แฟรนไชส์หนัง ‘คนเรียกผี’ หรือ The Conjuring กลับมาสร้างความสะพรึงกลัวอีกครั้ง และคราวนี้จะเป็นการปิดจบเรื่องราวที่อ้างอิงจากเรื่องจริงอันโด่งดังของ เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน สองคู่สามีภรรยานักปีศาจวิทยา การันตีว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ นะด้วยชื่อหนัง ‘คนเรียกผี พิธีกรรมครั้งสุดท้าย’ (The Conjuring: Last Rites, 2025)
หากนับวันเวลาจักรวาล The Conjuring ได้สร้างความสยองขวัญให้กับคนดูมาเป็นเวลา 12 ปี อาจจะไม่ได้อยู่มายาวนานหากเทียบกับแฟรนไชส์ใหญ่ๆ เช่น Marvel Cinematic Universe (MCU) หรือ Star Wars แต่จักรวาลคนเรียกผีก็มีหนังภาคแยกที่เชื่อมโยงถึงกันและสามารถยืนระยะได้ด้วยตัวเอง
ต่อจากนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เรียงลำดับตามปีของจักรวาล The Conjuring ก่อนที่เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน จะทำพิธีกรรมครั้งสุดท้าย
*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของจักรวาล The Conjuring*

ก่อนความสยองขวัญจะเริ่มต้น
ปี 304: ‘เซนต์ลูซี’ บรรพบุรุษของ ‘ซิสเตอร์ไอรีน’ และ ‘ลอร์เรน วอร์เรน’ ที่สามารถมองเห็นละต่อสู้กับปีศาจได้ ก่อนตายเซนต์ลูซีโดนแทงลูกตา ครอบครัวของเธอเก็บลูกตาไว้เป็นของศักดิ์สิทธิ์
ยุคมืด (Dark Ages): ดยุคแห่งเซนต์คาร์ตาสร้างโบสถ์หลังใหญ่และเขียนตำราทำพิธีต้องห้าม นรกใช้เขาให้เปิดประตูพาปีศาจมายังโลกมนุษย์ แต่ศาสนจักรรู้ทันและใช้เลือดศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูปิดประตูนรก และกำหนดให้ต้องมีแม่มาสวดมนต์ที่ประตูอยู่เสมอ ห้ามขาดตอนโดยเด็ดขาด
ปี 1863: ‘จัดสัน เชอร์แมน’ และ ‘แบทชีบา เชอร์แมน’ สองสามีภรรยาสร้างบ้านของพวกเขา ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน แต่เจ็ดวันหลังจากคลอด แบทชีบาบูชายัญลูกของตัวเอง เธอป่าวประกาศถึงซาตานและสาปแช่งใครก็ตามที่จะยึดครองที่ดินของเธอ ก่อนจะแขวนคอตัวเองหลังจากนั้น
ช่วง 1930s: ศาสนจักรรับอุปการะซิสเตอร์ไอรีนในวัยเด็ก และส่งเสริมให้เธอเป็นแม่ชี
ช่วง 1940s: สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ประตูนรกเปิดอีกครั้ง ปีศาจวาลัคหลุดรอดออกมาและปรากฎตัวในร่างผีแม่ชี
ปี 1944: ‘เอ็ด วอร์เรน’ และ ‘ลอร์เรน วอร์เรน’ พบรักกัน
ปี 1946: ช่างทำของ ‘ซามูเอล มัลลินส์’ สร้างตุ๊กตาตัวหนึ่งขึ้นมา หลังจากลูกสาวอันเป็นที่รักของเขาถูกรถชนเสียชีวิต ซามูเอลและเอสเธอร์ ภรรยาของเขา อธิษฐานให้ลูกสาวกลับมา แต่นั่นกลับเป็นการเรียกปีศาจมาสิงตุ๊กตาแทน ทั้งคู่ขังตุ๊กตาต้องสาปไว้ในบ้าน
ปี 1952, The Nun
