So are you happy now, Finally happy now are you
ท่อนแรกของเสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับแสงสีส้มบนท้องฟ้าจากดวงอาทิตย์โต ภาพที่เชื่อว่ายูแอนา หรือแฟนคลับของนักร้อง นักแต่งเพลง และพ่วงมาด้วยนักแสดงอย่างไอยู (IU), อีจีอึน (Lee Ji Eun) หรือพี่ลี่ คงคุ้นตากันมาไม่มากก็น้อย ภาพคอนเสิร์ต The Golden Hour กับการฉลองเดบิวต์ครบรอบ 15 ปี ณ Olympic Main Stadium ในปี 2022 กลายเป็นเครื่องการันตีว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอจะยังคงเป็นน้องสาวแห่งชาติของชาวเกาหลีอยู่เสมอ
ขึ้นชื่อว่าพี่ลี่ หลายคนน่าจะพอได้ยินกิตติศัพท์กันมาบ้างว่า การกดบัตรคอนเสิร์ตของเธอให้ได้สักใบนั้นอยู่ในขั้นปราบเซียนเลยทีเดียว นอกจากมือต้องไว อินเทอร์เน็ตต้องเร็วแล้ว บางครั้งก็ยังต้องพึ่งพาไสยศาสตร์ด้วย ทั้งยันต์พี่ลี่ คาถาพี่ลี่ ฯลฯ อะไรก็ได้ช่วยลูกด้วยเถอะ! แต่ถึงอย่างนั้นเราก็เชื่อว่า ยูแอนาไทย หรือบังแอนาที่ทั้งสวย/หล่อ รวย และเก่งทั้งหลายคงได้บัตรมาครอบครองไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ‘IU HEREH WORLD TOUR CONCERT IN BANGKOK’ ในวันที่ 29-30 มิถุนายน 2024 ที่จะถึงนี้
เนื่องในโอกาสที่พี่ลี่กลับมาพบเจอกับแฟนๆ อีกครั้ง The MATTER จึงขอชวนทุกคนไปย้อนเรื่องราวว่าด้วยความรักในรูปแบบต่างๆ ผ่านบทเพลงมากมายที่ถูกขีดเขียนจากปลายปากกาของเธอ ก่อนจะขับขานออกมาเป็นเพลงเพราะๆ ให้เราได้ฟัง ตั้งแต่การแอบชอบ การตกหลุมรัก การหวนนึกถึงรักแรก การเจ็บปวดหลังเลิกรา การกลับมารักตัวเอง รวมไปถึงความรักที่มีอุปสรรค และการเจอรักที่สมบูรณ์แบบกัน
Peach
เพลงนี้ถูกปล่อยออกมาให้เราได้หูเคลือบทองหลังจากได้ฟังกันในปี 2012 เมโลดี้หวานๆ ฟังแล้วลอยฟุ้ง มีชื่อว่า ‘Peach’ เพลงนี้ยังถูกเปิดเผยในภายหลังว่า เธอตั้งใจแต่งเพลงนี้ให้กับ ซอลลี่ (Sulli) เพื่อนสนิทของเธอที่น่ารักราวกับลูกพีช ซึ่งใจความโดยรวมในเพลงนี้เรียกง่ายๆ คืออาการของคนที่กำลังแอบ(ตกหลุม)รัก แค่เพียงเขาคนนั้นยิ้มให้ ตัวเราก็แทบจะเป็นบ้า ไม่รู้เลยว่าจะหาคำไหนในโลกนี้มาอธิบายถึงความรู้สึกและความน่ารักของเขาที่มากมายขนาดนั้นได้
ทั้งนี้ลูกพีชหรือลูกท้อที่ว่านี้ยังเป็นผลไม้ที่มักถูกใช้ในพิธีมงคลสมรส และถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักกับความสมบูรณ์ในครอบครัวตามความเชื่อของจีนด้วยนะ ภายหลังจึงกลายเป็นคำที่ถูกนำมาใช้เพื่อชื่นชมถึงความน่ารัก หรือใช้เพื่อสารภาพรัก เช่น “I peach you”
Friday
ถัดจากการแอบรัก แอบชอบ มาถึงการสมหวังในรักกันบ้าง อาการแรกที่แสดงออกหลังจากเราเริ่มตกลงปลงใจกับใครสักคน คงหนีไม่พ้นการอยากเจอหน้า หรืออยากอยู่ด้วยตลอดเวลา ที่หลายคนเรียกกันว่า ‘คลั่งรัก’ ในเพลง Friday บอกเล่าถึงความน่าเบื่อหน่ายของแต่ละวันอันแสนธรรมดาในแต่ละสัปดาห์ที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนอยากจะเร่งเวลาให้เร็วขึ้นอีกสักนิด เพื่อให้ถึงสุดสัปดาห์ที่จะได้เจอกับเธอคนนั้น
