โปรดวางมือถือให้พ้นคนเมา
คุณเคยไหม หรือจริงๆ อาจจะเป็นอยู่ตอนนี้ ตอนที่เรากำลังนั่งดื่มและเริ่มกรึ่มๆ หรืออาจกำลังมึนได้ที่ รู้สึกตัวอีกที เราก็เผลอกดแชตหาใครสักคน คนที่เราหลีกเลี่ยงจะมีปฏิสัมพันธ์ด้วย พูดง่ายๆ คือทำไมใจเจ้ากรรมมันกลับไปแชตหาเขาอีกแล้วตอนที่เมา กรณีหนักๆ หน่อยก็มารู้เอาในเช้าอีกวันตอนย้อนอ่านแชตของเมื่อคืน
ปรากฏการณ์เมาแล้วส่งแชต จนเกิดเป็นความเข้าใจสากลหนึ่งว่า ถ้าเพื่อนชวนไปดื่มตอนอกหักหรือเลิกร้างกับคนรัก หน้าที่หนึ่งที่ต้องคอยห้ามปราม คือเราต้องคอยดูว่าเพื่อนจะกดมือถือหาใครรึเปล่า อาการเมาแล้วแชตไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ นับเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมตอนเมาที่ใกล้ตัว และถ้าเราดูกระแสต่างๆ ทั่วโลก การแชตขณะเมาก็น่าจะเป็นปรากฏการณ์สำคัญหนึ่ง จนกระทั่งมีงานวิจัยมาทำความเข้าใจอาการเมาแล้วส่งข้อความกันเลย
พฤติกรรมการเมาแล้วแชตมีนัยสำคัญหลายด้าน เกี่ยวข้องทั้งกับพฤติกรรมอย่างการแสดงออกทางอารมณ์ที่ไปเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ ในเชิงพฤติกรรมนี้เลยสัมพันธ์กับความเปราะบางทางความรู้สึกจากการดื่ม และจากการส่งข้อความไปขณะเมามาย ในขณะเดียวกันก็สัมพันธ์กับเทคโนโลยีจากการมาถึงของการสื่อสารออนไลน์ หรืออาจจะด้วยข้อความสั้นในยุคมือถือช่วงแรกๆ
อารมณ์อ่อนไหว ใจอ่อนแอ เข้าใจทำไมชอบแชตตอนเมา
เบื้องต้นที่สุดของอาการส่งแชตไปหาใครสักคนขณะเมา เกิดจากความเมาหรือภาวะแอลกอฮอล์ในเลือดสูง เราเข้าใจกันดีว่าตอนเราเมา สมองบางส่วนจะทำงานได้น้อยลง โดยเฉพาะสมองส่วนที่ควบคุมการยับยั้งชั่งใจ ส่งผลให้การคิดไตร่ตรองถึงผลของการกระทำ ทำงานได้ไม่ดีเท่าตอนที่เราสร่างเมา
นอกจากนี้บางครั้งแอลกอฮอล์ในเลือดยังช่วยเพิ่มความมั่นอกมั่นใจในตัวเอง ทำให้เราตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่างอย่างมั่นใจกว่าที่เคย เช่น การแสดงออกทางความรู้สึก การพูดอะไรในสิ่งที่ปกติเราจะยับยั้งเอาไว้ หรืออาจจะคิดว่าไม่ได้ดีเพียงพอที่จะทำ เรามักทำอะไรเสี่ยงๆ ในตอนที่เมา ดังนั้นลองไลน์หาแฟนเก่าซิ หรือโทรหาเจ้านายเพื่อเคลียร์ใจไปเลย
และถ้าเรามองบริบทการเมามาย การดื่มอย่างหนักก็มักสัมพันธ์กับแรงจูงใจต่างๆ พูดง่ายๆ คือการมีความเครียดบางอย่าง มีความเสียใจ หรือตึงเครียดทางอารมณ์ สิ่งที่ทำให้เราไปเมาเพื่ออยากจะลืมให้ได้ สุดท้ายความเมาก็อาจจะเปิดปากแผล และทำให้เราผลีผลามกลับไปยังปมนั้นๆ ทั้งการส่งแชต หรือกระทั่งการสื่อสารโดยตรง เช่น โทรหา หรือโพสต์ข้อความ จึงเป็นสิ่งที่มักเกิดขึ้น และนอกไปจากเรื่องความรัก มันก็อาจเกิดขึ้นได้กับเรื่องอื่นๆ
เมาไม่แชต ความเข้าใจและปัญหาของพฤติกรรม
เมื่ออาการเมาแล้วแชตเริ่มเป็นปัญหา หรืออาจนำไปสู่ปัญหาได้ โลกวิชาการหรือนักวิจัยก็มองว่า การสื่อสารเมื่อมีอาการเมาถือว่าไม่ดี เพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ รวมถึงอาจสะท้อนสภาวะทางอารมณ์ และการจัดการอารมณ์ของเราเองด้วย