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่โบสถ์คาตาร์ในประเทศโรมาเนีย ปี 1952 แม่ชีคนหนึ่งฆ่าตัวตายอย่างเป็นปริศนาด้วยการแขวนคอตัวเอง วาติกันจึงส่ง ‘หลวงพ่อเบิร์ก’ และ ‘ซิสเตอร์ไอรีน’ ไปสืบสวน เมื่อเดินทางไปถึง ทั้งคู่ได้พบกับ ‘เฟรนชี’ ชายหนุ่มที่พบศพแม่ชีคนแรก เขานำทางทั้งคู่ไปยังโบสถ์
เมื่อมาถึง ทั้งสามต้องพบเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ร่องรอยของการทรมาน และเสียงกระซิบอันน่ากลัว ต่อมาซิสเตอร์ไอรีนก็ได้รู้ว่าพลังงานชั่วร้ายที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่คือปีศาจนามว่า ‘วาลัค’
วาลัคพยายามหลอกล่อให้หลวงพ่อเบิร์กและซิสเตอร์ไอรีนทำตามแผนการของมัน เพื่อที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการและออกไปสู่โลกภายนอก วาลัคจู่โจมหลวงพ่อเบิร์กและซิสเตอร์ไอรีนจนเกือบตาย แต่โชคยังดีที่ซิสเตอร์ไอรีนใช้เลือดศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเอาชนะวาลัคได้สำเร็จ แต่ในตอนสุดท้ายวาลัคกลับหาทางเข้าไปสิงอยู่ในร่างของเฟรนชี่ เขาคือคนที่ในภายหลังจะใช้ชื่อว่า ‘มอริส’ และจะได้พบกับลอร์เรน วอร์เรนในอนาคต
ปี 1956, The Nun II
สี่ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก เกิดเหตุการณ์ประหลาดในฝรั่งเศส เมื่อพระหลายรูปตายอย่างสยดสยอง การสืบสวนครั้งนี้จะเป็นหน้าที่ของใครไม่ได้นอกจากซิสเตอร์ไอรีน พร้อมกับ ‘ซิสเตอร์เดบรา’ ซิสเตอร์ไอรีนเชื่อว่าปีศาจวาลัคกลับมาอีกครั้ง และสิ่งที่มันกำลังตามหาคือดวงตาของเซนต์ลูซี
การสืบสวนพาไอรีนไปพบกับเฟรนซี (มอริส) อีกครั้ง เขาทำงานอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งและยังคงไม่รู้ตัวว่าเขาคือพาหะที่วาลัคสิงสู่ วาลัคใช้งานเฟรนซีสร้างความโกลาหลให้เกิดขึ้นในโรงเรียน
ไอรีนและเดบราค้นพบดวงตาศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ และใช้มันในการต่อสู้กับวาลัค แต่ปีศาจมีพลังมหาศาลจนเกือบจะชนะไอรีน แต่ทันใดนั้น ไอรีนได้รู้ว่าเธอสืบเชื้อสายจากเซนต์ลูซี ก่อนจะใช้พลังที่มีขับไล่วาลัค
แต่ถ้าคิดว่าวาลัคจะโดนปราบแบบ 100% แล้วล่ะก็ …คุณคิดผิด! เพราะมอริสที่ถูกวาลัคสิงยังมีชีวิตรอด
ปี 1958, Annabelle: Creation
12 ปี หลังจาก เหตุการณ์ที่ซามูเอลและเอสเธอร์ มัลลินส์สูญเสียลูกสาว และเผชิญหน้ากับปีศาจ ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดบ้านเด็กกำพร้าหลายคนและซิสเตอร์ชาร์ลอตต์เข้ามาพักอาศัย
เรื่องสยองขวัญเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่สองเด็กกำพร้า ลินดาและเจนิส ไปพบกับตุ๊กตาแอนนาเบลในห้องที่ถูกปิดตายไว้ ตุ๊กตาแอนนาเบลกลายเป็นพาหะของวิญญาณร้ายที่ทรงพลังและคอยหลอกหลอนคนในบ้าน เจนิสถูกวิญญาณเข้าสิง ทำให้ทุกคนต้องหนีเอาตัวรอด
