ปีนี้คุณอ่านหนังสือไปแล้วกี่เล่ม? หนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่านคือเล่มไหน? เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นปีแล้ว ถ้าอยากลองหาหนังสือดีๆ อ่านอีกสักเล่ม ลองเลือกดูจากลิสต์ที่ TIME รวมเอาไว้เป็นหนังสือของปี 2017 ดูสิ
TIME แบ่งหนังสือแนะนำออกเป็น 3 หมวดคือ Non-Fiction, Novel และ หนังสือสำหรับเด็กและเยาวชน ซึ่งเทรนด์ของหนังสือแนะนำปีนี้ ดูจะอิงบริบทของสหรัฐฯ มากหน่อย แต่ก็เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ทางตรงก็ทางอ้อม มีประเด็นหลายอย่างที่สอกแทรกไว้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองหรือประเด็นร้อนๆ บนโลกอย่างสงคราม สภาพอากาศ การคุกคามทางเพศ การใช้อำนาจ การค้นหาตัวตน LGBT หรือเรื่องของสุขภาพจิตด้านต่างๆ
รวมลิสต์เต็มๆ ของทั้ง 3 หมวดไว้ให้ที่นี่แล้ว!
Top 10 Non-Fiction Books of 2017
1. What Happened เขียนโดย Hillary Clinton
เรื่องเล่าเปิดอกเปิดใจจาก Hillary Clinton ในช่วงเวลาที่เธอลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 น่าจะเป็นหนังสือเล่มหนี่งที่บันทึกประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ และตีแผ่เบื้องหลังการเมืองสหรัฐฯ ให้โลกได้รู้
2. We Were Eight Years in Power เขียนโดย Ta-Nehisi Coates
รวมเล่มบทความเกี่ยวกับยุคสมัยของประธานาธิบดีโอบามา ที่ไม่ได้มีแต่เรื่องการเมืองและประธานาธิบดีผิวสี แต่ยังมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับประชาธิปไตย การพาย้อนกลับไปสำรวจในประวัติศาสตร์ มาจนถึงการเริ่มต้นยุคสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์
3. Killers of the Flower Moon เขียนโดย David Grann
ย้อนไปดูการฆาตกรรมต่อเนื่องใน Oklahoma หลังการค้นพบแหล่งน้ำมันในที่นั้น การเกิดขึ้นขององค์กร FBI และเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการทุจริต อาจจะดูเหมือนนิยาย แต่นี่คือเรื่องจริงและเป็นหนึ่งในการสมคบคิดที่น่ากลัวและชั่วร้ายในประวัติศาสตร์อเมริกัน
4. Homo Deus เขียนโดย Yuval Noah Harari
อะไรคือจุดมุ่งหมายต่อไปของมนุษย์? หลังจากเราสถาปนาตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ เราพยายามเอาชนะความอดอยาก โรคระบาด และสงครามมาได้แล้ว เราจะเอาชนะความตายและสร้างชีวิตประดิษฐ์ขึ้นมาได้หรือเปล่า? หนังสือเล่มนี้จะพาไปสำรวจอนาคตและวิวัฒนาการขั้นต่อไปของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่ามนุษย์
5. The Rules Do Not Apply เขียนโดย Ariel Levy
บันทึกชีวิตจริงของนักข่าวที่เชื่อว่าเธอมีอิสระจะเลือกทุกๆ อย่างในชีวิตด้วยตัวเอง การพยายามก้าวข้ามกรอบที่สังคมกำหนดทั้งเรื่องงาน ความรัก วัฒนธรรม และความเป็นผู้หญิง ทำให้เธอได้พาชีวิตไปสู่ช่วงของความสำเร็จ ความแตกสลาย และการเยียวยา เหมือนที่เธอบอกว่าเราทุกคนต่างก็มี
6. Hunger เขียนโดย Roxane Gay
เรื่องของอาหาร สุขภาพ และรูปลักษณ์ ถูกเอามาเล่าในแง่มุมใหม่ๆ ในเชิงอารมณ์และจิตวิทยา ซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ร้ายๆ ของ Roxane เธอจึงเริ่มหันมาค้นหาวิธีดูแล ทำความเข้าใจ และปกป้องตัวเอง
