ในช่วงปีที่ผ่านมา เทรนด์การแต่งกายแบบ athleisure มาแรงแซงโค้งสุดๆ ในบ้านเรา เหล่าวัยรุ่นเดินกันขวักไขว่ในกางเกงวอร์ม เสื้อฮูดดี้ และสนีกเกอร์สุดเท่ หรือบางคนอาจเลือกมิกซ์แอนด์แมทช์กับไอเทมสไตล์อื่นๆ จนกลายเป็นลุคสตรีทแสบซ่า
athleisure เกิดจากการประสมคำว่า athlete ซึ่งแปลว่า ‘นักกีฬา’ และ leisure ซึ่งแปลว่า ‘การพักผ่อนสบายๆ’ เข้าด้วยกัน ว่าง่ายๆ ก็คือการสวมใส่เสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำกัดสถานการณ์ว่าต้องไปออกกำลังกายเท่านั้น
ในเมื่อมันกำลังอินเทรนด์ เหล่าแฟชั่นนิสต้าจึงมองหาเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสไตล์ คุณภาพ และความสบายในการสวมใส่ ซึ่งแน่นอนว่า Nün Bangkok เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ใครหลายคนนึกถึง—เราก็ด้วย เพราะแบรนด์สัญชาติไทยแบรนด์นี้ทำเสื้อผ้าสไตล์ athleisure มานานกว่า 4 ปีแล้ว (before it was cool ที่แท้ทรู) แถมข้ามน้ำข้ามทะเลไปดังไกลถึงสหรัฐอเมริกาและยุโรปซึ่งโอบรับการแต่งกายแบบ sporty-chic ก่อนเมืองไทยมาสักพักแล้วเนื่องด้วยวัฒนธรรมสตรีทแฟชั่นที่แข็งแกร่งและหมุนเร็วกว่า
ถามว่า Nün Bangkok ดังขนาดไหน ในแง่บวกคือดังถึงขั้นมีคนดังหลายต่อหลายคนหยิบเสื้อผ้าของแบรนด์ไปใส่ โดยหนึ่งในนั้นคือ Ariana Grande เจ้าของเพลงป๊อปที่เคยมาเปิดคอนเสิร์ตบ้านเรา ส่วนในแง่ลบคือดังถึงขึ้นมีแบรนด์นอกมูลค่าหลักพันล้านลอกดีไซน์ไปทั้งดุ้น!
ด้วยแบ็กกราวด์ที่น่าสนใจเช่นนี้ บ่ายวันหนึ่งเราจึงขอเข้าไปพูดคุยกับสองผู้ก่อตั้งอย่าง นุ่น และ ทอม แสตนนาร์ด ณ เฮดควอเตอร์ย่านทาวน์อินทาวน์ เพื่อทำความรู้จักตัวตนของพวกเขาและ Nün Bangkok ให้มากยิ่งขึ้น
“ถึงแม้เรากำลังทำงานอื่น แต่ใจมันอยู่กับแฟชั่น”
นุ่น และ ทอม แสตนนาร์ด พบรักกัน ณ กรุงลอนดอนระหว่างศึกษาต่อระดับปริญญาตรี โดยนุ่นเรียนด้านภาพยนตร์ ส่วนทอมเรียนกราฟิกดีไซน์ หลังจบการศึกษา ทั้งคู่ตัดสินใจย้ายมาลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ แล้วแยกย้ายกันทำงานตามความถนัดของตน
ทั้งสองหนุ่มสาวหลงใหลในแฟชั่น โดยเฉพาะนุ่นผู้ตัดสินใจเปิดแฟชั่นบล็อกของตัวเองในชื่อ Blatantly Blue โดยมีทอมรับบทบาทเป็นช่างภาพจำเป็น
“แต่ก่อนเวลาออกกองถ่าย พอพักกองปุ๊บเราก็จะนั่งดูเสื้อผ้าบนมือถือ คือเราชอบแฟชั่นจริงๆ ถึงแม้เรากำลังทำงานอื่น แต่ใจมันอยู่กับแฟชั่น” นุ่นย้อนความ “แล้วเราก็คิดว่าตัวเองยังเด็กอยู่ อายุแค่ 24 ปี ถ้าเปลี่ยนสายงานก็ยังไม่สายเกินไป พอเราออกกองถ่ายงานสุดท้ายเสร็จ ก็ไม่รับงานอีกเลย”
