หนุ่มป็อปร่าเริงใจดี หนุ่มขี้เล่นที่ชอบแกล้งให้ใจตึกตัก รุ่นพี่สุดเข้มงวด รุ่นน้องขี้อายสุดน่ารัก หรือเพื่อนสมัยเด็กชอบกวนประสาท เอาละ หนุ่มคนไหนนะที่จะได้หัวใจเธอไปครอง!
ไม่เพียงแต่ต้องเลือกหนุ่มที่ตรงไทป์ แต่เหตุการณ์ชวนใจเต้นตึกตักเองก็มีมากมาย อย่างสถานการณ์ที่ต้องเลือกคำตอบ ในบ่ายวันหนึ่ง ที่เขา (หนุ่มตรงไทป์คนนั้น) ชวนเราออกมาเจอกันที่สวนสาธารณะ จู่ๆ อีกฝ่ายก็สังเกตว่าหน้าของเราเริ่มแดง เขาจึงถามอย่างเป็นห่วง เพราะอากาศร้อนเลยทำให้เธอไม่สบายหรือเปล่า เราเลยตอบว่า
หนึ่ง สงสัยตื่นเต้นเพราะได้เจอนายละมั้ง (ยิ้ม)
สอง เพราะว่าอากาศร้อนหรอกน่า (หลบหน้า)
หรือสาม เสียสติไปแล้วเหรอ หน้าฉันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว (โกรธ)
แต่ไม่ว่าจะเลือกคำตอบไหน เราก็จะได้รอยยิ้มแสนอ่อนโยนกลับมาอยู่ดี ทิ้งไว้ให้เราแอบเขินอยู่เงียบๆ คนเดียว
ถ้าใครคุ้นๆ กับสถานการณ์ที่เรายกตัวอย่าง เดาถูกแล้ว เพราะนี่คือรูปแบบทั่วไปของเกม ‘โอโตเมะ (otome)’ หรือเกมจีบหนุ่มที่หลายคนรู้จัก หากใครเคยได้ลองเล่นเกมประเภทนี้มาบ้าง คงเข้าใจดีว่าการเกมเนื้อเรื่องประเภทนี้แม้ไม่ได้ซับซ้อน แต่ก็ชวนให้เราติดงอมแงม ไม่ว่าจะเป็นเพราะหนุ่มหล่อลายเส้นสุดละมุน หรือสถานการณ์ชวนใจเต้นตึกตัก สุดท้ายเราก็เอาใจลงไปเล่น (เกม) ผูกพันกับตัวละครจนหยุดเล่นไม่ได้ แถมบางทีก็แอบฟินมือจิกหมอน เผลอนั่งเหยินอยู่คนเดียวแบบไม่รู้ตัว
บ้าจริง นี่เราเป็นอะไรไป อะไรทำให้เราหลงรักเกมโอโตเมะได้ขนาดนี้? เกมแนวนี้มีผลกับใจเรายังไงกันแน่นะ?
