เวลาเราพูดถึงของสิ่งหนึ่งขึ้นมา เรามักจะนึกถึงมันในรูปแบบไหน เห็นเป็นภาพ รับรู้ถึงคำและความหมาย หรือเป็นรูปร่างจับต้องได้เท่านั้น
ฟังดูเหมือนเป็นคำถามท้าทายความคิดในชั้นเรียน แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นกับงานศิลปะด้วยเช่นกัน ท่ามกลางห้องนิทรรศการรูปแบบเรียบง่าย เก้าอี้ไม้ธรรมดาตั้งเป็นหนึ่งในผลงานจัดแสดง ขนาบข้างด้วยภาพถ่ายขาวดำของเก้าอี้ตัวเดียวกัน และอีกด้านหนึ่งคือแผ่นกระดาษพิมพ์คำนิยามของเก้าอี้ตามพจนานุกรม ผลงานในชื่อ One and Three Chairs ของ โจเซฟ โคซุต (Joseph Kosuth) ศิลปินอีกคนที่มีบทบาทในแวดวง Conceptual Art ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Museum of Modern Art (MoMA) ในนิวยอร์ก
เก้าอี้ที่ว่านี้ ไม่ได้เป็นเก้าอี้พิเศษมาจากไหน เป็นเพียงเก้าอี้พับธรรมดาที่พบเจอได้ทั่วไป เพราะจุดมุ่งหมายของผลงานชิ้นนี้ไม่ได้อยู่ที่ความเป็นมาของเก้าอี้ แต่คือการพาผู้ชมไปสำรวจถึงคุณสมบัติของความเป็นเก้าอี้ต่างหาก

Museum of Modern Art, New York, NY, USA.
เก้าอี้ที่จับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเก้าอี้แน่นอนอยู่แล้ว แล้วภาพถ่ายเก้าอี้ข้างๆ นั่นล่ะ นับว่าเป็นเก้าอี้ด้วยไหม? ก็ใช่นี่นา เห็นภาพแล้วมันก็บ่งบอกได้ว่าคืออะไร งั้นนิยามตามพจนานุกรมของคำว่าเก้าอี้ล่ะ เป็นตัวหนังสือที่เราอ่านแล้วเข้าใจได้ว่าคืออะไรเหมือนกัน จะยังนับว่าเป็นเก้าอี้ไหม ทั้งสามสิ่งนี้อาจตีความได้ว่า เป็นตัวแทนของเก้าอี้ตัวเดียวกัน แต่ถูกนำเสนอและรับรู้ในรูปแบบที่แตกต่างกัน
เมื่อเรามองดูเก้าอี้ทั้งสามรูปแบบ แน่นอนว่างานตรงหน้ามันไม่ใช่งานประเภทที่ดึงดูดให้ชื่นชมความงามของมัน ก็มันเป็นเก้าอี้ธรรมดานี่นา ซึ่งนั่นหมายความว่า เรากำลังได้รับเชิญให้พิจารณาธรรมชาติของการนำเสนอในรูปแบบภาพและภาษา มากกว่าการนำเสนอภาพทางกายภาพเพียงอย่างเดียว
อีกจุดสำคัญที่น่าสนใจคือการเน้นย้ำถึงความสำคัญของบทบาทผู้ชม ในฐานะผู้ที่จะเข้ามาเข้ามามีส่วนร่วมกับงานตรงหน้า จึงจะนับว่างาน Conceptual Art ทำหน้าที่ของมันแล้ว

เมื่อมองแนวคิดโดยรวมแล้ว อาจรู้สึกว่าความท้าทายต่อการรับรู้ของผู้ชม ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ Conceptual Art อย่างที่เราเคยเห็นในผลงานของมาแซล ดูชองป์ (Marcel Duchamp) แต่โคซุธไม่เพียงล้อไปกับบรรทัดฐานของศิลปะ ว่าสิ่งนี้นับเป็นศิลปะไหม ความหมายของศิลปะคืออะไร แต่เขาหยั่งขาอีกข้างไปถึงเรื่องการนำเสนอ ความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุและคำอธิบายทางภาษาของสิ่งเหล่านั้น
“Fundamental to this idea of art is the understanding of the linguistic nature of all art propositions, be they past or present, and regardless of the elements used in their construction.” — Joseph Kosuth
จากแนวคิดของเขา ทำให้สัมผัสได้ถึงความหลงใหลในด้านภาษาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญศาสตร์ซึ่งเป็นการศึกษาความหมายของสัญลักษณ์ ถึงขนาดที่ในปี 1971 หลังจากแสดงผลงานนี้เพียงไม่กี่ปี โคซุตเริ่มศึกษาความรู้ทางด้านมานุษยวิทยาและปรัชญาเพิ่มเติมที่ New School for Social Research เน้นหนักไปที่แนวคิดของ ลุดวิก วิทเกนสไตน์ (Ludwig Wittgenstein) นักปรัชญาผู้เสนอทฤษฎีภาพแห่งภาษา (Picture Theory of Language)
โคซุตเองเคยกล่าวว่า “art is the definition of art” ผลงาน One and Three Chairs จึงไม่ใช่เพียงผลงานแสดงเก้าอี้ แต่เป็นการชวนให้ผู้ชมตระหนักว่าศิลปะและโลกไม่อาจถูกยึดโยงกับวัตถุเพียงอย่างเดียว หากต้องอาศัยภาษา ความคิด เพื่อมานิยามสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ผลงานนี้จึงเป็นเหมือนห้องทดลองของภาษาและความหมาย เก้าอี้ธรรมดาที่นำเสนอต่างกัน เพื่อให้เราทบทวนว่า ความจริงในโลกของเราถูกสร้างผ่านการใช้ภาษาอย่างไร
แล้วสำหรับทุกคนล่ะ เก้าอี้ตัวไหนคือเก้าอี้ที่แท้จริง
อ้างอิงจาก