7. Blind Spot เขียนโดย Teju Cole
ไดอารี่รูปภาพประกอบบทกวีที่พาเดินทางไปทั่วโลก จากสวนสาธารณะในเบอร์ลินสู่เทือกเขาในสวิสเซอร์แลนด์ โบสถ์ในลากอสมาถึงลานจอดรถในบรูคลิน มีทั้งความทรงจำ ความฟุ้งฝัน และการทบทวนความรู้สึกของตัวเอง (แต่ TIME แนะนำว่าภาพสวย ควรค่ากับการซื้อเก็บ)
8. The Meaning of Michelle เขียนโดย Veronica Chambers
รวมเล่มบทความเกี่ยวกับ Michelle Obama สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่เป็นแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกของสหรัฐฯ ตั้งแต่เรื่องแฟชั่น ความเป็นแม่และภรรยา บทสนทนาของเธอที่สื่อสารถึงเรื่องชนชั้น ชาติพันธุ์ ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นผู้หญิง รวมถึงสิ่งที่คนอเมริกันและคนทั้งโลกได้เรียนรู้จากเธอ
9. The Evangelicals เขียนโดย Frances Fitzgerald
คำอธิบายของของคริสต์นิกายย่อย Evangelicalism บทบาทของพวกเขาที่เกี่ยวข้องกับสังคม การเมือง และการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญๆ ของพวกเขาในหน้าประวัติศาสตร์
10. The Vanity Fair Diaries เขียนโดย Tina Brown
เรื่องราวสุดเข้มข้น (และดราม่า) ของวงการนิตยสารในนิวยอร์ก ที่เต็มไปด้วยการเมือง ความอลหม่าน การหลอกลวง และการแทงข้างหลัง กว่าจะมาเป็นนิตยสาร Vanity Fair แบบทุกวันนี้ แถมด้วยเรื่องราวเบื้องหลังปกดังๆ และการต่อสู้ Tina Brown ผู้หญิงที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลจากบ้านมาเพื่อทำให้นิตยสารเล่มนี้มีชีวิตขึ้นมา
Top 10 Novels of 2017
1. Sing, Unburied, Sing เขียนโดย Jesmyn Ward
เป็นเรื่องความพยายามในการต่อสู้กับความพังทลายของครอบครัวแอฟริกัน-อเมริกันในเมืองชนบทของสหรัฐฯ ที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหามากมายและซับซ้อนทั้งจากตัวบุคคลเองและจากสังคม Jesmyn Ward ได้ทำให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ การวิพากษ์ของสังคม ข้อจำกัดจากโครงสร้างและอำนาจ รวมไปถึงการเหยียดเชื้อชาติในเรื่องนี้
2. White Tears เขียนโดย Hari Kunzru
นิวยอร์กเกอร์ผู้คลั่งไคล้ดนตรี แกล้งอัดเพลงหลอกคนในอินเทอร์เน็ตว่าเป็นเทปของศิลปินดังที่สูญหายไปเมื่อร้อยปีที่แล้ว กลับกลายเป็นว่าพวกเขาถูกลากเข้าไปในเรื่องราวอันน่ากลัว ที่มีทั้งผี ปริศนาฆาตกรรม การแก้แค้น ความอิจฉาริษยา และความโลภของมนุษย์
3. Transit เขียนโดย Rachel Cusk
จริงๆ นี่เป็นเล่มที่สองในไตรภาค Outliner เล่าถึงชีวิตหลังครอบครัวแตกแยก ที่แม่และลูกๆ ต้องไปเริ่มตั้งต้นใหม่ในลอนดอน การเปลี่ยนผ่านทั้งในเรื่องของตัวตน วิถีชีวิต และจิตใจ ถูกเล่าผ่านบทสนทนาของแม่ผู้ที่พยายามประกอบสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ และสร้างโลกใบใหม่ให้ลูกของเธอ
4. Manhattan Beach เขียนโดย Jennifer Egan
นิยายที่ใช้ฉากสงครามโลกครั้งที่สอง เล่าเรื่องของ Anna Kerrigan ผู้หญิงแกร่งที่ทำงานเยี่ยงผู้ชาย เป็นนักดำน้ำหญิงคนแรกที่ดำลงไปซ่อมเรือรบของสหรัฐฯ เป็นผู้ดูแลแม่และน้องสาวพิการ ขณะเดียวกันก็ต้องตามสืบเรื่องของพ่อที่หายตัวไปในระหว่างสงคราม