ดูเหมือนจะพูดเกินไปแต่จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ใครที่มีความรักหลายคนคงจะเคยมีอาการ ‘ติดแฟน’ กันมาบ้าง และการที่เราอยากอยู่ใกล้คนรัก บางทีอาจเป็นเพราะเราอยากได้กลิ่นกายที่ติดบนเสื้อผ้าของเขา ซึ่งเรื่องนี้เองก็มีงานวิจัยที่ทำการสำรวจแล้วพบว่า กลิ่นของคนที่เรารักช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด และทำให้เราหลับสบายได้มากขึ้นด้วยจริงๆ
The Shower
อีกหนึ่งเพลงของพี่ลี่ที่ใครหลายคน (ไม่รู้ว่าเป็นอุปทานหมู่หรือไม่) ชอบเปิดฟังเวลาฝนพรำ ความรู้สึกเย็นสบาย เสียงพรำของสายฝน และเสียงร้องนุ่มๆ จากเพลงเพราะๆ อย่าง The Shower อาจช่วยชโลมจิตใจ และทำให้เราอมยิ้มก่อนหลับไปได้ ทว่าหากไปดูในเนื้อเพลงแล้ว เพลงนี้กลับพูดถึงฤดูร้อนหาใช่ฤดูฝน แน่นอนว่าภาพจำที่ใครหลายคนคุ้นเคยในเรื่องความรักคงหนีไม่พ้นภาพสีชาจางๆ ของรักแรกที่ย้อนกลับมาในความรู้สึก
อย่างไรก็ตาม แรงบันดาลใจการแต่งเพลงนี้ของพี่ลี่มาจากเรื่องสั้น Shower หรือ Rain Shower ของฮวังซุนวอน (Hwang Sun won) นักเขียนชาวเกาหลี เป็นเรื่องราวของเด็กชายกับเด็กหญิงที่ใช้สายฝนเป็นสัญลักษณ์ของความรัก นั่นจึงไม่แปลกเลยที่ใครหลายคนชอบเปิดฟังในช่วงฝนโปรยปราย ก่อนจะหวนระลึกถึงความทรงจำของรักครั้งแรกที่ติดค้างอยู่ในค่ำคืนฤดูร้อนตลอดไป
Palette
หากย้อนกลับไปยังเพลง Twenty-three จะเห็นได้ว่าในเนื้อเพลงเต็มไปด้วยความสับสน เราบอกว่าตัวเองชอบสิ่งนี้ แต่เอ๊ะไม่หนิเราชอบสิ่งนี้ต่างหาก แต่พอมาถึง Palette อีกหนึ่งเพลงที่สร้างเสียงฮือฮาด้วยลุคผมสั้นของพี่ลี่ กับเนื้อเพลงที่พูดถึงตัวเองในวัย 25 วัยที่เธอได้เรียนรู้ชีวิตระหว่างวัยเด็กกับวัยผู้ใหญ่ การได้ค้นหาตัวเอง จนในที่สุดเธอก็ค้นพบว่า เธอชอบสีม่วงมากกว่าสีชมพูเข้ม ชอบชุดนอน ลิปสติก จานสี ชอบการเขียนไดอารี่ และชอบที่จะมีเวลานอนมากยิ่งขึ้น เรียกง่ายๆ ว่าเธอชอบชีวิตในวัย 25 ที่เธอได้รู้จักตัวเองอย่างแท้จริง
แถมเพลงนี้ยังได้ จียง (Ji yong) หรือ G-Dragon มาร่วมร้องด้วย โดยเป็นมุมมองของคนที่พบเจอโลกมาเยอะกว่าด้วยอายุที่มากกว่า การบอกกล่าวอย่างเข้าใจโลกเชิงปลอบใจว่า ท้ายสุดแล้ว การได้เป็นตัวเองท่ามกลางความมืดมนที่เราจำต้องเจอเมื่อเติบโตนั้นจะไม่เป็นไร ดอกไม้จะยังงดงามเสมอ และไอยูก็จะเป็นเด็กที่ได้รับความรักตลอดไป นั่นจึงไม่แปลกเลยที่ใครหลายคนมีความรู้สึกร่วมกับเพลงนี้ วัยที่ใครหลายคนมองว่าเบญจเพส และเป็นช่วงเวลาที่สับสนในตัวเองยิ่งนัก แต่อย่างน้อยๆ ในวัยนี้เราก็ตอบตัวเองได้ว่า “I like it, I’m twenty five”
Ending Scene
พูดถึงความรัก มีแอบชอบ มีสมหวัง ก็ย่อมมีการเลิกรา Ending Scene ถือเป็นภาพแทนของความรู้สึกเจ็บปวดและรวดร้าวหลังจากต้องเลิกรากับคนที่รัก แค่ทำนองขึ้นโดยยังไม่ต้องรู้ความหมายของเพลง ก็ทำเอายูแอนาหลายคนน้ำตาตกกันไปแล้ว เสียงบาดลึกกินใจของพี่ลี่ดึงเอาเราดำดิ่งกับห้วงอารมณ์ความรู้สึกของเพลงได้ไม่ยากเลย จนได้ทบทวนเนื้อเพลงดูอีกครั้งก็พบว่า ไม่แปลกเลยที่เราจะเสียน้ำตาให้เพลงนี้
