ว่าวัยรุ่นตอนปลายคนไหนต่างก็ร้องตามได้ และด้วยเสียงของปราโมทย์ที่ดูจะเข้ากับดนตรีของโพลีแคทได้เป็นอย่างดี จึงถูกนำมาแจมในเพลง ‘เป็นเพราะฝน’ ร่วมกับนะ ทำเอาแฟนเพลงหลายคนถึงกับฟังแล้วร้องไห้ไม่หยุด
“โพลีแคทนำเพลงเก่ามาเรียบเรียงใหม่ได้ออกมาน่าสนใจ สำหรับคนที่ติดตามวงนี้มาอย่างเหนียวแน่นจะต้องประทับใจกับโชว์ในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้แน่นอน” ความรู้สึกจากแฟนคลับโพลีแคทคนหนึ่งที่กดบัตรคอนเสิร์ตทัน
ดนตรีของโพลีแคทนอกจากจะเป็นไทม์แมชชีนพากลับไปดูว่าพ่อกับแม่จีบกันแบบไหน ยังสามารถสะกดอารมณ์ของผู้ฟังให้มีส่วนร่วมได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะเพลงจังหวะสนุกสนานอย่าง ‘ลงมือ’ ‘มิดชิด’ ‘ปืน’ ‘ซิ่ง’ ‘จะเอาอะไร’ ‘เธอยังคงไม่เคย’ ‘เมื่อเธอมาส่ง’ หรือ ‘ถ้าเธอคิดจะลืมเขา’ ก็ทำเอาหลายคนอดใจโยกตามไม่ไหว เมื่อสลับมู้ดไปยังเพลงเศร้าอย่าง ‘ลา’ ‘ไม่มีทาง’ หรือ ‘ประโยคร้ายๆ’ ก็ทำเอาน้ำตาร่วงกันเป็นสาย จนอยากตบบ่าและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้คนข้างๆ
จุดยืนที่ชัดเจนและปรากฏการณ์ ‘เฟรนด์โซน’
ใครที่มาคอนเสิร์ตนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะหลงใหลในดนตรียุค 80s ก็จะคงเรียกกันเล่นๆ ว่าเป็นพวกที่กำลังอยู่ในสถานะ ‘เฟรนด์โซน’ (friend zone) เพราะโลกของการ ‘แอบรักเพื่อน’ ถูกพิสูจน์มาแล้วว่ามีอยู่จริง โดยเฉพาะในบทเพลงของสามหนุ่มโพลีแคท
“เป็นคนที่เธอไว้ใจมันก็ดีเท่าไร ไม่เสี่ยงเกินไปกว่านี้เพราะมันอาจจะไม่คุ้มกัน…”
“แกลองมองในตาเขา ถ้ามีสายตาแบบเดียวกับฉันที่มองแกตลอดเวลา ก็แปลว่ารักหมดหัวใจ…”
“แค่เราได้ใกล้กันอย่างนี้ ความจริงที่ไม่เคยมีตัวฉันในสายตาเธอนั้น ไม่มีความสำคัญกับฉันเลย…”
การแอบรักเพื่อนนั้นยากเหลือเกินที่จะบอกออกไป งั้นส่งเพลงของโพลีแคทให้เขาฟังสิ สื่อแทนใจได้หมดเลย
ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจนทั้งดนตรีและเนื้อเพลง ทำให้โพลีแคทกลายเป็นวงดนตรีที่จดจำได้ไม่ยาก แถมสมการความสัมพันธ์แบบเฟรนด์โซนก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ตั้งแต่เด็กประถม มัธยม มหาลัย ไปจนถึงวัยทำงาน ที่อาจเผลอไปหวั่นไหวกับเพื่อนสนิทได้ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่คอนเสิร์ตครั้งนี้จะเห็นคนทุกเพศทุกวัยมาดูกันอย่างคับคั่ง
เมื่อสถานการณ์เฟรนด์โซนตกไปอยู่ในมือของหนุ่มๆ โพลีแคท อารมณ์และความรู้สึกจึงถูกถ่ายทอดออกมาอย่างอบอุ่นโรแมนติก สะท้อนมุมมองของคนที่ตกอยู่ในอาการเจ้าชายขี่ม้าขาว (White Knight Syndrome) ซึ่งพร้อมจะซัพพอร์ตเจ้าหญิงที่ตัวเองหลงรักอยู่ตลอดเวลาได้เป็นอย่างดี แม้ท้ายที่สุด ‘ราชาแห่งการเก็บไปหวัง’ เหล่านี้จะไม่ได้สุขสมอย่างที่หวังไว้ และถูกปัดตกไปอยู่ในสถานะ ‘ผู้ช่วยที่ดีที่สุด’ ก็ตาม ดังเช่นประโยคเด็ดก่อนเริ่มเพลง มันเป็นใคร ที่กล่าวไว้ว่า “การที่เธอยอมให้เราเป็นคนคอยปลอบ ไม่ได้แปลว่าเธอจะรักเรา”
“สิ่งที่ทำให้ฉันนอนฝันดีทุกคืน คือการได้รู้ว่าเธอกับเขาคู่กัน…”
“เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ควรเสียใจ Alright จะตามไปจนให้เจอว่าเขามันเป็นใคร…”
“แค่เพื่อนแล้วกัน เพราะฉันไม่มีเธอไม่ได้…”
