“ผมสนใจไอเดีย ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์”
มาร์แซล ดูช็องป์ (Marcel Duchamp) ศิลปินชาวฝรั่งเศส เขากล่าวไว้เช่นนั้น แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้นกันล่ะ?
หลายคนอาจจดจำชื่อของเขาในฐานะเจ้าของผลงาน ‘Fountain’ โถส้วมอันเลื่องชื่อ สัญลักษณ์ความขบถต่อวงการศิลปะ ที่กระตุกต่อมเอ๊ะให้ผู้ชมได้กลับมาตั้งคำถามว่า “สิ่งนี้เรียกว่าศิลปะได้ไหม?” “แล้วอะไรจึงจะนับว่าเป็นศิลปะ?” สมศักดิ์ศรีตัวพ่อคอนเซ็ปต์ชวล ผู้บุกเบิกแนวคิดดาดา (Dada) ที่มักตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานความงามในวงการศิลปะที่ยึดถือกันมายาวนาน และถามไปถึงวิธีการสร้างสรรค์ผลงาน
เขาไม่ได้ก้าวเท้าเข้าวงการมาด้วยความแก่นเซี้ยวเปรี้ยวซ่าตั้งแต่แรก ช่วงหลายปีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 มาร์แซลประสบความสำเร็จในฐานะจิตรกรในปารีส แต่ไม่นานเขาก็เลิกวาดภาพเกือบทั้งหมด โดยให้เหตุผลในแบบเดียวกับประโยคเปิดของบทความนี้ว่า “ผมสนใจไอเดีย ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ของมัน” ยิ่งชี้ให้ชัดยิ่งขึ้นว่า เขาหันมาสนใจในงานคอนเซ็ปต์ชวลที่วิ่งสวนขนบเดิมในวงการได้อย่างไร
มาร์แซลเริ่มแสวงหาวิธีอื่นมาสร้างสรรค์ผลงาน นอกเหนือจากการนำเสนอด้วยภาพลักษณ์ รูปร่างหน้าตาที่สวยงาม เขาจึงหันมาหยิบจับเอาวัตถุรอบตัวอย่างของใช้ในบ้าน ที่บังเอิญสอดส่ายสายตา หันซ้ายหันขวาไปเจอเข้า แล้วหยิบมันมาเป็นผลงานศิลปะในชื่อ ‘Readymade’ ในปี 1914

นั่นแปลว่าเขานึกจะหยิบอะไรก็หยิบ แล้วมาบอกว่าเป็นศิลปะงั้นหรือ? ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
‘Readymade’ เป็นคำที่บัญญัติขึ้นโดยมาร์แซลเองนี่แหละ เอาไว้เรียกวัตถุที่เขาเลือกมาเป็นผลงานศิลปะ แต่ชิ้นที่เขาหยิบนั้นไม่ได้ตามใจตัวเอง เขาเลือกวัตถุที่ผลิตในจำนวนมาก มีจำหน่ายในท้องตลาด และมักเป็นวัตถุที่ใช้ประโยชน์ได้จริง
จะว่าไป เขาไม่ได้ทำอะไรกับวัตถุเหล่านั้นเลย นอกจากจะใส่ลายเซ็นหรือเล่นกับตำแหน่งของมัน อย่าง Fountain โถส้วมอันเลื่องชื่อนั้น ก็มีเพียงลายเซ็นของเขาที่เพิ่มเติมเข้าไป เพราะความตั้งใจของเขาเกี่ยวกับผลงานในชุดนี้ คือทำลายกรอบความคิดที่ศิลปินยึดถือกันมานาน ท้าทายแนวคิดที่ว่าศิลปะต้องงดงาม ให้เห็นว่าวัตถุธรรมดา สามารถยกระดับสู่ความภาคภูมิของงานศิลปะได้ เพียงมาจากการเลือกของศิลปิน
ผลงานในชุดนี้เริ่มต้นจากล้อจักรยานไร้ยาง ‘Bicycle Wheel’ ในปี 1913 ‘Bottle Rack’ ในปี 1914 ตามมาด้วยที่ตักหิมะในชื่อ ‘In Advance of the Broken Arm’ และปล่องไฟในชื่อ ‘Pulled at 4 pins’ ในปี 1915 และผลงานชิ้นอื่นๆ อีกนับสิบชิ้น (รวมถึงโถส้วมชื่อดังนั่นด้วย)
ผลงานเพียง 13 ชิ้นในช่วงเวลา 30 ปีในชุดนี้ ปูทางไปสู่วงการคอนเซ็ปต์ชวลในยุคนั้นไปสู่แนวคิดผลงานรับใช้จิตใจ ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของงานที่รับใช้ความพึงพอใจของสายตา เพราะเขาอยากให้ผู้ชมให้น้ำหนักไปกับไอเดียของงานชิ้นนั้น มากกว่าความสวยงามที่เห็น จึงเลือกของใช้ธรรมดามาท้าทายบรรทัดฐานความงาม

งานชุดนี้ของเขาจึงกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในตอนนั้น ราวกับว่ายิ่งมันเป็นวัตถุธรรมดาเท่าไหร่ยิ่งได้รับความสนใจเท่านั้น หากการขบถคือความตั้งใจของเขา ก็นับว่าผลงานของเขาประสบความสำเร็จในข้อนี้เข้าแล้ว ในตอนที่ Readymade มีเพียงล้อจักรยาน ชั้นวางขวด หรือพลั่วตักหิมะ อาจจะมากพอให้ตั้งคำถามในระดับหนึ่ง แต่เมื่อโถส้วม Fountain ออกมาในปี 1917 วัตถุไม่นาพิศมัยทั้งหน้าตา ความสะอาด กลับถูกยกขึ้นมาเป็นงานศิลปะ ยิ่งกระจายความฉาวของแนวคิดขบถต่อศิลปะไปไกลยิ่งขึ้น
ถึงแม้มันจะไม่ใช่โถที่ใช้แล้วจริงๆ ซื้อมาจากร้านขายอุปกรณ์ประปา งานชิ้นนี้ถูกปฏิเสธให้เข้าร่วมนิทรรศการที่จัดขึ้นโดยสมาคมศิลปินอิสระในนิวยอร์ก และนั่นก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างดุเดือด ในภายหลัง ผลงานชิ้นนี้หายไปอย่างไร้ร่องรอยจนถึงปัจจุบัน
นี่คงเป็นตัวอย่างชั้นดีสำหรับงานศิลปะที่กระตุ้นต่อมสงสัยใคร่รู้ในตัวผู้ชม ในวันที่ดูช็องป์หยิบเพียงของใช้ธรรมดาทั่วไป มันอาจจะยังกระตุ้นความคิดไม่ได้มากพอ เมื่อมันเป็นของไม่พึงประสงค์ มันกลับกระตุ้นดีกรีความร้อนแรงของคำวิจารณ์ จนงานชิ้นนี้กลายเป็นงานที่ถูกพูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งชิ้น บ้างมองว่ามันทำหน้าที่ของมันได้ดีอย่างที่ศิลปินตั้งใจ บ้างมองว่าเป็นเพียงความคะนอง บ้างมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
แล้วทุกคนล่ะ มองว่าผลงานในชุด Readymade ของเขานับเป็นศิลปะไหม?
อ้างอิงจาก