ใครได้อ่านผลงานของ Junji Ito สักครั้งหนึ่งแล้ว จะไม่มีวันลบภาพงานของเขาออกจากหัวได้อีกเลย เราเชื่ออย่างนั้น
เขาคือนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญชื่อก้องชาวญี่ปุ่นที่มีแฟนคลับทั่วโลก การ์ตูนของเขาล้วนว่าด้วยความตายอภิมหาพิสดาร ปีศาจ มนุษย์จิตประหลาด และเรื่องลี้ลับสุดหลอนไร้ที่มา พล็อตที่ว่าพีคแล้วยิ่งเมื่อมาประกอบกับงานวาดรายละเอียดแน่น ก็ยิ่งทำให้ระดับความหลอนพุ่งกระฉูด ไม่ต้องอาศัยภาพเคลื่อนไหวหรือเสียงบิลด์ใดๆ แค่พลิกหน้ากระดาษอ่านก็รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกหรือกระทั่งกลิ่นเหม็นเน่าของความตายที่ทำให้เราแทบนอนไม่หลับ กินข้าวไม่ลง
สิ่งที่จุนจิมีเรียกว่าเป็นพรสวรรค์โดยแท้ แค่ผลงานเดบิวต์ของเขาเมื่อปี 1987 ก็นับเป็น critical hit ไปทั่วญี่ปุ่น นั่นคือเรื่องของ Tomie สาวน้อยหน้าตางดงามนางแมวยั่วสวาท ใครเห็นก็รักก็หลงถึงขั้นคลั่งอยากฆ่าให้ตาย แต่ประเด็นคือหล่อนฆ่าไม่ตาย สามารถรวมเซลล์จากเศษเนื้อกลับมาเป็นคนได้อีก แถมสร้างเรื่องป่วนชาวบ้านได้หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่กลับมา กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ทำร้ายชีวิตคนไปเป็นเบือ ตั้งแต่คุณครู ศิลปินหนุ่มติสต์จนถึงลูกคุณหนูในคฤหาสน์หรู
งานชิ้นอื่นๆ ของเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง คล้ายกับว่าต่อมคิดวิธีการตายของเขาไม่เคยหยุดงาน เกิดเป็นผลงานมาสเตอร์พีซที่ใครก็ลืมไม่ลง อย่างเช่น Uzumaki (ก้อนหอยมรณะ) Gyo (ปลามรณะ) และอีกจำนวนมากที่บางส่วนถูกนำมาแปลไทยให้เราได้เสพกันอย่างบ้าคลั่งในชุด ‘คลังสยองขวัญลงหลุม’ ทั้งยังถูกนำไปดัดแปลงเป็นแอนิเมชั่นและภาพยนตร์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง
คนที่คิดเรื่องราวพรรค์อย่างนี้ออกมาได้ (ชม) เขาคือเด็กหนุ่มเรียนวิทย์ที่จบออกมาเป็นช่างทันตกรรมก่อนจะผันตัวมาเขียนการ์ตูนสยองขวัญในภายหลัง โดยจุนจิเกิดเมื่อปี 1963 และเริ่มวาดการ์ตูนสยองขวัญมาตั้งแต่เรียนเกรด 1 มีศิลปินคนโปรดคือ Kazuo Umezu ปรมาจารย์ด้านการ์ตูนสยอง (อารมณ์อาจารย์เหม เวชกร บ้านเรา) ผู้มีลายเส้นซึ่งจุนจิเองได้รับแรงบันดาลใจมาบางส่วน
นึกภาพเด็กคนหนึ่งที่บ้าการ์ตูนสยองขวัญเต็มขั้น แต่ขณะเดียวกันก็กลัวผี—นั่นคือเด็กชายจุนจิ อิโต้ โดยเขาได้เล่าไว้ในกับนิตยสารมังงะ Da Vinci ว่าเด็กชายจุนจินั้นแทบจะไม่ต่างอะไรกับตัวละคร Souichi ที่เขาเขียนขึ้น โซอิจิเป็นเด็กชายบ้าไสยศาสตร์ เกลียดผู้คนและโลกใบนี้ ซึ่งจุนจิบอกว่า “ถ้าวันหนึ่งโซอิจิเลิกอมตะปูไว้ในปากแล้วเติบโตขึ้นอย่างร่าเริง วันนั้นเขาก็คงเป็นคนแบบจุนจิ อิโต้”
อย่างไรก็ตามเด็กชายจุนจิก็ยังคงเรียนไปตามระบบและจบออกมาทางด้านทันตกรรม แต่แล้วก็พบว่างานเชิงเทคนิคอย่างนั้นเครียดเกินไปสำหรับเขา ประจวบว่าช่วงนั้นนิตยสาร Gekkan Halloween ประกาศรับงานเขียนพอดี เขาจึงควักเอาความหลงใหลในวัยเด็กขึ้นมาอีกครั้ง โดยส่ง Tomie ที่วาดเก็บไว้ไปลงตีพิมพ์ และในปีนั้น Tomie ก็ได้รับรางวัล Umezu Award ที่มีตัวอาจารย์ Kazuo Umezu เป็นผู้ร่วมตัดสินด้วยตัวเอง