และที่ผ่านมา โพลีแคทก็ได้แต่งเพลงเพื่อพูดแทนใจใครหลายๆ คน ที่ไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้คนที่แอบชอบฟัง ทั้งเพลง ‘เพื่อนไม่จริง’ ‘เพื่อนพระเอก’ ‘ภักดี’ ‘ดูดี’ ‘ผู้ช่วยที่ดีที่สุด’ ‘มันเป็นใคร’ และเพลงพิเศษที่คุ้นหูมานานอย่าง ‘เพื่อน’ (เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง ‘Friend Zone สิ้นสุดทางเพื่อน’) ที่นำมารังสรรค์ใหม่ ใส่ความเป็นซินธ์ป๊อปแบบโพลีแคทเข้าไป เมื่อนำทั้งหมดมาบรรเลงในคอนเสิร์ต จึงทำให้เรียกรอยยิ้มและน้ำตาให้กับกลุ่มคนคิดไม่ซื่อได้แบบอัตโนมัติ
แต่บนโลกใบนี้ไม่มีใครที่จะผิดหวังไปตลอด โพลีแคทจึงหลุดออกจากกรอบการเป็นเพื่อน แล้วปล่อยเพลงใหม่เนื้อหาน่ารักอย่าง ‘มัธยม’ ‘มานี่มา’ และ ‘กลับกันเถอะ’ ในคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นที่แรก และจะปล่อยให้ฟังอย่างเป็นทางการในอีกไม่ช้า
ภาษาสวยงามกับความเฉิ่มเชยที่เท่
แม้ตำแหน่งเพื่อนพระเอกจะดูเป็น ‘ผู้แพ้’ ในสายตาใครๆ แต่ก็เป็นผู้แพ้ที่ ‘เท่’ และ ‘มีสไตล์’ เมื่อเข้าไปอยู่ในบทเพลงของโพลีแคท เพราะเสน่ห์ที่น่าดึงดูดไม่แพ้เสียงเครื่องดนตรีสังเคราะห์ ก็คือ ‘ภาษา’ ที่สวยงาม เช่นในเนื้อเพลง ‘เวลาเธอยิ้ม’ ที่แต่ละท่อนเหมือนหลุดออกมาจากกวีที่ถูกแต่งและเรียบเรียงอย่างละเมียดละไม ทำให้ความผิดหวังจากการตกหลุมรักเพื่อนกลายเป็นเรื่องที่ดู ‘มีเสน่ห์’ ไปโดยปริยาย
“ไม่รู้ว่าต้องโตท่ามกลางหมู่ดอกไม้มากมายขนาดไหน เธอจึงได้ครอบครองรอยยิ้มที่สวยงามขนาดนี้…”
“ดวงดาวทั้งฟ้าต้องเสียใจ และไม่มีสิ่งไหนสวยงามต่อไป ตราบที่โลกนี้มีคนอย่างเธอ…”
“มีบางคนรักไม่ได้ครึ่งฉันเลยด้วยซ้ำ ใยเป็นคนได้ครองใจเธออย่างนั้น…”
“คงเพราะแววตาคู่นั้น ช่างงดงามโดยเฉพาะตอนเอ่ยชื่อเขา…”
อาจดูคลิเชสำหรับเพลงสมัยนี้ที่มักจะใช้ศัพท์ใหม่ๆ โดนใจวัยรุ่น แต่ภาษาที่เฉิ่มเชยดูหลงยุคในเพลงของโพลีแคทกลับติดหูติดปากคนฟังอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อผสมผสานกับเสียงร้องที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของนะ และเสียงเครื่องดนตรีกลิ่นอายยุคเก่าของโต้งและเพียว ก็ยิ่งกลมกล่อม ลงตัว และน่าจดจำมากขึ้นไปอีก
“มันดูดีที่สุดเลยเว้ยแก…”
“เธอเป็นคนเดียวที่ไม่ควรเสียใจ Alright…”
“ฉันยังอาวรณ์อยู่ Baby I want you…”
ท่อนฮิตที่แฟนเพลงทุกคนในคอนเสิร์ตต่างก็ร้องตามกันได้แม่น แต่จะร้องแบบมีอินเนอร์มากขึ้นหากคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นคนที่ตัวเองแอบชอบ ด้วยคำและภาษาที่ถูกปรับแต่งจนเข้าไปถึงอารมณ์ของผู้ฟัง ทำให้เมื่อได้ยินเพลงรักของโพลีแคทแล้ว ก็จะรู้สึกตัวบางเบาแต่หัวใจพองโต เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่งดงาม แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นเพลงเศร้า ก็ทำเอาปวดร้าวจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว
ด้วยสไตล์การร้องที่มีเสน่ห์ เอกลักษณ์ของดนตรีที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร และความสามารถในการแต่งเพลงที่พูดแทนความในใจของคนฟัง จึงหายสงสัยว่าทำไมหลายคนถึงต้องรีบจับจองบัตรคอนเสิร์ตครั้งนี้ เพราะพวกเขาทำให้เห็นแล้วว่า แม้ช่วงเวลาแสนวิเศษจะหมดลง แต่ความเป็น ‘โพลีแคท’ ก็ทำให้แฟนๆ รู้สึกเหมือนยังติดตรึงอยู่ในฮอลล์ ไม่สามารถมูฟออนไปจากความประทับใจที่พวกเขามอบให้ไว้ได้ และหวังว่าคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งต่อไปจะกลับมาสร้างความสนุกและความทรงจำดีๆ แบบนี้ในอีกไม่ช้า