ย้อนกลับไปในช่วงปี 1980 ที่น่าจะถือว่าเป็นช่วงเวลารุ่งเรืองที่สุดช่วงหนึ่งของหนังแอ็กชั่นฮอลลีวูด ผู้สร้างหนังต่างเข็นไอเดียของตัวเองออกมาเพื่อให้คนดูเห็นการต่อสู้ในรูปแบบใหม่ๆ อาทิ การต่อสู้ระหว่างตำรวจหนึ่งคนกับกลุ่มโจรก่อการร้าย การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้ศิลปะป้องกันตัวหลากชนิด
หนังหลายเรื่องที่ได้รับความนิยมในยุคนั้นมักจะมีภาคต่อออกมาให้คนดูตามต่อกันเรื่อยๆ อย่าง Rocky ที่ช่วงนั้นโด่งดังจนฉายไปแล้วถึงสี่ภาค คนในวงการเลยแซวว่า ถ้าจะทำภาคต่อ ตัวนักมวยในเรื่องก็ควรจะไปต่อยมวยนอกโลกแทนเพราะคงไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนบนโลกกล้าท้าทายแล้ว บังเอิญว่ามีคนเขียนบทสองคนเอาแนวคิดติดตลกมาเคี่ยวใหม่ โดยเอาไอเดียที่ว่า จะเป็นยังไงหากมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างมาไล่ล่ามนุษย์เหมือนกับที่เราเห็นคนไปล่าสัตว์ป่า สุดท้ายไอเดียนั้นก็งอกเงยจนกลายเป็น ‘เพรดเดเทอร์’ (Predator) ภาพยนตร์ชุดสุดโหดที่เล่าเรื่องนักล่าจากต่างดาว
เวลาผ่านไป 30 กว่าปีแล้วที่ภาพยนตร์เพรดเดเทอร์โลดแล่นในบนจอเงิน แม้จะเจอกับความขลุกขลักระหว่างทางอยู่บ้าง ถึงอย่างนั้นหนังตระกูลนี้ก็ยังมีอะไรให้บอกเล่ากันเยอะอยู่ไม่น้อย และนั่นคือสิ่งที่ The MATTER จะมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้

ภาพจาก : Screenrant.com
1. Jean-Claude Van Damme เคยเป็นนักล่าจากต่างดาว : ภาคแรกสุดของภาพยนตร์ Predator เกือบจะเป็นการดวลเดือดกันระหว่างสองดารานักแอ็กชั่นเบอร์ใหญ่ในยุค 1980 เพราะในการถ่ายทำตอนแรกสุดนั้น ฌ็อง-โคลด แวน แดมม์ (Jean-Claude Van Damme) นักกีฬาและนักแสดงชาวเบลเยียมเป็นคนที่ใส่ชุดนักล่าจากต่างดาว แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ออกจากการถ่ายทำไป เหตุผลที่ถอนตัวออกไปก็มีข้อมูลต่างกันในหลายทาง ตั้งแต่เหตุผลที่ทีมงานสร้างออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเพราะเจ้าตัวไม่ได้มีโอกาสแสดงหน้าค่าตาเลยทั้งเรื่อง หรือที่กล่าวว่าความสูงของแวน แดมม์กับ อาร์โนลด์นั้นต่างกันเกินไปจนซีนไม่น่าเชื่อถือ ไปจนถึงเหตุผลที่ฟังดูชวนแปลกใจที่บอกว่า แวน แดมม์ถูกปลดออกเพราะเจ้าตัวโวยวายที่ไม่มีโอกาสได้วาดลีลาคิกบ็อกซิ่งประจำตัว
2. โชคดีในโชคร้ายของการจากไปของแวน แดมม์ก็คือ ทีมสร้างภาพยนตร์ Predator ภาคแรกได้ทำการตัดเลือกนักแสดงใหม่ ที่คราวนี้บทตกเป็นของ เควิน ปีเตอร์ ฮอล (Kevin Peter Hall) นักแสดงตัวสูงกว่า 2.18 เมตร ที่มารับบทเป็นผู้ใส่ชุดนักล่าแทน แล้วด้วยขนาดตัวเช่นนี้ก็ทำให้การต่อสู้ของโคตรทหารกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวดูสมจริงกว่าเดิมโดยปริยาย