ซิสเตอร์ชาร์ลอตต์และเด็กๆ ที่เหลือเอาชีวิตรอดมาได้ ส่วนเจนิสที่หายตัวไปพร้อมกับตุ๊กตาแอนนาเบล และหนีไปอยู่กับครอบครัวใหม่ พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น ‘แอนนาเบล ฮิกกินส์’ เธอจะโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในสมาชิกลัทธิบูชาปีศาจ
ปี 1970, Annabelle
‘จอห์น ฟอร์ม’ ซื้อตุ๊กตาหายากเป็นของขวัญให้ ‘มีอา’ ภรรยาที่กำลังตั้งท้อง ในคืนหนึ่ง เพื่อนบ้านของทั้งคู่ถูกฆ่าโดยสมาชิกของลัทธิบูชาปีศาจ หนึ่งในนั้นคือแอนนาเบล ฮิกกินส์ที่ฆ่าตัวตายโดยกอดตุ๊กตาเอาไว้ ทำให้ปีศาจเข้าสิงตุ๊กตาแอนนาเบลโดยสมบูรณ์
หลังจากนั้น เหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็เริ่มเกิดขึ้นรอบตัวจอห์นและมีอา ทั้งเสียงกรีดร้องปริศนา ของในบ้านที่เคลื่อนที่ได้เอง และการปรากฏตัวของวิญญาณชั่วร้ายที่ต้องการวิญญาณของเด็กทารกในครรภ์ของมีอา
และแล้วมีอาก็ให้กำเนิดลูกสาวชื่อ ‘ลีอา’ ปีศาจยังคงต้องการวิญญาณของลีอา ทั้งจอห์นและมีอาขอความช่วยเหลือจากทั้งตำรวจและบาทหลวง แต่ก็ไม่สำเร็จ ปีศาจแข็งแกร่งเกินไป ในที่สุด ‘เอเวลิน’ เพื่อนบ้านของทั้งสองจึงยอมเสียสละตัวเองโดยโยนตัวออกไปตายพร้อมกับตุ๊กตา เพื่อช่วยมีอาและลูก
สุดท้าย ตุ๊กตาแอนนาเบลหายไปจากครอบครัวฟอร์ม และปรากฏตัวอีกครั้งในร้านขายของมือสอง ก่อนที่นักสะสมจะซื้อไป
ปี 1971, The Conjuring
ถึงคราวเรื่องราวของ 2 นักปีศาจวิทยาอย่างเอ็ดและลอร์เรน วอร์เรนกันบ้าง ในตอนต้นระหว่างการบรรยายคดี ลอร์เรนได้เปิดวิดีโอฟุตเทจการเผชิญหน้ากับปีศาจที่สิงอยู่ในตัวของชายชาวฝรั่งเศส ซึ่งคนคนนั้นคือ ‘มอริส’
ทั้งคู่ได้รับมอบหมายให้ไปช่วยเหลือครอบครัวเพอร์รอนที่เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่เฮริกวิลล์ รัฐโรดไอแลนด์ ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เริ่มคุกคามชีวิตของพวกเขา
ต่อมา เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน พบว่าวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ในบ้านหลังนี้คือ แบทชีบา เชอร์แมน แม่มดที่ฆ่าลูกตัวเองและแขวนคอตายเมื่อนานมาแล้ว วิญญาณร้ายแบทชีบาเข้าสิงร่าง ‘แคโรลิน’ แม่ของครอบครัวเพอร์รอน และพยายามจะฆ่าลูกของเธอ
เอ็ดและลอร์เรนตัดสินใจทำพิธีไล่วิญญาณทันทีแม้ไม่ได้รับอนุญาตจากโบสถ์ พวกเขาเอาชนะวิญญาณร้าย และช่วยให้แคโรลินกลับมาควบคุมตัวเองได้ เอ็ดและลอร์เรนเก็บกล่องดนตรีจากคดีนี้ไว้ในห้องเก็บวัตถุอาถรรพ์
ปี 1972, Annabelle Comes Home
กลับมาเจอกับตุ๊กตาแอนนาเบลอีกครั้ง เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน นำตุ๊กตาแอนนาเบลกลับมาเก็บไว้ในห้องเก็บวัตถุอาถรรพ์ที่บ้านของพวกเขา เพื่อป้องกันไม่ให้ตุ๊กตาตัวนี้ไปทำร้ายใครได้อีก มันถูกเก็บไว้ในตู้กระจกที่ผ่านการปลุกเสก