เกมจีบหนุ่มทำงานกับใจเรายังไง
ท่ามกลางเกมมากมายในตลาดที่กลุ่มเป้าหมายหลักยังคงเป็นผู้ชาย หนึ่งในนั้นก็มีเกมที่เอาใจสาวๆ อยู่ด้วย นั่นคือเกมโอโตเมะ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเกมจีบหนุ่ม
โอโตเมะ มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่าหญิงสาว หรือสาวโสด ซึ่งโอโตเมะเกมแรกสร้างโดย เคโกะ เอริกาวะ (Keiko Erikawa)ผู้ร่วมก่อตั้งค่ายเกม Koei หลังจากที่เห็นว่าเกมส่วนใหญ่มักเน้นผู้ชายเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เธอจึงเริ่มทำเกม Angelique (1994) สำหรับเล่นในซูเปอร์แฟมิคอม
โดยทั่วไปเกมประเภทนี้มักมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความรักโรแมนติก ออกแบบมาให้โดนใจเด็กสาว ด้วยการจำลองสถานการณ์ความสัมพันธ์ ระหว่างเราซึ่งเป็นผู้เล่น สวมบทบาทเป็นตัวละครหญิง กับเหล่าตัวละครชายหลากหลายคาแรกเตอร์ เป้าหมายคือออกเดทกับกับตัวละครเหล่านี้ 1 คน หรือมากกว่านั้น
นับตั้งแต่ 1994 จนถึงตอนนี้เกมโอโตเมะก็ยังเป็นเกมที่ได้รับความนิยมอยู่ตลอด แถมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ด้วย นอกจากความสนุกของเนื้อเรื่องในเกมแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เราหลงรักเกมประเภทนี้คงเป็นการทำให้เรารู้สึกเหมือนว่า กำลังสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมาจริงๆ
จากงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Media and Communication Research เกี่ยวกับการสร้างประสบการณ์ความรักในโลกเสมือนจริงของเกมโอโตเมะ อธิบายว่าเกมประเภทนี้ ช่วยสร้างโลกในจินตนาการเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สำรวจบทบาทและอิทธิพลของผู้หญิงภายในเกม เพราะผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเป็นผู้หญิง ที่มีการตัดสินใจเลือกว่าจะกระทำการใดในเกม ซึ่งแต่ละทางเลือกก็ส่งผลต่อเนื้อเรื่องต่างกันไป และเมื่อบวกกับเนื้อเรื่อง หรือตัวละครที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ก็ยังทำให้ผู้หญิงจินตนาการหน้าตาความสัมพันธ์ และตัวละครที่ตัวเองชื่นชอบได้ด้วย
สอดคล้องกับงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Computers in Human Behavior อธิบายว่าเกมโอโตเมะที่เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับตัวละคร หรือพัฒนาความผูกพันในเกม ก็นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์แบบ Parasocial Interaction หรือความสัมพันธ์ด้านเดียวที่บุคคลสมมติหรือคนที่พบในสื่อ โดยเฉพาะในบริบทเกมจีบหนุ่ม ยิ่งเอื้อให้คนเล่นสร้างความสัมพันธ์เชิงโรแมนติก หรือคิดว่าตัวละครในเกมเป็นเหมือนแฟนหนุ่มของเราคนหนึ่ง โดยผลการสำรวจพบว่ายิ่งผู้เล่นสร้างความสัมพันธ์แบบข้างเดียวกับตัวละครแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลงรักตัวละครมากเท่านั้น
เมื่อรวมเข้ากับสภาพสังคมของคนยุคใหม่ จากรายงานของ The Guardian ที่พบว่าคนรุ่นใหม่มักถูกเรียกว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่รู้สึกเหงาและวิตกกังวล จากการมาถึงของโซเชียลมีเดียที่ทำให้ผู้คนรู้สึกแปลกแยก เกมโอโตเมะจึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างได้พอดี โดยมีผลสำรวจผู้เล่นเกม Love and Deepspace จาก CNG Game พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 50% ให้ความสำคัญกับเกมนี้เพราะให้ การสนับสนุนทางอารมณ์ (emotional support) ก็สะท้อนความต้องการของคนยุคนี้ได้อย่างดี