3. นอกจากนักแสดงที่สวมชุดคนแรกที่แตกต่าง อีกสิ่งที่แตกต่างกับหนังตอนฉายจริงก็คือตัวของเพรดเดเทอร์ด้วย ที่มาที่ไปของเรื่องนี้มาจาก ณ ช่วงแรกสุดของการสร้างหนังเรื่องนี้ที่ตัวทีมสร้างไม่ได้รับทุนสร้างสูงเท่าใดนักเพราะผู้ผลิตคิดว่าหนังน่าจะเจ๊ง ทีมงานเลยจ้างบริษัทรับดีไซน์สัตว์ประหลาดมาสร้างตัวละครนักล่าจากต่างดาว ทำให้เพรดเดเทอร์ร่างแรกสุดในการถ่ายทำมีส่วนผสมของมนุษย์ + สุนัข + แมลงสาป + กุ้ง และใช้มีดสั้นเป็นอาวุธ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นดีไซน์ที่ไม่แย่นัก แต่ดูแล้วจะขัดกับสภาพสิ่งแวดล้อมโดยรอบอยู่ไม่เบา

ภาพจาก : Stan Winston School
4. ผลพวงของการถอนตัวของฌ็อง-โคลด แวน แดมม์ ทำให้ทีมสร้างหนังถ่ายทำฉากนักล่าจากต่างดาวไปไม่กี่ซีนเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็เอาซีนดังกล่าวไปใส่เอฟเฟกต์แล้วนำไปฉายให้เจ้าของสตูดิโอหนังดู ผลก็คือความดูดีและน่ากลัวของนักล่าต่างดาวที่ลากทหารหน่วยพิเศษไปฆ่าแบบง่ายๆ เลยทำให้ทีมสร้างหนังได้รับเงินทุนเพิ่ม และพวกเขาก็ไปจ้าง สแตน วินสตัน (Stan Winston) ผู้ชำนาญการด้านสเปเชียลเอฟเฟกต์มาสร้างสัตว์ประหลาดในดีไซน์ใหม่ เพรดเดเทอร์ได้แรงบันดาลใจจากรูปนักรบราสตาฟาเรียน (Rastafarian) ผสมผสานเข้ากับไอเดียที่ได้มาจาก เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ในช่วงที่เจมส์และสแตนต้องไปโปรโมตภาพยนตร์ Terminator ร่วมกัน ว่าเขาอยากเห็นสัตว์ประหลาดต่างดาวที่มีฟันกรามแบบแมลง ผลที่ได้มาคือนักล่าจากต่างดาวแบบที่เราคุ้นเคยกันในทุกวันนี้
กว่าจะกลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำก็ต้องผ่านอะไรมามากมายจริงๆ นะ
5. เหตุผลที่ใช้ชื่อ ‘นักล่าจากต่างดาว’ ในตอนต้นก็เพราะว่า แรกเริ่มเดิมทีหนังเรื่องนี้ถูกเรียกว่า Hunter ก่อนที่หนังจะโดนเปลี่ยนชื่อ ซึ่งมีเหตุผลในการเปลี่ยนอยู่สองข้อหลักๆ อย่างแรกคือชื่อ Hunter นั้นจะไปซ้ำกับซีรี่ส์ทางโทรทัศน์ที่ฉายอยู่ในช่วงนั้น กับอย่างที่สองกล่าวว่าเป็นผลมาจากการที่ตัวสัตว์ประหลาดเปลี่ยนดีไซน์ไปแล้ว เลยมีการปรับชื่อให้สอดคล้องและดุดันตามกัน และใช้ชื่อหนังว่า The Predator (1987) ก่อนที่จะมีการละคำนำหน้าจนเหลือแค่ Predator ไปในที่สุด
ชื่อหนัง The Predator ถูกเอากลับมาใช้อีกครั้งในภาพยนตร์ฉบับปี 2018 ที่ได้ เชน แบล็ก (Shane Black) เป็นผู้กำกับ

ภาพจาก : Denofgeek.com