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อเอ็ดและลอร์เรนต้องออกนอกเมือง ปล่อยให้ จูดี วอร์เรน ลูกสาวของทั้งคู่ อยู่กับพี่เลี้ยง แมรี เอลเลน ต่อมา ดาเนียลา เพื่อนของแมรี ได้ปลุกตุ๊กตาแอนนาเบลให้ตื่นขึ้น รวมถึงวิญญาณร้ายตัวอื่นๆ บ้างทั้งหลังกลายเป็นนรกของทั้งสามคน
สุดท้าย ทั้งสามก็สามารถนำตุ๊กตาแอนนาเบลกลับไปเก็บในห้องเก็บของได้สำเร็จก่อนเอ็ดและลอร์เรนจะกลับมา
ปี 1977, The Conjuring 2
ภาคนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น 6 ปี หลังจาก The Conjuring ภาคแรก เอ็ดและลอร์เรนเดินทางไปลอนดอนเพื่อช่วยครอบครัวฮอดจ์สัน โดยเฉพาะ ‘เจเน็ต’ ลูกสาวคนเล็กที่เริ่มพูดด้วยเสียงแปลกๆ และลอยตัวต่อหน้าคนอื่น
ลอร์เรนมารู้ว่าวิญญาณที่กำลังตามหลอกหลอนอยู่นั้นไม่ได้มีแค่ ‘บิลล์ วิลกินส์’ แต่ยังมีปีศาจที่น่ากลัวและทรงพลังยิ่งกว่านั้นซ่อนอยู่ นั่นคือวาลัค ในฉากสุดท้าย ลอร์เรนได้เผชิญหน้ากับวาลัคและขับไล่ได้สำเร็จด้วยการเรียกชื่อของมัน ทำให้ครอบครัวฮอดจ์สันปลอดภัย
ปี 1981, The Conjuring: The Devil Made Me Do It
เอ็ดและลอร์เรนได้เดินทางไปช่วยเหลือ ‘อาร์นี เชส’ ชายหนุ่มที่อ้างว่าตัวเองถูกปีศาจสิงร่างและทำให้เขาลงมือฆาตกรรม ความยากของคดีนี้คือการที่เอ็ดและลอร์เรนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีปีศาจที่สิงร่างอาร์นีอยู่จริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่อาร์นีคิดขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอดจากความผิด
การสืบสวนคดีนี้ทำให้เอ็ดและลอร์เรนต้องเผชิญหน้ากับพลังงานปีศาจที่ทรงพลังมาก ทั้งคู่พบว่าปีศาจที่สิงร่างอาร์นีเป็นผลมาจากการทำพิธีกรรมบูชาซาตาน ซึ่งมีต้นตอมาจากหญิงคนหนึ่งที่ต้องการจะนำวิญญาณคนอื่นมาสังเวยให้กับซาตาน
ในฉากสุดท้าย เอ็ดและลอร์เรนได้เผชิญหน้ากับหญิงที่ทำพิธีกรรมบูชาซาตาน และสามารถทำลายปีศาจที่สิงร่างของเธอได้สำเร็จ เธอเสียชีวิตและปีศาจก็ถูกทำลายไปในที่สุด นำไปสู่การปิดคดีนี้อย่างสมบูรณ์และช่วยอาร์นีให้พ้นจากการถูกลงโทษ
ปี 1986, The Conjuring: Last Rites
มาถึงพิธีกรรมครั้งสุดท้ายของเอ็ดและลอร์เรนในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ กับเรื่องราวคดีสุดเฮี้ยนของครอบครัวสเมิร์ล ซึ่งอาศัยอยู่ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ถูกปีศาจหลอกหลอนเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ทั้งกลิ่นเหม็นประหลาด สิ่งของขยับย้ายที่ และเสียงปริศนา
ครั้งนี้ลอร์เรนพบว่ามีปีศาจตนหนึ่งที่ทั้งเธอและเอ็ดเคยเผชิญหน้ามาก่อนอาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวสเมิร์ล มันคือปีศาจที่พวกเขาไม่สามารถปราบลงได้ และต้องหนีเอาตัวรอด การเจอกันอีกครั้งก็นับว่าเหมาะสมที่จะเป็นพิธีกรรมครั้งสุดท้ายของทั้งคู่
อ้างอิงจาก