5. Lincoln in the Bardo เขียนโดย George Saunders
นิยายที่เอาเรื่องจริงอย่างการตายของลูกชายประธานาธิบดี Lincoln มาผูกเข้า Bardo พื้นที่กึ่งกลางระหว่างชีวิตและการเกิดใหม่ตามคติความเชื่อของชาวทิเบต ท่ามกลางบรรยากาศของ Civil War ภาษาและท่าทีการเขียน ชวนให้คิดวกไปวนมาระหว่างการมีชีวิตและความตาย รวมถึงระหว่างเรื่องจริงและเรื่องแต่ง
6. Exit West เขียนโดย Mohsin Hamid
เรื่องราวความรักที่ปะทุขึ้นพร้อมกับสงคราม และทางรอดเดียวของคู่พระเอกนางเอก (รวมถึงผู้คนในเมืองนั้น) ก็คือต้องอพยพไปที่เมืองฝั่งตะวันตก ซึ่งผู้คนในเมืองนั้นไม่เต็มใจต้อนรับ
7. The Changeling เขียนโดย Victor LaValle
แม่ทุกคน(น่าจะ)รักลูก แต่แม่บางคนอาจเกิดอาการสงสัยว่าลูกที่เกิดมานี่เป็นตราบาปที่ติดตัวหรือเปล่า? เหมือนกับพล็อตหลักในเรื่องนี้ ที่ Emma Valentine เกิดความรู้สึกประหลาดกับลูกที่เพิ่งคลอดของตัวเอง TIME ชื่นชมว่านิยายเล่มนี้ ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นพ่อแม่ อคติทางชาติพันธุ์ และความไม่น่าไว้วางใจของเทคโนโลยีไว้อย่างแยบยล
8. The Ninth Hour เขียนโดย Alice McDermott
เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะมีลูก แต่สามีฆ่าตัวตาย เธอได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาแม่ชีของ The Little Nursing Sisters of the Sick Poor สถาบันทางศาสนาเพื่อดูแลผู้หญิง จนเธอกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง นิยายเล่มนี้พยายามสื่อสารถึงความรัก คุณความดี และความสัมพันธ์ต่อสถาบัน (แม่ชี) กับผู้คน
9. Days Without End เขียนโดย Sebastian Barry
ชีวิตของ Thomas McNulty ผู้อพยพหนีความอดอยากจากไอร์แลนด์ไปยังสหรัฐฯ และได้พบกับ John Cole ซึ่งกลายเป็นเพื่อนคู่คิดและใช้ชีวิตจนผ่านสงครามอย่าง Indian Wars และ American Civil War ไปด้วยกัน
10. New People เขียนโดย Danzy Senna
เล่มนี้เป็นเล่มที่ TIME บอกว่าทั้งเข้าอกเข้าใจและจิกกัดไปพร้อมๆ กัน เป็นเรื่องของคู่รักชาติผสม (Multiracial) Khalil และ Maria ที่กำลังจะแต่งงานกัน แต่ดูเหมือนว่าทั้งคู่ก็ยังตั้งคำถามกับความแตกต่างและหลากหลายที่ตัวเองเป็น รวมถึงระหว่างตัวเองและคนรอบข้างด้วย
Top 10 Young Adult and Children’s Books of 2017
1. Here We Are: Notes for Living on Planet Earth เขียนโดย Oliver Jeffers
โลกคืออะไร? เราอยู่ตรงไหนของจักรวาล? ภาพประกอบและเรื่องเล่าในหนังสือเล่มนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้เด็กๆ ได้สำรวจและตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับโลกใบที่เราอยู่
2. Blue Sky White Stars เขียนโดย Sarvinder Naberhaus (Author) ภาพประกอบโดย Kadir Nelson
หนังสือภาพสวยๆ ที่ดึงเอาองค์ประกอบของธงชาติสหรัฐฯ มาเล่าเรื่องเกี่ยวกับภูมิประเทศและผู้คน
3. Over and Under the Pond เขียนโดย Kate Messner ภาพประกอบโดย Christopher Silas Neal
เรื่องและภาพสวยๆ ของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ที่เล่าผ่านแม่ลูกที่พายเรือไปในบ่อเพื่อหาสัตว์น้ำมาใช้เป็นอาหาร
4. Nevermoor: The Trials of Morrigan Crow เขียนโดย Jessica Townsend
