Divine ผู้กรุยทางสาย trashy มาตั้งแต่ยุค 70s และถ้าหากยังไม่ตาย เธอน่าจะกลายเป็นเกย์เฒ่าที่ต่ำตมและคูลที่สุดในโลก ณ ตอนนี้
Drag queen, Divine (Photo by Tom Gates/Hulton Archive/Getty Images)
ดีไวน์คือต้นกำเนิดของคาแรคเตอร์ Urszula ในการ์ตูน The Little Mermaid เธอถูกสื่อเรียกว่าเป็นคนที่หยาบช้าที่สุด (filthiest) เท่าที่โลกเคยมี แต่แทนที่จะมีคนรักเท่าผืนหนังคนชังเท่าผืนเสื่อ สถานการณ์ของดีไวน์กลับตรงข้ามกัน เธอกลายเป็นไอคอนสายแดรกควีนที่ใช้ความต่ำตมมาสร้างคาแรคเตอร์จนกลายเป็นความ ‘คัลท์’ ที่ยากจะหาใครโค่น โดยมี John Waters ผู้กำกับจอมแทรชชี่แห่งยุคช่วยปลุกปั้น
เรื่องของเรื่องคือวอเตอร์สพบเกย์อ้วนคนหนึ่งในเมือง Baltimore และค้นพบรสนิยมแต่งหญิงอันร้ายกาจภายใต้ร่างใหญ่ยักษ์ วอเตอร์สสนใจทันที และตั้งชื่อให้เพื่อนคนนี้ว่า Divine กับฉายา ‘the most beautiful woman in the world—almost.’ แถมชวนไปเป็นนางเอกหนังของเขาจนโด่งดังในเวลาไม่กี่ปี
ในยุคที่อเมริกาเต็มไปด้วยฮิปปี้แห่งเทศกาล Woodstock หรือสาวกร็อกแอนด์โรลแบบ The Beatles ที่ล้วนดูเท่อย่างสะอาดสะอ้าน ดีไวน์กลับเจิดจ้าในฐานะเกย์อ้วนแต่งหญิงแสดงออก บทบาทที่เธอรับเล่นในหนังซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นของวอเตอร์ส ก็ล้วนต่ำแสบทรวง อย่างเช่น บทนางโจรสาวยั่วเซ็กส์บนทรัคสีฟลามิงโก แถมกินขี้หมาสดๆ ในตอนจบ ลูกสาวเศรษฐีผู้เล่น LSD จนหลอนตาย หรือเลดี้ขี้เมาผู้ถูกล็อบสเตอร์ยักษ์ข่มขืน จนถึงยุคที่เธอผันตัวมาทำดิสโก้โชว์ ความต่ำตมก็ยังไม่สิ้นสุด เช่นการทักทายผู้ชมว่า “โอเค สำหรับค่าตั๋ว 10 เหรียญที่คุณจ่าย ฉันให้ 8 เหรียญเป็นค่าชม และอีก 2 เป็นค่าเยฉันหลังจบงาน”
หลายคนอาจเกิดคำถามว่าดีไวน์เป็นคนสร้างภาพจำว่าว่าตุ๊ด เกย์ หรือแดรกควีนต้องต่ำตมเท่านั้นหรือเปล่า และอะไรกันที่ทำให้คนคนหนึ่งลุกขึ้นมากระทำกับชีวิตตัวเองแบบนี้
ย้อนกลับไปดูที่พื้นเพ ชื่อเดิมของเธอคือ Harris Glenn Milstead เกิดและเติบโตในเมือง Baltimore แห่งรัฐ Maryland โดยเป็นเด็กที่ถูกสปอยล์มาตลอดชีวิต ด้วยความที่แม่ของเธอแท้งลูกไปสองคนก่อนที่ดีไวน์จะถือกำเนิด เมื่อได้ลูกชายมาพ่อแม่จึงประเคนให้ทุกอย่าง เมื่อรักสวยรักงามพ่อแม่ก็เปิดร้านเสริมสวยให้ เมื่ออยากแต่งหญิงพ่อแม่ก็ยังคอยซัพพอร์ตเรื่องค่าใช้จ่าย
ปัญหาใหญ่ข้อเดียวที่ดีไวน์มีกับพ่อแม่คือพวกเขาขุนลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจนอ้วนเกินไป และความอ้วนก็ทำให้เธอถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนจนกลายเป็นพวกขี้อายในช่วงวัยเด็ก
