ภาพเหมือนของศิลปิน มักแสดงภาพใบหน้าของตนอย่างชัดเจน แต่ไม่ใช่กับ เรอเน่ มากริตต์ (René Magritte)
ชื่อของเขาอาจไม่ได้เป็นชื่อที่คุ้นหูเท่าไหร่นัก แต่เชื่อเถอะว่า ผลงานของเขาคุ้นตาอย่างแน่นอน เรอเน่ ศิลปินชาวเบลเยี่ยม เป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่เข้ามาปลุกกระแสลัทธิเหนือจริง (Surrealism) ให้เกิดแรงกระเพื่อมอีกครั้ง ผลงานของเขาไม่ได้หวือหวาตั้งแต่เริ่ม ในช่วงแรกเขาทำงานออกแบบและโฆษณา แต่พอก้าวเข้าสู่แวดวงศิลปะ เขาได้รับอิทธิพลจาก จอร์จิโอ เดอ คิรีโก (Giorgio de Chirico) ตัวพ่อลัทธิเหนือจริง จนสุดท้ายก็ตกตะกอนสไตล์เฉพาะตัวของตัวเองได้

หนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่เราคุ้นตา คือ The Son of Man (1964) ภาพวาดสีน้ำมันของชายในชุดสูท สวมหมวกสูง มีแอปเปิลเขียวบังหน้า ราวกับผู้อยู่เบื้องหลังผลไม้ลูกนั้นกำลังถูกซ่อนเร้น แต่เรื่องจริงมันไม่ได้ลึกลับขนาดนั้น ผลงาน ชิ้นนี้ถูกนับว่าเป็นภาพเหมือนตนเอง ดังนั้นชายลึกลับที่ว่าจะเป็นใครไปได้ นอกจากศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาเอง
เมื่อมันไม่ได้เป็นความลับขนาดนั้น แล้วเขาปิดบังมันไปทำไมล่ะ? มาฟังความเห็นของเรอเน่เล่าถึงงานชิ้นนี้กัน
“ใบหน้าของคนเราเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วไป แต่อะไรที่เราเห็นเป็นประจำมักจะซ่อนบางอย่างไว้ เราเลยยิ่งอยากเห็นสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ใต้ความปกติทั่วไปเหล่านั้น”
ยิ่งซ่อนเร้น ยิ่งสงสัย เรามักสงสัยสิ่งที่ถูกปิดไว้อย่างโจ่งแจ้ง แต่อาจไม่สงสัยในสิ่งที่เราเห็นได้ทั่วไป แม้ว่ามันจะสามารถซ่อนอะไรบางอย่างไว้ได้เหมือนกัน เหมือนกับภาพนี้ที่ผู้คนต่างพุ่งเป้าไปที่ชายหลังผลกลมสีเขียว ยิ่งถูกปิดบังไว้ยิ่งอยากรู้ ทั้งที่ใครๆ ก็พอจะอนุมานได้ทั้งนั้นว่ามันคือตัวเรอเน่เอง ในทางกลับกัน หากภาพนี้เผยใบหน้าจริงของเขาไป ใบหน้าที่อาจซ่อนอารมณ์ ความรู้สึกไว้มากมาย แต่กลับไม่มีใครสงสัยถึงสิ่งที่อยู่ใต้ใบหน้านั้นเลย
ไม่ได้มีเพียงแอปเปิลเท่านั้นที่มาเล่นซ่อนแอบระหว่างสิ่งที่เห็นและสิ่งที่เป็น ยังมีผลงานชิ้นอื่นของเขาอีกมากมายที่ใส่สัญลักษณ์บางอย่างลงไป และส่วนมากมีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจ ยิ่งทำให้ภาพของเขาดูเหนือความจริงสำหรับสายตาผู้ชม จนเขาได้รับฉายาว่าเป็นอีกหนึ่งปรมาจารย์ในลัทธิเหนือจริง

ในผลงานทั้งชิ้นนี้และชิ้นอื่น อย่าง Man in a Bowler Hat (1964) ที่เปลี่ยนจากแอปเปิลเขียวเป็นนกสีขาว Golconda (1953) ภาพของชายในชุดสูทร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าราวกับเป็นเม็ดฝน The Lovers (1928) คู่รักแอบอิงชิดใกล้ ในภาษากายที่บ่งบอกว่าเขากำลังจุมพิตกัน แต่กลับมีผ้าขาวคลุมศีรษะทั้งคู่อยู่ ทั้งหมดล้วนมีองค์ประกอบเป็นผู้คนธรรมดา สิ่งของทั่วไป สถานที่ที่พบเห็นได้ แต่กลับอยู่ในการจัดวางผิดที่ผิดทาง เหมือนจะเห็นแต่ไม่เห็น เหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่ ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของสไตล์เหนือจริงของเรอเน่ ที่ทำลายเส้นแบ่งระหว่างความจริงและภาพลวงตา จนเราต้องหันกลับมาพิจารณาภาพเดิมซ้ำๆ อย่างในภาพ The Son of Man นี้ หากมองลงลึกไปอีกนิด ยังมีปริศนาอื่นๆ ซ่อนไว้หลายจุด แขนซ้ายของชายในภาพงอไปด้านหลังตรงข้อศอก กระดุมเม็ดที่ 3 ถูกปลดออกทั้งที่ยืนอยู่ และลำตัวของเขายาวถึงขอบภาพนั้น ราวกับมันจะยาวจนไม่มีที่สิ้นสุด
หากไล่เรียงดูผลงานชิ้นอื่นๆ ของเขา แล้วรู้สึกคุ้นหูคุ้นตา นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นัก เพราะในช่วงที่เขาเริ่มมีผลงานท้าทายความจริงและความฝันนี้ มันคือช่วงที่วงการศิลปะกำลังอยู่ในกระแสของลัทธิเหนือจริง มีศิลปินที่โลดแล่นในช่วงเวลาเดียวกัน คือ ซัลวาดอร์ ดาลี (Salvador Dalí) และ แม็กซ์ เอิร์นสต์ (Max Ernst) แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้ผลงานของตนหม่นหมอง เศร้าสร้อยจนเกินไปนัก เลยพยายามปรับสีสันให้สดใสขึ้นเรื่อยๆ
หลายคนสันนิษฐานว่า ความสดใส เบาสบาย ในงานของเรอเน่นั้น อาจมาจากความเบื่อหน่ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย เขาจึงแสวงหาความสุขผ่านภาพเหนือจริง ท่ามกลางความวุ่นวายของสงครามไปด้วยก็ได้
ปัจจุบัน ภาพนี้ถูกเก็บเป็นคอลเล็กชั่นสะสมส่วนตัวของใครสักคน เลยกลายเป็นภาพที่หาชมของจริงได้ยาก และเป็นภาพที่มีการทำซ้ำแบบละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุดภาพหนึ่งอีกด้วย
อ้างอิงจาก