การออกจากคอมฟอร์ทโซน เป็นกระแสในทางบวกของคนยุคนี้ที่พยายามแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ ในชีวิต ด้วยการพาตัวเองออกไปยังสถานที่หรือบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคย ที่สำคัญต้องมีความอยากที่อัพเลเวลจากโซนเดิมที่เคยจากมา เพื่ออัพสกิลให้ตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาขึ้นได้ ซึ่ง ‘การออกเดินทาง’ ก็ถูกรวมเข้าไปอยู่หนึ่งในการออกจากคอมฟอร์ทโซน ที่ได้ผลดีไม่แพ้การเปลี่ยนงาน
การออกเดินทางไม่เหมือนการออกไปเที่ยวที่จุดประสงค์คือการพักผ่อน การออกเดินทางคือการเดินทางด้วยภารกิจบางอย่างที่ตั้งเป้าไว้ จะขี่มอเตอร์ไซค์ข้ามจังหวัด จะไปต่างประเทศคนเดียว หรือจะจับรถไฟข้ามทวีป ก็เป็นการเดินทางที่ปลุกเร้าความท้าทายของนักผจญภัยในตัวของเราออกมาทั้งสิ้น หลังจากที่กลับมา ผลที่ได้ไม่เพียงแค่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงตัวเองและเติบโตขึ้นเท่านั้น เพราะบางทีถ้าภารกิจของเรายิ่งใหญ่พอ อาจถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโลกได้เลยทีเดียว อย่างที่นักเดินทางระดับโลกพิสูจน์ให้เห็นมานักต่อนักแล้ว
แต่อย่างว่า การจะออกจากคอมฟอร์ทโซนด้วยการออกเดินทางนั้น จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวและใช้ความกล้าอยู่พอสมควร ก่อนจะแพ็คกระเป๋าออกเดินทาง เราจึงอยากให้ทำความรู้จักกับ 5 นักเดินทางที่ตะลุยออกไปทั่วโลกด้วยจุดประสงค์บางอย่าง จนกลายเป็นต้นแบบของนักเดินทางเปลี่ยนโลก มาปลุกเร้าจิตวิญญาณของนักเดินทางให้สุด แล้วค่อยออกไปลุยกัน!
Cassie De Pecol
นักเดินทางรอบโลกที่เร็วที่สุดและอยากเปลี่ยนแปลงการท่องเที่ยวโลกให้มากที่สุด
สาวอเมริกันวัย 27 ที่สามารถเดินทางไป 196 ประเทศทั่วโลกได้เร็วที่สุด ด้วยเวลาเพียง 18 เดือน 26 วัน จนได้รับการบันทึกใน Guinness World Record แน่นอนว่าการเดินทางด้วยความถี่และความเร็วขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเธอต้องเตรียมตัวแบบรัดกุมแบบสุดๆ ซึ่งเธอใช้เวลาในแต่ละประเทศเพียง 2 – 5 วันเท่านั้น ทำให้พาสปอร์ต 4 เล่มเต็มทุกหน้า และจัดการค่าใช้จ่ายตลอดการเดินทางทั้งหมดกว่า 2 แสนเหรียญ ซึ่งเบื้องหลังมีทั้งสปอนเซอร์และผู้สนับสนุนใจดีที่ยินดีช่วยเหลือเธอระหว่างการเดินทาง
การเดินทางของเธอไม่ใช่เพียงแค่มุ่งหวังทำลายสถิติเพียงอย่างเดียว แต่เป็นไปเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกด้วย เพราะระหว่างการเดินทาง เธอยังทำหน้าที่ทูตขององค์กรท่องเที่ยวเพื่อสันติภาพนานาชาติ (Institute for Peace Through Tourism) แวะไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยต่างๆ พูดคุยกับผู้คนมากมาย เพื่อมุ่งสร้างการท่องเที่ยวแบบ Sustainable Tourism ที่ช่วยให้สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนท้องถิ่นทั่วโลกดีขึ้น
ทำความรู้จักกับ Sustainable Tourism ได้ที่ cassiedepecol.com
Levison James Wood
นักเดินทางสายเดินตัวจริงที่เก็บรายละเอียดชีวิตท้องถิ่นมาเผยให้โลกรู้