แม้เนื้อเพลงนี้จะเต็มไปด้วยความหวังดีของคนทั้งคู่ แต่ก็กลับเคล้าไปด้วยความเศร้าเช่นกัน Ending Scene พูดถึงคู่รักที่ได้เลิกรากันและกลับมาพบกันอีกครั้ง แม้ว่าจะผ่านไปเนิ่นนานแล้ว แต่การได้ย้อนกลับไปมองความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ก็ทำให้เราได้ทบทวนตัวเองในความสัมพันธ์ ท้ายที่สุดจึงเต็มไปด้วยความหวังดีที่อยากอวยพรให้เขามีความสุข และได้เจอความรักที่ดีแบบที่ต้องการ ซึ่งพี่ลี่เองก็เคยพูดถึงเพลงนี้ไว้ในรายการ IU’s Palette ว่ามันเปรียบเหมือนสีของเลือดซึ่งเจือจางลงไปเพราะน้ำ เหมือนกับสีที่เกิดขึ้นจากน้ำตาที่ไหลลงไปบนบาดแผลที่ยังไม่หายดี
Blueming
หนึ่งในเพลงรางวัล Best Vocal Perfprmance Solo จากงาน MAMA ปี 2020 และรางวัลแดซังจาก Golden Dise Awards ในปี 2021 กับท่อน ‘I feel bloom’ เนื้อเพลงและท่วงทำนองน่ารักสดใสที่เชื่อว่าคงติดหูใครหลายคน แต่หากสังเกตกันดีๆ Blueming คือการผสมผสานคำระหว่าง Blue ที่แปลว่าสีน้ำเงิน ซึ่งในเอ็มวีจะเห็นได้เลยว่าไอยูเองก็ย้อมผมเป็นสีนี้ และ Blooming ที่แปลว่าผลิบาน ในเอ็มวีเองก็ให้ภาพดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
เนื้อเพลงพูดถึงการส่งข้อความและอีโมจิ ความรักในช่องแชตนั้นกำลังผลิบานราวกับดอกไม้มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงความรักร่วมสมัยที่ในยุคนี้ผู้คนมักจะสื่อสาร หรือกระทั่งรู้จักคนใหม่ๆ จากโลกอินเทอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือเข้ามามีบทบาทจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นอวัยวะที่ 33 ของเราไปแล้วด้วย แม้บางครั้งจะรู้สึกเศร้า (feel blue) หรือดอกไม้จะแห้งเหี่ยวไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดเมื่อความรู้สึกเริ่มขึ้นแล้ว เราก็อยากให้ความรักของเรานั้นผลิบานไปด้วยกัน
strawberry moon
เพลงรักหวานฉ่ำที่ถูกปล่อยออกมาในปี 2021 จนยูแอนาหลายคนถึงกับต้องเอ่ยปากแซวว่า พี่ลี่ไปมีความรักหวานหยดย้อยขนาดนี้มาจากไหนกันนะ เพลงที่พูดถึงความรู้สึกเหมือนกับได้โบยบิน เพราะความรักที่แสนจะสมบูรณ์แบบ ซึ่ง ‘Strawberry Moon’ นั้นแท้จริงแล้วคือชื่อเรียกของจันทร์เต็มดวงในเดือนมิถุนายน โดยชนเผ่า Algonquin (ปัจจุบันอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา) เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาของฤดูกาลผลไม้สีแดงสดใสอย่างสตรอว์เบอร์รี่ออกผลพร้อมเก็บเกี่ยว
ทั้งนี้ไอยูเองก็เคยพูดคุยกับยูแอนาถึงเจ้า strawberry moon เช่นกันว่า สำหรับเธอ มันเป็นดวงจันทร์ที่สวยงาม ถ้าเราสารภาพความรู้สึกของตัวเองต่อหน้าจันทร์เต็มดวงนี้จะทำให้สมหวังในความรัก เธอจึงเขียนเพลงนี้ออกมาเป็นภาพของคนหนุ่มสาวที่กำลังจะสารภาพและยืนยันความรู้สึกต่อกันภายใต้ Strawberry Moon
Troll