6. เชน แบล็ก—ผู้กำกับ The Predator ฉบับปี 2018 ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสำหรับภาพยนตร์ชุดนี้ เพราะเขารับบทสมทบในภาพยนตร์ภาคแรกด้วย ส่วนเหตุผลที่ตอนนั้นเขาได้ร่วมเล่นหนังทั้งๆ ที่ตัวละครส่วนใหญ่ในภาพยนตร์ Predator ภาคแรกเป็นชายหนุ่มกล้ามโตก็เพราะทีมงานสร้างหนังภาคแรกเห็นทักษะการเขียนบทของเขา และต้องการคนเขียนบทเก่งๆ สักคนมาช่วยแก้บทหน้าเซ็ต เลยจับเขามาแสดงในเรื่อง แล้วก็เชือดตัวละครของเขาทิ้งไปตั้งแต่เริ่มเพื่อให้โฟกัสกับการปรับบทหน้ากองนั่นเอง
และใน The Predator ฉบับปี 2018 เชน แบล็ก ก็กลับมาอีกครั้ง ทั้งในฐานะผู้เขียนบท และ ผู้กำกับของหนังภาคดังกล่าว
7. ถึงหนังจะเป็นแอ็กชั่นเลือดสาดเห็นชิ้นส่วนร่างกายขาดออกจากกันอย่างถาวร แต่นักแสดงกล้ามโตในหนังเรื่องนี้มีถึงสองคนที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางการเมืองจนได้กลายเป็นผู้ว่าการรัฐ คนแรกที่หลายท่านน่าจะคุ้นเคยอยู่แล้วก็คือ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ที่เคยได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2003

ภาพจาก : CNN.com
8. ส่วนนักแสดงอีกคนหนึ่งก็คือ เจสซี เวนทูรา (Jesse Ventura) ที่ได้เป็นผู้ว่าการรัฐมินนิโซตาในปี 1999 นอกจากนี้ยังมี ซอนนี แลนด์แฮม (Sonny Landham) นักแสดงอีกคนหนึ่งในเรื่องก็เคยลงสมัครเข้าชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเคนทักกีในปี 2003 แต่เขาไม่ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการรัฐ ซึ่งถ้าได้ก็อาจจะหมายความว่า คนที่จะเป็นผู้ว่าการรัฐในอนาคตต้องมีคุณสมบัติที่เคยสู้กับเพรดเดเทอร์มาก่อนด้วยรึเปล่านะ

ภาพจาก : www.mprnews.org
9. Predator ภาคแรกทำรายได้ทั่วโลกไปราว 90 กว่าล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงไม่แปลกที่จะมีแผนการสร้างภาคสองของภาพยนตร์ขึ้นมา ทว่านักแสดงหลักที่กลับมาจากภาคแรกนั้นมีเพียงแค่ เควิน ปีเตอร์ ฮอล ผู้รับบทเป็นเพรดเดเทอร์เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนอาร์โนลด์ที่แม้ว่าตัวละครของเขาจะรอดตายจากภาคแรก แต่เจ้าตัวก็ไม่กลับมารับบทเดิม ซึ่งเหตุผลหลักๆ ที่ตัวนักแสดงท่านนี้ออกมาบอกกล่าวก็คือ เจ้าตัวไม่ชอบไอเดียที่นำเอาเพรดเดเทอร์มาไล่ล่าคนในเมือง แต่ก็มีข้อมูลอีกด้านที่ระบุว่า เพราะตอนนั้นเจ้าตัวเริ่มโด่งดังจนติดคิวถ่ายหนังเรื่องอื่นด้วย

ภาพจาก : www.impawards.com
