ในกรุงเทพฯ มีร้านหนังสืออิสระอยู่จำนวนหนึ่ง หากนับร้านที่ค่อนข้าง ‘ใหญ่’ หน่อย คือมีตัวตนบนโลกออนไลน์และเข้าร่วมงานสัปดาห์หนังสืออิสระ ก็นับได้ 20 กว่าร้าน ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนร้านหนังสือ chain stores ที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ทุกห้าง ทุกชุมชน ก็ถือว่าร้านหนังสืออิสระมีอยู่เพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นเอง
จึงไม่แปลกที่เราจะตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อได้ยินว่ามีร้านหนังสืออิสระเปิดใหม่ ถึงแม้ดูแผนที่แล้วเด็กชานเมืองอย่างเราจะสตันท์ไปนิดนึงด้วยตำแหน่งที่ตั้ง ณ ฝั่งธนฯ แต่สุดท้ายเราก็ลุยไปจนถึง สมมติ & the Object จนได้
แค่ดูจากชื่อก็น่าจะรู้ว่าร้านหนังสืออิสระแห่งนี้มีเจ้าของเดียวกับ สำนักพิมพ์สมมติ ซึ่งนักอ่าน ‘สายแข็ง’ น่าจะคุ้นเคยกันดีในฐานะผู้พิมพ์วรรณกรรมแปลอย่าง 1984, หฤทัยแห่งอันธการ, ราโชมอน วรรณกรรมไทยอย่าง คนแคระ, หมวกทรงกลมลอยวนรอบกรวยฝน ไปจนถึงหนังสือ non-fiction เช่น เมื่อฉันไม่มีขน ฉันจึงเป็นศิลปะ, กบฎวรรณกรรม
แต่ในร้านไม่ได้มีแค่หนังสือจากสำนักพิมพ์สมมติเท่านั้น เพราะยังมีหนังสือจากสำนักพิมพ์ขนาดเล็กเจ้าอื่นๆ อีก เช่น เม่นวรรณกรรม, ไชน์พับลิชชิ่ง โดยเหล่ากองบรรณาธิการเป็นผู้คัดเลือกหนังสือมาวางด้วยตัวเองตามความชอบและความเชื่อในคุณค่าของแต่ละเล่ม แม้จะมีหนังสือไม่เยอะเท่าร้านหนังสือเจ้าใหญ่ แต่รับรองว่าสต๊าฟที่นี่รู้จักหนังสือทุกเล่มในร้านและสามารถแนะนำผู้อ่านได้ เหมือนมีเพื่อนที่อ่านหนังสือมาเยอะกว่ามาคอยแนะนำหนังสือดีๆ ให้เรา
นอกจากนี้ชั้นหนังสือในร้านยังแบ่งพื้นที่ให้กับหนังสือมือสองคุณภาพดีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ซึ่งบางเล่มก็ถือว่าเป็นฉบับหายากน่าสะสม เช่น The Catcher in the Rye ของ J.D.Salinger ฉบับพิมพ์ครั้งแรก (ของปกอ่อน) เมื่อปี 1951 โดยสำนักพิมพ์ Little Brown
นักอ่านทั้งหลายต้องตื่นตาเมื่อได้เห็นบรรดาเครื่องเขียนและเครื่องใช้จากแบรนด์ในเครือสมมติอย่าง the Object โดยเอกลักษณ์คือสินค้าทุกชิ้นจะต้องมีชิ้นส่วนของวรรณกรรมสอดแทรกอยู่ เป็นต้นว่า สมุด ‘first paragraph’ สมุดปกแข็งที่ปั๊มนูนเป็นย่อหน้าแรกของวรรณกรรมคลาสสิค, แก้วกาแฟและดินสอพิมพ์ลายโควตจาก 1984 และไอเท็มที่นักเรียน English literature ต้องกรีดร้องอย่างโปสการ์ดและที่คั่นหนังสือชุดศัพท์แสงทางวรรณกรรม หรือชุดรวมลายเซ็นนักเขียนชั้นครู
เล่าเรื่องของที่ขายมาเสียมาก แต่เราอยากบอกว่าจริงๆ แล้วความตั้งใจแรกเริ่มของสำนักพิมพ์คือการเปิดพื้นที่ให้นักอ่านได้มาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนมุมมองเรื่องวรรณกรรม ดังนั้นภายในร้านและสนามหญ้าขนาดย่อมจึงมีโต๊ะและเก้าอี้เตรียมไว้พร้อมให้บริการ ซึ่งผู้อ่านจะนั่งนานแค่ไหนก็ได้ อีกทั้งทางร้านยินดีให้สั่งอาหารและเครื่องดื่มจากร้านในบริเวณใกล้เคียงเข้าไปกินได้ด้วย ชิลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ถ้าคุณเป็นนักอ่านที่เชื่อในการอ่านและเชื่อในร้านหนังสืออิสระอย่างเรา อย่าลืมแวะไปสัมผัสบรรยากาศของ สมมติ & the Object ดูสักครั้ง ไม่แน่ว่าคุณอาจจะพบที่โปรดที่ใหม่ก็ได้ ใครจะรู้
โครงการชวนชื่นการ์เด้น 55/1 หมู่ 7 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน
(ตามหมุดจากหน้าเพจเฟซบุ๊กได้เลย ปักไว้เป๊ะมาก)
ร้านเปิดทุกวัน 11 โมงถึง 2 ทุ่ม หรือถ้าคุยกันติดลมก็นั่งนานกว่านั้นได้เลย 🙂
มีที่จอดรถเยอะมาก จอดฟรีด้วยจ้า