Morrigan Crow เป็นเด็กสาวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นในเมือง เธอกำลังจะถูกส่งตัวไปยัง Nevermoor ที่ที่เธอจะต้องเข้าแข่งขันเพื่อเข้ารวมคลับของเด็กที่มีความสามารถ ปัญหาคือ.. เธอไม่มีความสามารถอะไรเลย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ว่ากันว่าจะไปได้ดีเหมือน Harry Potter และกำลังถูกเอาไปทำเป็นภาพยนตร์
5. The Stars Beneath Our Feet เขียนโดย David Barclay Moore
พี่ชายของ Lolly ถูกลูกหลงจากการยิงกันของแกงค์จนเสียชีวิตไม่กี่วันก่อนคริสต์มาสมาถึง ในวันคริสต์มาส Lolly ที่ไม่มีอารมณ์จะฉลองก็นั่งต่อเลโก้ที่เพื่อนของแม่เขาให้มา แล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น นี่ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่กำลังจะกลายเป็นภาพยนตร์เร็วๆ นี้
6. I Am Not Your Perfect Mexican Daughter เขียนโดย Erika L. Sánchez
คอนเซ็ปต์ของผู้หญิงเม็กซิกันคือต้องอยู่บ้าน ทำตัวตามขนบ และช่วยพ่อแม่ทำงาน แต่ Julia ไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงเม็กซิกันที่เลิศเลอตามขนบแบบ Olga พี่สาวของเธอ เธออยากหนีไปชิคาโก้ หรือไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก แต่แล้วเมื่อพี่สาวเธอเสียชีวิตในอุบัติเหตุ เธอกลับค้นพบว่า Olga เป็นอะไรมากกว่าพี่สาวและลูกสาวแสนดีที่เธอเห็น
7. Moxie เขียนโดย Jennifer Mathieu
Viv Carter พยายามต่อสู้กับการคุกคามทางเพศในโรงเรียนมัธยม Texas ด้วยการทำ Moxie หนังสือเล่มเล็กไม่ระบุชื่อคนทำ ร่อนไปทั่วโรงเรียนเพื่อปลุกกระแสเฟมินิสต์ขึ้นมา
8. History Is All You Left Me เขียนโดย Adam Silvera
Griffin ค้นพบตัวตนของตัวเองเมื่อตกหลุมรัก Theo เพื่อนของเขา แม้จะมีเหตุให้เลิกรากันไป แต่ Griffin ก็หวังจะกลับมาคบและรักกันใหม่เสมอ แต่แล้ว Theo ก็เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน Griffin จึงต้องมองหาความหวังสำหรับอนาคตใหม่
9. Turtles All the Way Down เขียนโดย John Green
คุ้นชื่อคนเขียนกันบ้างไหม? นี่คือผลงานเล่มใหม่จากผู้เขียน The Fault in Our Stars และ Paper Towns เล่มนี้เขามาพร้อมกับการตามหาความจริงของ Aza Holmes ที่ดันไปตกหลุมรักกับลูกชายของอาชญากร และเธอก็ต้องสืบเสาะเรื่องราวไปพร้อมกับต่อสู้กับโรควิตกกังวลและอาการ OCD ของเธอ
10. The Hate U Give เขียนโดย Angie Thomas
Starr Carter เป็นพยานคนเดียวในคดียิงตำรวจที่เพื่อนของเธอถูกกล่าวหาทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำ เหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ทำให้ความทรงจำในโลกของคนขาวและคนผิวสีของเธอตีกันมั่วไปหมด แต่เธอต้องจัดการมันให้ได้ก่อนที่จะขึ้นให้การ หนังสือเล่มนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่แสดงถึง Black Lives Matter movement หรือกระแสที่ต่อต้านความรุนแรงอันเกิดจากอคติทางชาติพันธุ์ของคนผิวดำ
อ้างอิงจาก
http://time.com/5029600/top-10-non-fiction-books-2017
http://time.com/5028161/top-10-novels-2017
http://time.com/5028652/top-10-young-adult-childrens-books-2017
Illustration by Namsai Supavong