10. บทนักแสดงนำของหนังภาคต่อที่ใช้ชื่อว่า Predator 2 ตกเป็นของ แดนนี โกลเวอร์ (Danny Glover) และเปลี่ยนฉากหลังของภาคต่อก็เกิดขึ้นในเมืองลอสแอนเจลิสปี 1997 ที่อาชญากรพกอาวุธอย่างไม่ยำเกรงอำนาจรัฐแทน ภาพยนตร์ภาคนี้ออกฉายในปี 1990
11. ถึง Predator 2 จะไม่มีตัวละครเก่าเลย แต่เมื่อหนังภาคต่อมีเวลาเตรียมการมากขึ้น เราจึงได้เห็น สแตน วินสตัน กับทีมสร้างหนังภาคสองใช้เวลาในการลงรายละเอียดของตัวเพรดเดเทอร์มากขึ้น จากเดิมที่เราเห็นในภาคแรกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตต่างโลกที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า ทั้งระบบการพรางตัว และปืนพลังงานติดไหล่ กับธรรมเนียมการเก็บกะโหลกของสิ่งมีชีวิตที่มันล่าไว้เป็นของรางวัล

ภาพจาก : www.stanwinstonschool.com
12. ในภาค 2 เพรดเดเทอร์ตัวใหม่ที่ถูกเรียกว่า ซิตี้ฮันเตอร์ (City Hunter – ไม่เกี่ยวอะไรกับการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกัน) จึงมีเครื่องแต่งกายที่ต่างจากเดิม พร้อมกับออพชั่นใหม่ๆ อย่าง หอกที่ยืดหดได้ ปืนยิงลูกธนู ปืนยิงตาข่าย และสมาร์ทดิสก์—ใบมีดบินไฮเทคทรงกลม ส่วนหน้ากากของเพรดเดเทอร์ก็มีความสามารถใหม่ทั้งช่วยในการมองเห็น เล็งเป้าหมาย อัดบันทึกเสียงและเล่นเสียงซ้ำ
อาวุธใหม่นี้มาพร้อมกับเหตุผลในการล่าและหลักการล่าที่ภาคแรกเปิดประเด็นไว้แต่ไม่ชัดแจ้งมาก ในภาคนี้เราจะเข้าใจมากขึ้นว่า เพรดเดเทอร์จะทำการล่าในพื้นที่ร้อนชื้น (จึงมีการเขียนบทให้ลอสแอนเจลิสมีคลื่นความร้อนสูงในเรื่อง) และจะล่าเหยื่อที่คู่ควรเท่านั้น (ในเรื่องมีการไว้ชีวิต ตัวละครหญิงที่ท้องทั้งๆ ที่ถืออาวุธ และไม่ทำร้ายเด็กที่ถือปืนของเล่น) เพรดเดเทอร์ยังไว้ชีวิตผู้ถูกล่าที่สามารถเอาชนะการต่อสู้ที่เสมอภาคได้ (ในฉากท้ายเรื่องภาค 2 พรีเดเตอร์ซึ่งดูจะมีความอาวุโสมากกว่าปล่อยให้ตัวเอกรอดชีวิตพร้อมให้ของฝากเป็นปืนรุ่นโบราณ)
13. ในตอนท้าย Predator 2 เราจะได้เห็นเพรดเดเทอร์ฝูงใหญ่มารับศพของซิตี้ฮันเตอร์และนำเอายานอวกาศกลับสู่ดาวของตนเอง ถ้าเป็นสมัยนี้เราคงโมเมได้ว่าใช้ภาพคอมพิวเตอร์กราฟฟิกมาซ้อนภาพเอาดื้อๆ แต่ในยุค 1990 ตอนต้นเทคโนโลยียังไม่ดีมากพอ แดนนี โกลเวอร์ก็แนะนำให้ทีมสร้างหนังไปติดต่อเอานักกีฬาบาสเกตบอลของ Los Angeles Lakers ที่แดนนีเป็นแฟนตัวยงอยู่ และนักกีฬากลุ่มหนึ่งก็มาร่วมใส่ชุดเพรดเดเทอร์ร่วมกับ เควิน ปีเตอร์ ฮอล
น่าตกใจนิดหน่อยที่ว่า ชุดเพรดเดเทอร์ที่ปรากฏในตอนท้ายเรื่องภายหลังถูกขโมยหายไปจนหมด—กลายเป็นตำนานโดยสมบูรณ์

ภาพจาก : www.stanwinstonschool.com