อดีตทหารหนุ่มเมืองผู้ดีวัย 34 ที่ออกเดินทางด้วยสองเท้าของตัวเอง โดยไร้ซึ่งยานพาหนะใดๆ มาแล้วเกือบทั่วโลก แค่ทริปแรกก็สุดพีคด้วยการเดินจากเมืองไคไร อียิปต์ ไปถึงลอนดอน ด้วยเส้นทางที่ผ่านกรุงแบกแดดในอิรัก ก่อนที่จะพีคสุดด้วยการเดินเสี่ยงตายเลาะแม่น้ำไนล์ แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก ระยะทางกว่า 4,000 ไมล์ ใช้เวลาทั้งหมดกว่า 9 เดือน ก่อนจะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรายการสารคดีและหนังสือในชื่อ Walking the Nile และทริปล่าสุดกับการเดินจากเม็กซิโกไปยังโคลอมเบีย ด้วยระยะทางกว่า 1,800 ไมล์ โดยผ่าน Darien Gap เส้นทางที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหด ทั้งพืชอันตราย สัตว์ป่ามีพิษ และการลักลอบขนยาเสพติด เพื่อมาถ่ายทอดเป็นรายการสารคดีและหนังสือชื่อ Walking The Americas
นอกจากการนักทำสารคดีแล้ว เขายังเป็นนักเขียนและช่างภาพอาชีพที่เคยมีผลงานตีพิมพ์ในนิตยสารระดับโลกมาแล้วหลายฉบับ โดยจุดมุ่งหมายในการเดินทางด้วยเท้าของเขา คือการเข้าไปค้นหาความเป็นพื้นถิ่นดั้งเดิมในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเก็บออกมานำเสนอโลกได้รับรู้
ชมสารคดีของเขาได้ที่ www.channel4.com/programmes/walking-the-nile
Dervla Murphy
นักเดินทางสายปั่นที่ออกเดินทางด้วยตัวหนังสือ
คุณยายนักปั่นชาวไอริชวัย 85 เจ้าของหนังสือบันทึกการเดินทางกว่า 24 เล่ม การเดินทางครั้งแรกบนหลังอานสุดระทึกของเธอมาจากความฝันในวัยเด็ก เริ่มต้นจากไอร์แลนด์บ้านเกิดไปจนถึงอินเดีย พร้อมด้วยปืนพก .25 หนึ่งกระบอกและเงินอีก 65 ปอนด์ ซึ่งเธอใช้ปืนเพียงสองครั้งจากการโจมตีของหมาป่าและถูกลอบโจมตีในอาเซอร์ไบจาน โดยถ่ายทอดออกมาเป็นบันทึกการเดินทางชื่อ Full Tilt: Ireland to India with a Bicycle ด้วยจิตวิญญาณของนักเดินทางอันเต็มเปี่ยม ต่อมาแม้เธอจะมีลูกน้อยก็ไม่วายกระเตงลูกออกเดินทางไปพร้อมกันด้วยนั่นแล กระทั่งวัยล่วงเลยเข้าไป 70 ก็ยังวางแผนชวนลูกสาวและหลานสาวอีกสามคนปั่นบนเส้นทางสายทรานส์ไซบีเรียมุ่งหน้าสู่คิวบา นี่สิเรียกว่ายิ่งแก่ยิ่งเก๋าที่แท้
บันทึกการเดินทางของคุณยายถือได้ว่าเป็น Travelogue ดั้งเดิมที่ได้รับการยอมรับว่า ซื่อสัตย์ต่อการเล่าเรื่องจนคนอ่านรู้สึกเหมือนได้ไปเองจริงๆ กลายเป็นตำราที่นักเขียนรุ่นหลังต้องเคารพ ล่าสุดปีที่แล้วชีวิตของเธอได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสารคดีในชื่อ Who is Dervla Murphy? อีกด้วย
ชมสารคดีเรื่องราวของเธอได้ที่ vimeo.com/ondemand/dervlamurphy
Karen Darke
นักเดินทางที่ทำให้เห็นว่าร่างกายไม่ใช่อุปสรรคของการเดินทาง
นักกีฬาสาวเหรียญทองพาราลิมปิกที่ออกเดินทางด้วย Hand-biked หรือจักรยานที่ใช้มือปั่น โดยที่การเป็นอัมพาตครึ่งตัวไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเดินทางสักเท่าไหร่ เธอทำให้การเดินทางกว่าพันไมล์จากคีร์กีซสถานไปจนถึงปากีสถาน ผ่านเส้นทางยากลำบากและหุบเขามากมายกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนปกติ เพราะเธอต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนปกติหลายเท่า ยังไม่นับการแล่นสกีด้วยแขน ข้ามแผ่นดินน้ำแข็งกรีนแลนด์ ระยะทางกว่า 372 ไมล์ ที่เธอก็ผ่านมาแล้วเช่นกัน