และนั่นคือที่มาของ Nün Bangkok แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิงซึ่งนุ่นและทอมผสมผสานสไตล์และความชอบของตัวเองลงไปอย่างเต็มที่ อย่างสไตล์ sporty-chic นั้นมาจากนุ่นผู้ชอบเล่นกีฬาอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ส่วนแพทเทิร์นกลิ่นอายเรโทรแต่ผสมความมินิมัลของสมัยปัจจุบันเข้าไปนั้นเป็นผลงานสร้างสรรค์ของทอม ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นในเสื้อผ้าทุกคอลเล็กชั่น ตั้งแต่ไลน์เสื้อผ้า ready-to-wear ไปจนถึงไลน์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาภายหลังอย่างชุดว่ายน้ำและชุดออกกำลังกาย
“ร่างกายพวกเราทุกคนก็เหมือนกัน”
นอกจากสไตล์สปอร์ต ความเรโทร และความมินิมัลที่เล่าไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Nün Bangkok โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นๆ คือดีเทลผ้าตาข่ายสุดเซ็กซี่และแพทเทิร์นที่ขับเน้นทรวดทรงองค์เอวของผู้หญิง บางชุดตั้งใจโชว์หน้าท้อง เอว หรือสะโพก ชนิดที่ผู้เถ้าผู้แก่หลายคนเห็นแล้วคงส่ายหน้า
เราหอบความสงสัยไปหานุ่นและทอม—ทำไมถึงตัดสินใจออกแบบเครื่องแต่งกายที่เปรี้ยวซ่าและก๋ากั่นเพียงนี้ และนี่คือคำตอบของพวกเขา
“เราโตมาโดยที่ทั้งพ่อและแม่จะชอบกลัวโป๊ โดยเฉพาะพ่อเนี่ยจะห้ามไม่ให้ใส่เสื้อผ้าแบบนั้นแบบนี้เพราะมันจะโป๊” นุ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่เรารู้สึกว่า พอมัวแต่คิดว่ามันจะโป๊ เราใส่อะไรได้น้อยลงเยอะเลย เราไม่คิดว่าการแต่งตัวโชว์เนื้อหนังมันโป๊เลยในเมื่อร่างกายพวกเราทุกคนก็เหมือนกัน เราว่ามันเป็นการ express ความคิดสร้างสรรค์ของคนๆ นั้น เราเลยไม่อยากให้การกลัวโป๊มาทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง”
“ผู้หญิงแบบ Nün Bangkok เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง” ทอมเสริม “พวกเธอไม่กลัวที่จะโชว์เรือนร่าง เสื้อผ้าของเราเน้นตรงจุดนี้มาก เวลาสวมใส่เสื้อผ้าของเรา สาวๆ จะรู้สึกภูมิใจในร่างกายของตัวเอง เหมือนได้ค้นพบอีกแง่มุมหนึ่งของตัวเอง ซึ่งพวกเธออาจไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอยู่ด้วย”
ได้ยินแบบนี้อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปว่า Nün Bangkok ทำแต่เสื้อตัวจิ๋ว (แบบที่หลายคนเรียกแบบแซวๆ ว่า ‘เสื้อหมา’) ให้สาวๆ หุ่นผอมบางไซส์ XS เท่านั้น ในความเป็นจริง สองผู้ก่อตั้งอยากให้แบรนด์นี้เป็นมิตรกับผู้หญิงทุกไซส์ โดยใส่ใจฟิตติ้งเป็นพิเศษ เพื่อให้สาวๆ—ไม่ว่าจะเป็นสาวทรงแอปเปิ้ล สาวทรงลูกแพร์ สาวทรงนาฬิกาทราย หรือสาวทรงไหนๆ—สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้พอดีและดูดีเหมือนกันทุกคน
“ฟิตติ้งเป็นปัจจัยสำคัญในการดีไซน์ คือทอมจะเป็นคนดีไซน์หลักๆ เลยแหละ แล้วเราจะเป็นคนมาตบท้ายให้ว่าฟิตติ้งโอเคไหม เช่น ถ้าแก้ฟิตติ้งตรงแขนนิดนึง ไม่ว่าจะรูปร่างแบบไหนก็ใส่สวยหมด” นุ่นอธิบายกระบวนการทำงาน พร้อมบอกเหตุผลว่า เธอให้ความสำคัญกับฟิตติ้งมาก เพราะเจอปัญหาเรื่องนี้มาเองกับตัว ในฐานะผู้หญิงที่ช่วงบนเล็ก ช่วงล่างใหญ่ เธอแทบไม่เคยเจอกางเกงหรือกระโปรงที่ใส่ได้พอดีเลย