แม้เราไม่อาจล่วงรู้ถึงจิตใจของเธอ แต่สิ่งที่ดีไวน์ตามหา อาจเป็นเพียงพื้นที่ที่จะเป็นตัวเองได้มากกว่าพื้นที่ที่พ่อแม่ของเธอมอบให้ แล้วก็ประจวบเหมาะที่ได้เจอกับวอเตอร์สผู้มีความเชื่อว่า “ปราศจากความหมกมุ่น ชีวิตก็ไร้ความหมาย” วอเตอร์สจึงพาดีไวน์ไปให้สุดทางกับหนังเวียร์ดๆ ทั้งหลายแหล่ของเขา แน่นอนว่าบทที่เธอรับเล่นกลายเป็น controversy และทำให้คนเกลียดในยุคแรกเริ่ม จนดีไวน์ต้องปิดบังเรื่องนี้กับพ่อแม่อยู่หลายปี จึงจะยอมให้แม่ได้ดูหนังที่เขาเล่นก็ปาเข้าไปเรื่องท้ายๆ แล้ว
แต่เมื่อทำต่อไปเรื่อยๆ ตอกย้ำแนวทางจนชัดเจน ในที่สุดเธอก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่าความต่ำตมก็มีความหมายได้ ภายใต้การทดลองกับบทบาทต่างๆ ที่ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม วอเตอร์สและดีไวน์ได้พาผู้ชมไปยังสุดขอบของความเป็นมนุษย์และลองตั้งคำถามกับมัน ซึ่งนี่เองที่อาจเป็นเหตุผลของความต่ำตมที่พึงจะมีในโลกมายา ที่เอาแต่หันด้านดีของมนุษย์มาให้เราเห็นในคราบพระเอกนางเอกทั้งหลายแหล่
ภาพจากหนัง Pink Flamingos
จุดยืนของดีไวน์และวอเตอร์สคือการประกาศให้โลกรู้กลายๆ ว่าพวกเรา trashy ไม่ดีงาม แต่เราเป็นอย่างนี้นี่แหละ พวกเราเท่ได้ด้วย เราไปแฮงค์เอาท์กับพวกนักเขียน beatnik เราร่วมสูบกัญชาไปกับพวก Hippies แถมยังได้ร่วมปาร์ตี้กับตัวแม่แห่งยุคอย่าง Grace Jones อีกต่างหาก ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ในฐานะตัวตลก แต่เป็นฐานะศิลปินคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับเหมือนคนฮิปส์ๆ ทั้งหลาย แม้จะดูชั่วช้า แหกคอก ทุเรศทุรัง ไร้รสนิยมก็เถอะ
ดูเหมือนว่าวอเตอร์สสนุกกับการปั้นคาแรคเตอร์นี้ต่อไปเรื่อยๆ พักหลังๆ เขายิ่งสนับสนุนให้ดีไวน์โชว์ความอ้วนออกมาให้เต็มพิกัด แถมมอบบทประเภทติดอาวุธให้อีก เพื่อให้เธอกลายเป็น ‘the Godzilla of drag queens’ แต่ในขณะเดียวกันวอเตอร์สก็รับรู้ถึงตัวตนจริงของเพื่อนตลอดมา เขายังเคยให้สัมภาษณ์หลังจากที่ดีไวน์ตายไปแล้ว ว่าแท้จริงเธอเป็นคนสุภาพเรียบร้อยมากๆ
และจากบทสัมภาษณ์ของดีไวน์เอง หลังจากที่มีชื่อเสียงถล่มทลายเธอเองก็ไม่ได้แฮปปี้กับคาแรคเตอร์แดรกควีนขนาดนั้น “ส่วนที่ผมชอบที่สุดสำหรับการเป็น drag queen คือตอนที่ไม่ได้ทำมัน เพราะการแต่งหญิงคืออาชีพ และผมก็จะทำเมื่อมีคนจ่ายเงินเท่านั้น”—เขาบอกอย่างนั้น
ถึงจะเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่เราชื่อว่าการ dedicate ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อสวมคาแรคเตอร์ที่ยากจะถอดออก ย่อมมีเหตุผลของมัน และเหตุผลที่ดีไวน์เลือกที่จะต่ำตมจนสุดทาง ก็นับเป็นความบ้าบิ่นเท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะยอมทำ อาจเป็นเพราะความเอามันเอาสนุกหรือเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างก็ตาม เราว่าเขาทำสำเร็จ
อ้างอิง