ด้วยความไม่ย่อท้อต่อความพิการที่เข้ามาในชีวิตเธอเมื่ออายุเพียง 21 ปีจากอุบัติเหตุ ทำให้เธอมองความท้าทายและอุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและเสพติดมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นเป้าหมายทั้งด้านกีฬาและการเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก
อ่านบล็อคการเดินทางสุดอินสไปร์ของเธอได้ที่ www.karendarke.com/blog
Jeff Shea
นักเดินทางบ้าพลังที่หวังจะสร้าง World parks ให้บียอนด์กว่า National park
นักเดินทางสายบ้าพลังวัย 60 ชาวแคลิฟอร์เนียที่เคยตระเวนไปยังพื้นที่โหดๆ บนโลกนี้มานับไม่ถ้วน เขาเคยเดินเท้าผ่านปาปัวนิวกินี ทะเลทรายอาตากามาที่แห้งแล้งที่สุดในโลก ตะลุยป่าในเวเนซูเอล่า หรือแม้กระทั่งการปีนยอดเขาเอเวอร์เรส ที่ในยุคหลังๆ การพิชิตยอดเขาแห่งนี้เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ เขาจึงเลือกที่จะใช้เส้นทางบนสันเขาที่เสี่ยงกว่าเส้นทางปกติ รวมถึงเป็นหนึ่งในทีมที่ค้นพบ Stray Dog West แผ่นดินที่อยู่เหนือสุดของโลกบริเวณหมู่เกาะกรีนแลนด์ โดยจุดหมายปลายทางของเขาไม่ได้อยู่ที่จำนวนของสถานที่ ความเสี่ยงตาย แต่คือประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาได้จากการเดินทางเท่านั้น
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของเขาคือการเดินทางเพื่อเปลี่ยนโลก ในปี 2012 เขาก่อตั้ง World Parks องค์กรที่มีเป้าหมายในการจูงใจให้ผู้นำของประเทศต่างๆ รักษาพื้นที่ป่าสงวนให้เป็นสมบัติของ ‘โลก’ ไม่ใช่สมบัติของ ‘ชาติ’ อย่างที่เรียกกันว่าอุทยานแห่งชาติ โดยคงสถานะให้เป็นพื้นที่ที่เป็นกลาง ไม่ขึ้นกับประเทศไหน เป็นทางเลือกของการท่องเที่ยวสำหรับผู้คนทั่วโลกอย่างแท้จริง
ทำความรู้จัก World parks เพิ่มเติมได้ที่ worldparksinc.com
ปลุกจิตวิญญาณของนักเดินทางด้วยเรื่องราวของนักเดินทางระดับโลกไปแล้ว ก็มาถึงเวลาออกเดินทางของเราเองบ้าง กระโดดออกจากคอมฟอร์ทโซน ลุยให้สุดเท่าที่แรงยังมีเหลือ แล้วก็อย่าลืมประกาศให้โลกรู้ว่าการเดินทางของเรายิ่งใหญ่ขนาดไหน ไปกับแคมเปญ True Wanderer by Wrangler โดยการส่งเรื่องราวและภาพถ่ายการเดินทางที่บ่งบอกความหมายของ #Live2Wander ในแบบตัวเอง เพื่อลุ้นเป็น 1 ใน 15 ผู้เข้ารอบสุดท้ายที่จะได้ที่เป็นสุดยอดนักเดินทางตัวจริง ไปตะลุยแกรนด์แคนยอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
ติดตามกติกาและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.wrangler-ap.com/th-th/truewanderer
ที่มา
www.bbc.com
jeffshea.org
cassiedepecol.com
www.forbes.com
www.levisonwood.com
www.cntraveller.com
www.telegraph.co.uk
www.dervlamurphy.com
www.karendarke.com
limitlesspursuits.com