“เราเป็นคนท่อนล่างใหญ่ เวลาซื้อกางเกงจะต้องมาจบที่ไซส์ L หรือ XL ตลอด ซึ่งมันก็ไม่พอดีอยู่ดี แล้วถึงแม้เราจะไม่ได้ผอมมาก แต่เราก็ไม่ใช่คนไซส์ XL พอต้องมาใส่มันเลยรู้สึกแย่กับตัวเอง แต่กับ Nün Bangkok เราทำฟิตติ้งเผื่อไว้สำหรับคนที่มีท่อนล่างใหญ่อยู่แล้ว มีสะโพก มีก้น ก็สามารถใส่ได้”
ผู้หญิงไซส์ L อย่างเราฟังแล้วก็พยักหน้าหงึกหงักด้วยความเห็นด้วย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ต่อให้มีเสื้อผ้าที่ฟิตติ้งพอดีเป๊ะ เราก็ยังคงไม่กล้าใส่เสื้อผ้าที่โชว์หุ่นอวบอั๋นของตัวเองอยู่ดี
แต่นุ่นกลับเห็นต่าง หญิงสาวบอกว่า ต่อให้จะผอมหรือจะอ้วน คนเราก็สามารถใส่เสื้อผ้าได้ทุกแบบที่อยากใส่ อย่างเสื้อผ้าที่โชว์เรือนร่างของ Nün Bangkok ก็ไม่ได้จำกัดไว้เพียงคนผอมบางเท่านั้น
“จริงๆ เราก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ผอมมากนะ แม้กระทั่งตอนผอมที่สุด ร่างกายเราก็ยังเป็นร่างกายนักกีฬา ไม่เคยผอมมากๆ แล้วก็มีคนชอบมาบอกว่า นุ่นไม่ผอม อย่าใส่เสื้อผ้าแบบนี้แบบนั้นนะ ทำไมสังคมต้องกำหนดปัจจัยหลายๆ อย่างมาลิมิตไม่ให้เราใส่เสื้อผ้าแบบที่เราอยากใส่ เราเลยอยากทำแบรนด์เสื้อผ้าที่ไม่ผอมก็ใส่สวยนี่ไง” หญิงสาวพูดด้วยจริงจังจนเราสัมผัสได้ถึงแพสชั่นของเธอ
“เราอยากบอกทุกคนว่าไม่ต้องอาย ไม่ต้องกลัว ให้เป็นตัวของตัวเอง เพราะแต่ก่อนเราก็อาย เราก็กลัว ไม่ค่อยมั่นใจเหมือนกัน แต่พอหยุดความรู้สึกตรงนั้น หยุดอาย หยุดห่วงว่าเราไม่ผอม เราไม่สูง แล้วใส่อย่างที่เราอยากใส่ โดยไม่ต้องแคร์ว่าใครพูดว่าอะไร ชีวิตมันมีความสุขมากขึ้นจริงๆ นะ”
“แพสชั่นเราต้องไม่ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์”
ในฐานะเฮดดีไซเนอร์ ทอมคือผู้อยู่เบื้องหลังดีไซน์อันโดดเด่นเฉพาะตัวของ Nün Bangkok โดยนอกจากความหลงใหลในแพทเทิร์นเรโทรตามที่เล่าไปด้านบน ความสนใจที่ทอมมีให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ งานศิลปะ หรือแม้กระทั่งงานสถาปัตยกรรมคือวัตถุดิบหลักที่เขามักหยิบยืมมาใช้ยามทำงาน
“ผมได้แรงบันดาลใจมาจากทุกสิ่งนั่นแหละ ซึ่งไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับแฟชั่นก็ได้” ชายหนุ่มอธิบาย “ส่วนใหญ่แล้วผมจะคิดคอนเซ็ปต์มาหลวมๆ กัน เอามาคุยกับนุ่น แล้วค่อยๆ ตบให้ไอเดียเป็นรูปเป็นร่างด้วยกัน”
เมื่อได้ไอเดียและสรุปแบบได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการผลิต ซึ่งทั้งคู่โชคดีที่ได้คุณป้าแท้ๆ ของนุ่น ผู้เคยทำงานด้านการตัดเย็บ มาช่วยให้คำแนะนำ รวมทั้งลงมือเย็บเองอีกด้วย