14. ในช่วงท้ายเรื่องของหนังภาค 2 ตัวละครที่ แดนนี โกลเวอร์ รับบทเดินเข้าไปสำรวจภายในยานอวกาศของซิตี้ฮันเตอร์ ที่นั่นเขาได้พบกับหัวกะโหลกมากมาย และหนึ่งในนั้นเป็นหัวกะโหลกของ ซีโนมอร์ฟ จากภาพยนตร์ Alien มาปรากฏตัวด้วย
15. แต่…ความจริงแล้ว ภาค 2 ก็ไม่ใช่ครั้งแรกสุดที่เอเลี่ยนกับเพรดเดเทอร์มาเจอกัน เพราะทั้งสองสายพันธ์เคยปะทะกันมาก่อนแล้ว โดยการพบกันของทั้งสองเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในฉบับหนังสือการ์ตูนของทาง Dark Horse Comics ที่ซื้อสิทธิ์ในการดัดแปลงภาพยนตร์เอเลี่ยนและเพรดเดเทอร์ และในฉบับการ์ตูนนั้นก็เพิ่มรายละเอียดต่างๆ ให้ทั้งฝั่งเอเลี่ยนและเพรดเดเทอร์ ก่อนที่จะไอเดียบรรเจิดจับเอาทั้งสองเรื่องมารวมกันในปี 1989 โดยตั้งชื่อหนังสือการ์ตูนนั้นว่า Aliens vs. Predator ซึ่งตัวหนังสือการ์ตูนได้รับความนิยมระดับหนึ่ง จึงมีการออกเล่มต่ออีกหลายเล่ม และกล่าวกันว่าทีมสร้างหนังเอาไอเดียจากฝั่งการ์ตูนไปต่อยอด การวางหัวกะโหลกนั้นก็เป็นความจงใจในการพยายามสร้างฉบับภาพยนตร์ออกมาในภายหลัง
แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการในการสร้างหนังทำให้โครงการภาพยนตร์ Aliens vs. Predator ถูกเก็บไว้บนหิ้งอยู่หลายปี

ภาพจาก : scifi.stackexchange.com
16. 14 ปีผ่านไปหลังจากการฉายภาพยนตร์ Predator 2 นักล่าแห่งห้วงอวกาศก็ได้กลับมาอีกครั้งกับ ภาพยนตร์ AVP: Alien vs. Predator ที่คราวนี้ได้ พอล ดับบลิว. เอส. แอนเดอร์สัน (Paul W.S. Anderson) ที่เพิ่งสร้างเครดิตให้ตัวเองจากการนำเอาเกม Resident Evil / Bio Hazard มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ และเขาก็มีความติ่งในซีรีส์เอเลี่ยนกับเพรดเดเทอร์มากพอที่จะทิ้งงานกำกับ Resident Evil ภาคต่อเพื่อมาทำหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ

ภาพจาก : www.impawards.com
17. AVP: Alien vs. Predator ดึงเอารายละเอียดในฉบับหนังสือการ์ตูนมาผสมกับตัวละครจากฝั่งภาพยนตร์เอเลี่ยน เพื่อสร้างความเชื่อมโยงว่าทั้งคู่อยู่ในจักรวาลและไทม์ไลน์ต่อเนื่องกัน แต่รอบนี้มีหน้าเก่าที่มาร่วมแจมนั้นเพียงคนเดียวคือ แลนซ์ เฮนริกสัน (Lance Henriksen) นักแสดงที่เคยรับบทเป็นแอนดรอยด์ บิชอป ในภาพยนตร์เอเลี่ยนสามภาคแรก เฮนริกสันมาเล่นเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเวย์แลนด์-ยูทานิ (Weyland-Yutani Corporation) ส่วนนักแสดงสำคัญอย่าง ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ (Sigourney Weaver) ออกตัวเลยว่าจะไม่ยุ่งกับหนังยำสองสัตว์ประหลาดนี้ และ ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) ผู้กำกับเอเลี่ยนภาคแรกก็ออกปากว่าไม่โอเคกับหนังชุดนี้