ดังนั้นอาจไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายๆ คนจะรักเกมประเภทนี้ เพราะนอกจากเป็นพื้นที่ในจินตนาการ ปลอดภัยจากการสร้างความสัมพันธ์จริงแล้ว ยังช่วยให้กำลังใจเราในวันที่เหนื่อยล้าด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนพร้อมจะตามใจเราเหมือนหนุ่มในเกมเหล่านี้ได้นี่นา
เทคโนโลยีเปลี่ยน หน้าตาของเกมก็เปลี่ยนไป
นอกจากความผูกพันของผู้เล่นแล้ว ตัวเกมเองก็ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กับผู้เล่นที่เปลี่ยนไปทุกวันด้วยเช่นกัน จากเดิมที่เป็นเกมเฉพาะกลุ่มจากฝั่งญี่ปุ่น ที่ส่วนใหญ่มักอยู่ในคอนโซลหรือคอมพิวเตอร์เป็นหลัก จนกระทั่งเกมจีบหนุ่มถูกพัฒนาลงมือถือ ก็ทำให้เกมประเภทนี้เข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น จนกลายเป็นเกมที่หลายคนคุ้นเคยกันดี
ซวี เจีย (Xu Jia) นักวิจัยเกมได้แสดงความเห็นในบทความของ sixthtone นิตยสารของจีน อธิบายถึงจุดเด่นของเกมโอโตเมะในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงจากอดีตอย่างมาก โดยเฉพาะเทคโนโลยีและบทบาทของผู้หญิงในเกม
จากเดิมเกมจีบหนุ่มในอดีตมักใช้การวาดตัวละครชายยืนนิ่งๆ พร้อมเสียงพากย์เพื่อเพิ่มอรรถรส แต่เกมยุคใหม่ๆ เช่น Light and Night หรือ Love and Deepspace ปรับโฉมใหม่ด้วยการใช้โมเดล 3D ทำให้ตัวละครชายเคลื่อนไหวได้อย่างสมจริง ราวกับมีชีวิต บวกกับเนื้อเรื่องของเกมที่เพิ่มลูกเล่นเข้ามามากขึ้น จากเดิมที่เน้นเรื่องรักบริสุทธิ์ ก็เริ่มเพิ่มเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้นสำหรับผู้ใหญ่ รวมถึงเนื้อเรื่องอื่นๆ เช่น การสร้างโลกแฟนตาซีเนื้อเรื่องซับซ้อน เพื่อดึงดูดผู้เล่นใหม่ๆ ที่ถึงจะไม่ได้สนใจเรื่องรักโรแมนติก แต่ก็ยังมีเนื้อหาน่าตื่นเต้นให้ติดตาม
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ บทบาทของตัวเอกหญิงในเกมก็เปลี่ยนแปลงไปมาก ในอดีต ตัวละครหลักมักเป็นคนธรรมดา สาวออฟฟิศหน้าตาน่ารักที่ต้องเลือกว่าจะลงเอยกับหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนไหน แต่ในเกมโอโตเมะยุคใหม่ ตัวละครหญิงสามารถเป็นอะไรก็ได้ ตั้งแต่เจ้าหญิงปลอมตัวเป็นชาย เป็นฮันเตอร์ต่อสู้กับอสูรร้าย ไปจนถึงนักเดินทางข้ามจักรวาล ซึ่งก็สะท้อนถึงผู้หญิงในปัจจุบันที่สามารถเลือกเส้นทางของตัวเองได้
อย่างไรก็ตามนักวิจัยเกมก็ได้เพิ่มควรระวังจากเกมประเภทนี้อยู่บ้าง บางครั้งอาจทำให้เรามีภาพจำผิดๆ ไปใช้กับความสัมพันธ์จริง เพราะโครงสร้างของเกมมักเน้นให้ผู้เล่นควบคุมพฤติกรรมของตัวละครได้หากยอมจ่ายเงิน ซึ่งอาจทำให้เราเคยชินกับการควบคุมอีกฝ่ายได้ตามใจ จนอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ในชีวิตจริงได้ โดยต้องไม่ลืมว่าอีกฝ่ายก็มีความรู้สึก ที่ไม่สามารถบังคับให้อีกฝ่ายคิดหรือทำแบบที่เราต้องการได้เสมอไป
ไม่แน่ว่าการพัฒนาเกมให้สมจริงขึ้นเรื่อยๆ เกมจีบหนุ่มอาจเป็นรูปแบบหนึ่งของความสัมพันธ์ในอนาคตก็ได้ แล้วทุกคนละ มีสเป็คในใจเป็นแบบไหนกันบ้าง
อ้างอิงจาก