ใช่แล้ว—อ่านไม่ผิดหรอก คุณป้าของนุ่น (และเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกันอีก 3 คน) คือเจ้าของฝีเย็บสุดประณีตบนสินค้าทุกชิ้นของ Nün Bangkok
“ตอนที่คุยกันว่าจะทำแบรนด์ เราตกลงกันว่าจะไม่ใช้โรงงานนรกเด็ดขาด เราอยากทำแพสชั่นของเรา แต่แพสชั่นเราต้องไปทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ ดังนั้นเราจะไม่ไปหาโรงงาน เราจะหาคนเข้ามาทำงานกับเรา” นุ่นอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พอดีป้าเราเคยเป็นช่างเย็บตอนสมัยสาวๆ แล้วตอนนั้นเขาเพิ่งเกษียณ เขาก็เบื่อๆ เลยอยากมาช่วยนุ่นทำ แล้วก็ไปชวนเพื่อนสนิทอีกคนมาทำด้วย ตอนแรกๆ ก็มีแค่ 2 คน แต่สักพักก็ชวนคนที่เป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนมาอีก 2 คน รวมเป็น 4 คนซึ่งอยู่ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้”
โดยเฮดควอเตอร์อันเป็นที่นัดพบของพวกเรานั้นแบ่งเป็นสองส่วนหลัก ส่วนแรกคือโชว์รูมแสดงเสื้อผ้า อีกส่วนคือห้องทำงานของคุณป้าทั้งสี่ผู้นั่งทำงานอยู่ในห้องที่ทั้งสว่างและแอร์เย็นฉ่ำ เป็นสภาพแวดล้อมที่ดีตามที่นุ่นและทอมตั้งใจไว้ไม่มีผิด ซึ่งถ้าใครแวะเวียนไปลองเสื้อก็สามารถไปสังเกตการณ์การทำงานของทีมงานมากประสบการณ์ผ่านประตูกระจกได้
นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ Nün Bangkok ก็มีอายุกว่า 4 ปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นเสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบบนตัวคนอื่น ทั้งสองผู้ก่อตั้งก็ยังคงรู้สึกดีและตื่นเต้นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ทอมเล่าพร้อมรอยยิ้มว่า “ลูกค้าหลายคนบอกเราบ่อยๆ ว่า พอได้ลองใส่แล้ว เสื้อผ้าชิ้นนั้นก็กลายเป็นชิ้นโปรดไปเลย พวกเธอจะใส่ทั้งเสื้อและท่อนล่างของเรา หรือไม่ก็พยายามมิกซ์ของแบรนด์เราซักชิ้นเข้าไปในชุดให้ได้ และที่ผมประทับใจที่สุดคือพวกเธอบอกว่าชอบเสื้อผ้าของเราที่สุด ใส่อะไรอย่างอื่นไม่ได้อีกเลย ผมฟังแล้วดีใจมากๆ”
“หลายคนก็เขียนเข้ามาว่า เพิ่งได้เสื้อผ้านะ เขาเป็นคนไซส์ L มาตลอดชีวิต รู้สึกว่าใส่อะไรแล้วก็อ้วน ไม่สวย แต่พอใส่ Nün Bangkok แล้วรู้สึกว่าตัวเองดูผอมเพรียว ทะมัดทะแมง ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น” นุ่นเสริม
เช่นนี้ ในมือของนุ่นและทอม แบรนด์ Nün Bangkok จึงไม่ได้ขายแค่เครื่องนุ่งห่ม แต่ยังแถมความสุข ความสบายใจ และความมั่นใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ตัวเอง ลูกจ้าง ไปจนถึงลูกค้า
สุข สบาย มั่นใจ—คนเราจะขออะไรได้มากกว่านี้อีกล่ะ จริงไหม?
ติดตามความเคลื่อนไหวของ Nün Bangkok ได้ที่ nunbangkok.com หรืออินสตาแกรม @nunbangkok
แอบส่องสไตล์ส่วนตัวของนุ่นและทอมได้ที่ @heyitsnun และ @tomshiger