18. พล็อตของภาค AVP เกี่ยวกับทีมสำรวจที่เข้าไปตรวจสอบซากพีระมิดแห่งหนึ่งใต้พื้นน้ำแข็ง แล้วดันไปปลุกราชินีเอเลี่ยนให้ตื่นจากจำศีล ระหว่างนั้นเอง เพรดเดเทอร์วัยเยาว์สามตนก็ได้บุกมายังพีระมิดแห่งนี้ ฆ่าทั้งมนุษย์และเอเลี่ยน ก่อนที่จะต้องมาจับมือกับมนุษย์ที่เหลือรอดเพราะฝูงซีโนมอร์ฟมีจำนวนมากเกินจะฆ่าเองไหว สุดท้ายทั้งสองก็ร่วมมือกันแต่นักล่าเป็นฝ่ายต้องเสียชีวิตไป และเพรดเดเทอร์รุ่นใหญ่ได้ลงมาเก็บร่างไร้ชีวิตของเพรดเดเทอร์เยาว์วัย โดยไม่ทราบเลยว่าภายในร่างนั้นมีตัวอ่อนของเอเลี่ยนอยู่ และนี่เป็นครั้งแรกที่เราได้รู้จักกับ ‘พรีเดเลี่ยน’ สิ่งมีชีวิตใหม่ที่จะมาอาละวาดในหนังภาคต่อ
19. หนัง AVP ทำรายได้ค่อนข้างดี สวนทางกับคำวิจารณ์ที่โดนสับในส่วนของเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ และแฟนหนังเอเลี่ยนกับเพรดเดเทอร์หลายคนก็ไม่แฮปปี้กับการที่หนังโหดน้อยกว่าภาคก่อนๆ บวกกับความอึนต่อปัจจัยแปลกๆ ที่ถูกใส่ลงไปในหนังอย่างการที่เหมือนจะมีฉากโรแมนติกพระนางระหว่างเพรดเดเทอร์กับมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เจมส์ คาเมรอน ที่เป็นผู้กำกับเอเลี่ยนภาคสองออกปากว่าชอบหนังเรื่องนี้อยู่นะ
และด้วยรายได้ที่ดีจากทุนที่ไม่มากนัก ก็ไม่ต้องแปลกใจที่การพัฒนาภาคต่อจึงเริ่มทันที

ภาพจาก : www.impawards.com
20. ถึง AVP ภาคแรกจะทำรายได้โอเคจนมีการพัฒนาภาคต่อขึ้นมา แต่ในภาคที่สองของหนังที่จับเอาสัตว์ประหลาดอวกาศสองสายพันธุ์มาตีกันนั้นแทบจะไม่มีบุคลากรหรือนักแสดงที่เกี่ยวข้องกับภาคก่อนๆ มาเลย ยกเว้นเพียง เอียน ไวท์ (Ian Whyte) ที่รับช่วงในการใส่ชุดเพรดเดเทอร์ต่อจาก เควิน ปีเตอร์ ฮอล
21. พล็อตของภาค Aliens vs. Predator: Requiem ต่อเนื่องจากภาคก่อนที่พรีเดเลี่ยนได้คลอดบนยานอวกาศ แล้วเจ้าสัตว์ประหลาดตัวใหม่นี้ก็อาละวาดจนทำให้ยานอวกาศตกลงมาบนโลกอีกครั้ง ระหว่างที่เอเลี่ยนกำลังออกอาละวาดในเมือง เพรดเดเทอร์มือโปรก็ถูกส่งมาจากดาวบ้านเกิดของนักล่าอวกาศเพื่อจัดการมันให้สิ้น ส่วนชาวเมืองก็ต้องเอาตัวรอดจากศึกครั้งใหม่ที่อยู่ๆ ก็ร่วงหล่นมาใส่เมืองเสียอย่างนั้น
22. Aliens vs. Predator: Requiem พยายามใส่กิมมิกให้มีอารมณ์ของหนังต้นฉบับเข้ามาอยู่ในเรื่องจำนวนมาก แล้วก็ปรับหนังมาเป็นเรท R เพื่อเอาใจแฟนเก่าของซีรีส์เอเลี่ยนกับเพรดเดเทอร์ แต่เหมือนกับติดคำสาปอะไรสักอย่างทำให้นักแสดงที่ทีมสร้างตั้งใจให้รับเชิญไม่สามารถมาร่วมเล่นได้แม้แต่คนเดียว และตัวละครกลุ่มใหม่ก็ค่อนข้างขาดเสน่ห์ไปบ้าง หนังทำรายได้ไปพอสมควร แต่เหมือนทางค่ายหนังและผู้สร้างที่เกี่ยวข้องกับแฟรนไชส์เอเลี่ยนกับเพรดเดเทอร์ต้องการจะแยกย้ายมาทำหนังเดี่ยวแทนที่จะจับคู่กัน ส่งผลให้ภาค 3 ของหนังชุดนี้ต้องรอกันต่อไปอีกนาน…หรืออาจจะสูญพันธ์ไปเลยก็ได้