มาถึงความสัมพันธ์แบบมูฟออนเป็นวงกลมกันบ้าง เพลงนี้ได้คุณดีน (DEAN) มาร่วมร้องด้วย ซึ่งหากฟังแค่เพลงโดยรวมแล้วนั้นค่อนข้างสนุกสนาน เป็นจังหวะที่ชวนให้เราได้โยกย้ายกันเล็กน้อย แต่ถ้ามองตั้งแต่ชื่อเพลงอย่าง Troll ประกอบกับเนื้อเพลงแล้ว นี่คือ Toxic Relationship หรือความสัมพันธ์อันเป็นพิษนี่นา เป็นความสัมพันธ์ที่ดูจะไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องราวของเหล่าแฟนเก่าที่หลงทางกันอยู่ในวังวนแห่งความเจ็บปวด เลิกกันไปแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ซ้ำไปซ้ำมา เพราะในท่อนแร็ปของคุณดีนนั้นบอกไว้ว่า นี่คือครั้งที่ 9 แล้ว จนใครคนหนึ่งในความสัมพันธ์ไม่อยากจะเรียกสิ่งนี้ว่าความรักแล้วด้วยซ้ำ
เราเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยเลยที่เคยเจอเรื่องราวทำนองนี้ในมุมมองของคนนอก เพื่อนเราเอาเรื่องของแฟนเวลาทะเลาะกันมาเล่าให้ฟัง มาปรึกษาพร้อมกับบอกว่าครั้งนี้ ‘เลิก’ แน่ๆ จนกลายเป็นเรื่องสนุกสนานในวงสนทนา หรือกลายเป็นมีมล้อว่า เราเป็นหมา กลับไปกินอาหารหมาดีกว่า ฯลฯ แต่เบื้องหลังมุกตลกร้ายนั้นอาจคือปัญหาเรื้อรังที่เรียกว่า Codependent Relationship ซ่อนอยู่ ดังนั้น การหมั่นสำรวจตัวเองและคนรอบข้างอยู่เสมออาจช่วยรักษาสุขภาพกายและใจของพวกเราทุกคนจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษได้นะ
Love wins all
เป็นที่ฮือฮาไปทั่วไทม์ไลน์ตั้งแต่ทีเซอร์ออก จนพุ่งขึ้นสู่อันดับ 1 ของชาร์ตอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงได้รับถ้วยรางวัลจากรายการเพลงไปถึง 8 ถ้วยด้วยกัน เมื่อเพลงเต็มได้ถูกปล่อยออกมา เพราะนอกจากเสียงร้องอันไพเราะของพี่ลี่แล้ว เอ็มวีของเพลงนี้ยังได้ วี (V) จากวง BTS มาร่วมแสดง แม้จะเปิดเพลงมาด้วย “Dearest, darling, my universe” อย่างหวานซึ้ง แต่เพลงนี้กลับเป็นการพูดถึงความรักอันน่าเศร้า โดยผู้กำกับเอ็มวี ออม แทฮวา (Uhm Tae-hwa) เองก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า นี่คือคอนเซ็ปต์ของโลกยูโทเปียว่าด้วยความรักที่ถูกสังคมกดขี่
ในเอ็มวีจึงเป็นภาพตัดสลับระหว่างคู่รักที่มีความสุข มีใบหน้าสะอาดหมดจด ได้กินอาหารดีๆ ด้วยกัน และได้สวมใส่ชุดแต่งงานอย่างมีความสุข กับคู่รักคู่เดิมที่เต็มไปด้วยบาดแผลบนใบหน้า เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ต้องหลีกหนี ต้องหลบซ่อน ซึ่งพี่ลี่เองก็เขียนอธิบายถึงใจความสำคัญของเพลงนี้ไว้ด้วยเช่นกันว่า ในโลกที่มีการตีกรอบของสังคมและมีการกีดกัน นี่เป็นเรื่องราวของคนที่พยายามฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ได้รักกันในที่สุด และนั่นเองที่สะท้อนให้เห็นผ่านเนื้อเพลงว่า เราจะวิ่งหนีจากโลกใบนี้ไปให้สุดทางด้วยกันนะ ที่รัก
9 เพลงที่ว่ามานี้ เป็นแค่ออเดิร์ฟที่เรายกมาเล่าเป็นตัวอย่าง เพราะยังมีเมนคอร์สของเสียงหวานๆ กับความหมายอันลึกซึ้งในบทเพลงของพี่ลี่อีกมากมายรอพวกเราอยู่ในคอนเสิร์ตที่จะถึงนี้ เพราะฉะนั้นถ้าชุดพร้อม หน้าพร้อม ผมพร้อม บงพร้อม และแฟนชานท์พร้อมแล้ว
อย่าลืมตะโกนออกไปพร้อมกันว่า ไอยู ชัม ชดทา!
อ้างอิงจาก