เหตุที่งานของจุนจิจับใจคนดูก็คงเพราะในหลายๆ เรื่อง มันเริ่มต้นจากครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ทั่วไปที่สามารถพบเจอในชีวิตประจำวัน แล้วค่อยนำไปขยายผลให้ความประหลาดงอกออกมาจากเรื่องธรรมดาเหล่านั้น
“ครั้งหนึ่งผมเปิดดูนิตยสารแฟชั่น แล้วมีนางแบบคนหนึ่งที่ดูน่ากลัว เธอสวยนะ แต่ท่วงท่าและสีหน้าของเธอมันน่าขนลุก ทั้งที่เป็นนางแบบแฟชั่นแท้ๆ แต่กลับดูแปลกประหลาด ผมเลยหยิบตรงนี้ไปขยาย ให้เธอกินมนุษย์เป็นอาหาร แล้วมันก็กลายเป็นเรื่องสยองซะอย่างงั้น”
บางครั้งสิ่งที่เคยคิดเล่นๆ สมัยเรียนหรือกระทั่งความฝันวัยเด็กก็เป็นวัตถุดิบชั้นดีของเขาด้วยเหมือนกัน
“สำหรับโทมิเอะ ผมเริ่มจากความคิดที่ว่า จะเป็นยังไงถ้าคนคนหนึ่งตายไปแล้วดันกลับมาเจอกับเพื่อนๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนไอเดียที่ว่าเธอถูกสับเป็นชิ้นๆ หรือต่างๆ เหล่านั้นค่อยมาทีหลัง หรืออย่างเรื่อง Kubitsuri Kikyu (Hanging Balloons) ก็เริ่มจากที่ผมลองคิดเล่นๆ ว่าคงแปลกดีถ้ามีศพแขวนห้อยอยู่กับลูกโป่งแล้วลอยไปลอยมา แล้วตอนเด็ก ผมก็เคยฝันถึงตุ๊กตาโคเคชิลอยได้ที่มีเชือกห้อยลงมา พยายามจะแขวนคอผม ก็เลยจับสองไอเดียนี้มารวมกัน แล้วเติมแต่งอย่างอื่นเข้ามาเรื่อยๆ วาดไปวาดมามันก็ยิ่งซับซ้อน”
และจากที่เขาเล่า ก็เลยกลายเป็นเรื่องการฆ่าตัวตายของไอดอลสาว ที่ลุกลามบานปลายจนกลายเป็นภัยพิบัติไปทั่วญี่ปุ่น
น่าสนใจที่ว่าในฐานะนักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น เขาเองตั้งคำถามกับขนบหลายข้อในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งถูกซ่อนไว้ในผลงานหลายชิ้น อย่างเช่น ‘ก้นหอยมรณะ’ เขาก็รู้สึกว่าลายก้นหอยหรือ spiral ไม่ค่อยปรากฏเป็นเอเลเมนท์ในการ์ตูนสยอง เพราะโดยทั่วไปแล้วลายก้นหอยจะปรากฏอยู่บนแก้มของตัวละครในการ์ตูนคอเมดี้หรือการ์ตูนคิวต์ๆ เพื่อสื่อถึงเลือดฝาดอบอุ่นบนแก้ม และนั่น เขาจึงคิดว่ามันน่าจะถูกใช้ในทางอื่นได้สิ
เส้นผมของตัวละครในเรื่องก็เช่นกัน ตัวละครหญิงหลายคนล้วนมีผมยาวสลวย ซึ่งในข้อนี้จุนจิก็มองว่าในทางประวัติศาสตร์ ผมสีดำยาวเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิงญี่ปุ่น ผู้หญิงหลายคนก็ให้ค่ากับภาพลักษณ์แบบนี้กันมากๆ และแน่นอนว่าหนังหรือนิยายสยองขวัญมักจะหยิบเอาลุคนี้ไปใส่ไว้ในตัวละครผีสาวแห่งความแค้น จุนจิเลยลองทำให้ผมทรงนี้มีอันต้องเปลี่ยนไปเป็นคือหมุนวนเป็นทรงก้นหอย ดูแปลกตาไปจากสาวสยองตามขนบ แต่ผลออกมาก็กลายเป็นความสยองอีกรูปแบบที่ชวนงงงวยไปได้พร้อมๆ กัน
เราเองมองว่า อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ซึ่งมาคานไม่ให้ความแหวะระดับแม็กซ์ในภาพของจุนจิ พานทำให้คนยี้เกินกว่าที่จะอ่าน นั่นก็คือใบหน้าของเหล่าตัวละคร ที่ถ้าหล่อก็หล่อจัด ถ้าสวยก็สวยหยาดเยิ้มจนช่วยให้พอมีพื้นที่สบายๆ ให้เราได้พักสายตากันบ้าง ซึ่งเขาเองยอมรับว่าชอบนักล่ะ การวาดสิ่งที่สุดขั้วไปทั้งสองด้าน เขาอยากทดสอบตัวเองว่าจะวาดสิ่งที่สวยได้สวยสักแค่ไหน แล้วถ้ามันจะแปลกประหลาด ก็อยากรู้ว่าตัวเองจะวาดออกมาได้น่าเกลียดสักเท่าไหร่
การจับคู่สิ่งที่สวยงามที่สุดกับน่าเกลียดที่สุดเอาไว้ด้วยกันภายใต้พล็อตที่ร้อง ‘หืม’ ทุกครั้งที่ได้อ่าน กลับกลายเป็นรสชาติประหลาดที่ดึงอารมณ์คนอ่านให้ขึ้นสุดลงสุด ซึ่งคงไม่ต้องรอการพิสูจน์ ใครที่เคยอ่านงานของเขามาแล้วน่าจะรู้ดี
อ้างอิง