23. เพรดเดเทอร์หายตัวไปจากฉบับจอเงินอีกหลายปี จนกระทั่งปี 2010 ซึ่งครั้งนี้เป็นไอเดียของ โรเบิร์ต รอดรเกซ (Robert Rodriguez) ซึ่งเดิมทีเคยเขียนบทส่งให้ค่ายหนังตั้งแต่ปี 1995 แต่ในตอนนั้นบทของเขายิ่งใหญ่เกินไปจนงบการสร้างน่าจะบานปลาย แต่เมื่อค่ายหนังอยากจะทำภาคแยกเดี่ยวๆ ของเพรดเดเทอร์ ผู้กำกับคนนี้ที่ตอนนี้มีเครดิตดีเลยโดนเชิญชวนให้มาทำหนังภาคใหม่ ซึ่งเขาก็รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์แต่ตั้งใจจะให้ผู้กำกับคนอื่นมากำกับแต่แรก และบทก็ถูกปรับเปลี่ยนเกือบทั้งหมด โดยกลับไปเชื่อมโยงกับหนังภาคแรกสุดเป็นหลัก และปรับเรื่องราวให้คืนสู่การต่อสู้ของคนกับนักล่าต่างดาวในพงไพรอีกครั้ง ซึ่งการเซ็ตเรื่องแบบนี้ก็เหมือนกับการเททิ้งเรื่องราวในฝั่ง AVP ทั้ง 2 ภาคไปโดยปริยาย
24. สุดท้าย Predators (2010) ก็ได้ นิมร็อด แอนทัล (Nimród Antal) มาเป็นผู้กำกับหนังภาคนี้ และหนังตั้งใจคัดเลือกนักแสดงให้ดูมี ‘ความอาร์โนลด์’ น้อยกว่าภาคต้นฉบับเพื่อให้คนดูที่คุ้นเคยกับการไล่ล่าจากหนังหลายๆ เรื่องได้ลุ้นกันว่าใครกันแน่ที่จะรอดตายจากหนังเรื่องนี้ แทนที่จะตีความว่าคนล่ำบึ้กสุดจะได้อยู่ต่อยกับเพรดเดเทอร์ในตอนท้าย
25. เรื่องราวใน Predators เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนอันตรายที่มารวมตัวกันในป่าแปลกประหลาดพร้อมกับอาวุธติดตัวกันเกือบทุกคน พวกเขาใช้เวลาไม่นานในการค้นพบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่บนโลกและยังตกเป็นเป้าหมายการล่าของสิ่งมีชีวิตลึกลับ ซึ่งคราวนี้สิ่งที่มาไล่ล่ากลุ่มคนเดนตายกลุ่มนี้คือ ‘ซูเปอร์เพรดเดเทอร์’ นักล่าที่ล่าแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์เดียวกันเอง แม้ว่าพวกเขาจะได้เจอผู้รอดชีวิตที่มาบอกเล่าเรื่องให้ฟังบนดาวดวงนี้ แต่มันก็ยังไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด มิหนำซ้ำ สถานการณ์ที่ย่ำแย่ยังทำให้มนุษย์เริ่มล่ากันเอง มีเพียงผู้คุมสติไว้ได้เท่านั้นที่จะเอาชนะเพรดเดเทอร์บนดินแดนต่างดาวนี้
26. Predators อาจจะเล่าเรื่องใหม่หมด แต่ก็มีการเชื่อมโยงเรื่องกับภาคเก่าในหลายๆ ทางด้วยกัน ที่ชัดเจนก็คือการบอกเล่าของทหารในเรื่องที่บอกว่าเคยได้ยินรายงานเกี่ยวกับเพรดเดเทอร์ ที่ออกล่าคนเมื่อปี 1987 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ของภาพยนตร์ภาคแรก ซีนดึงกะโหลกกับกระดูกสันหลังออกจากตัว ‘เหยื่อ’ ของเพรดเดเทอร์ก็อ้างอิงจากฉากในภาพยนตร์ภาคแรก ไปจนถึงซีนหนึ่งที่เราได้เห็นหัวกะโหลกของมนุษย์ที่เหมือนจะเป็นตัวละครจากภาคแรก

ภาพจาก : avp.wikia.com
27. ไม่ใช่แค่หนังภาคแรกเท่านั้นที่ถูกเชื่อมโยงถึง ตัวละครที่ละม้ายคล้ายสุนัขนักล่าของซูเปอร์เพรดเดเทอร์ก็เป็นการเอาดีไซน์ของโครงกระดูกที่อยู่ในยานอวกาศของ Predator 2 มาออกแบบให้เป็นสัตว์ประหลาดตัวใหม่ สอดคล้องกับแนวคิดในการสร้างหนังของทีมงานสร้างชุดนี้ที่ตั้งใจจะเดินเรื่องย้อนไปเชื่อมโยงกับภาคเก่าอย่างจริงจัง
อีกส่วนที่พยายามอ้างอิงให้ใกล้เคียงกับภาพยนตร์สองภาคแรกคือการใช้บริการทีมสร้างสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่เคยร่วมงานกับ สแตน วินสตัน ผู้ล่วงลับ มาสร้างชุดเพรดเดเทอร์ (ตัวปกติ) ที่มีลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับตัวที่อาร์โนลด์เคยเผชิญหน้ามากที่สุด
28. ภาพยนตร์ Predators ภาคนี้ได้รับความนิยมทั้งจากคนดูและนักวิจารณ์ และรายได้ก็ถือว่าไม่แย่ ถึงขั้นที่ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และนักแสดงต่างก็ออกปากว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำภาคต่ออีก แถมยังมีเนื้อเรื่องหลายทิศทางให้เล่าได้อีกต่างหาก แต่สุดท้ายทางค่ายหนังก็ให้ เชน แบล็ก นักแสดงและผู้ช่วยปรับแก้บทในภาคแรกที่ตอนนี้เป็นผู้กำกับและคนเขียนบทชื่อดังมาช่วยดูแลภาพยนตร์ภาคใหม่แล้ว

ภาพจาก : www.impawards.com
29. เวลาผ่านไป 8 ปี ภาพยนตร์เพรดเดเทอร์กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ เชน แบล็ก สัมภาษณ์ไว้ในหลายๆ สื่อว่าหนังจะไม่ใช่การรีบูท แต่เป็นการปรับทิศทางใหม่ให้หนังซีรีส์นี้ ผู้กำกับท่านนี้ยังระบุว่าหนังจะใส่มุกตลกเข้าไปมากขึ้น และแสดงความรักความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวมากขึ้น โดยยังไม่ทิ้งความโหดระดับเรท R ซึ่งก็ดูงงๆ หน่อยนะว่าการทำหนังเลือดสาดกับหนังแนวครอบครัวมันจะมาบรรจบอย่างไร
30. ถ้าดูจากตัวอย่างก็แสดงให้เห็นแล้วว่า หนัง The Predator (2018) ภาคใหม่จะมีเพรดเดเทอร์สองตัว ซึ่งตัวหนึ่งจะเป็นพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏตัวในหนังภาคอื่นมาก่อน และมีโอกาสที่จะได้เห็นดารารับเชิญจากหนังภาคเก่ามาร่วมแสดงในหนังภาคนี้ด้วย
แต่เรื่องราวของภาพยนตร์ภาคล่าสุดจะเป็นอย่างไร อันนี้ The MATTER ขอเชียร์ให้ไปดูกันตามช่องทางถูกกฎหมายนะจ้ะ
อ้างอิงเพิ่มเติมจาก