มีงานวิจัยหนึ่งตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านสารเสพติดในปี 2021 ถึงขนาดตั้งชื่อเทียบกับอาการเมาไม่ขับ คือเรียกว่าเป็นภาวะที่เราใช้โทรศัพท์เป็นยานยนต์ในการส่งต่อความรู้สึกที่เราไม่ได้ควบคุมให้ดี (Phone Becomes a Vehicle for Emotional Dysregulation)
งานศึกษาดังกล่าวชี้ให้เราเห็นถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการส่งแชตในตอนเมาหลายด้าน อย่างแรกคือ อาการส่งแชตตอนเมามักเกิดขึ้นในขณะที่เราเมาหรือดื่มหนัก และอาการเหล่านี้นับเป็นผลพวงต่อเนื่องที่มาจากการยับยั้งชั่งใจ และการจัดการความรู้สึกของเราเอง ซึ่งก็นับเป็นข้อแรกถ้านับย้อนไปตั้งแต่การเลือกไปดื่มเพื่อรับมือกับปัญหา ส่วนปัญหาข้อต่อๆ มา เช่น การดื่มจนหนัก ไปจนถึงการนำมือมาจับมือถือขณะเมา
การจับมือถือนี้อาจสัมพันธ์กับการหลีกหนีออกจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เราพยายามทำให้ตัวเองสนุก หนีออกจากปัญหา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าพอเมาได้ที่ เราดันกลับไปเปิดแผล และทำในสิ่งที่ตัวเราตอนไม่เมาคิดว่าไม่ควรทำ
อันที่จริงสาเหตุของการหยิบมือถือขึ้นมาและส่งข้อความออกไปตอนเมา ก็สัมพันธ์กับความรู้สึกอันปนเป ซึ่งก็เกี่ยวกับการยับยั้งชั่งใจของเราในหลายๆ ด้าน หนึ่งในนั้นเราเองต้องเข้าใจตัวเองและร่างกายของตัวเอง ในกรณีการแชตหาคนรักเก่าอาจเป็นความเมาที่เกี่ยวข้องกับความปรารถนา และการอยากจะหวนคืนในเรื่องเพศได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราคล้อยตามนิยามของนักวิจัยในงานวิจัยข้างต้น เมื่อเราเมาแล้วเที่ยวไปสื่อสารและส่งข้อความพุ่งเข้าหาคนต่างๆ หรือเที่ยวตั้งสเตตัส ก็เหมือนกับอาการทำสิ่งต่างๆ อย่างสุ่มๆ บางครั้งการแชตหาคนรักเก่าแบบสุ่มตอนตีสองตีสาม ทั้งจากอาการไม่ทันได้คิดไปจนถึงความหื่น ก็อาจนำไปสู่ปัญหาของผู้รับสารด้วย เพราะอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกสนุกเมื่อเจอไลน์คนรักเก่าที่เพิ่งเลิกราในตอนดึกๆ ในเพลง New Rules ของดูอา ลิปา (Dua Lipa) เลยตั้งกฎข้อแรกไปเลยว่า อย่าดูโทรศัพท์ เพราะเขาจะโทรมาด้วยความเมาและเดียวดายเท่านั้นแหละ และนอกจากเรื่องคนรักแล้ว เรื่องงานยังเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ถ้าตัวเราตอนเมายังไม่อยากตกงาน ในร่างเมาก็ควรจะเชื่อตามไปก่อน
นอกจากนี้ยังมีงานศึกษาอื่นๆ เช่น งานศึกษาในปี 2015 ว่าด้วยผลของการดื่มแอลกอฮอล์ คราวนี้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน พบว่า 89% ของกลุ่มตัวอย่างเคยเมาแล้วส่งข้อความออกไป และ 43% ระบุว่าเสียใจกับการส่งข้อความนั้นๆ เกือบทุกครั้ง งานวิจัยนี้ยังมีรายละเอียดน่าสนใจอีกคือ พบว่าแอลอกอฮอล์เป็นสิ่งที่ส่งเสริมให้คนเรามีพฤติกรรมทางสังคม เช่น การโพสต์ข้อความและการโทรหาคนอื่นด้วย โดยในการอำนวยของแอลกอฮอล์ที่ทำให้เกิดการโพสต์หรือการโทรออก ครึ่งหนึ่งคือ 51% ระบุว่าพอสร่างเมาแล้วรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แถมนักวิจัยยังพบอีกว่า สำหรับนักเรียนที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง พวกเขายิ่งเมายิ่งรู้สึกเสียใจในพฤติกรรมที่ทำลงไป นั่นหมายถึง ยิ่งเมาบ่อยก็ยิ่งมีปฏิสัมพันธ์บ่อย และยิ่งมีพฤติกรรมที่มาเสียใจภายหลังบ่อยด้วย
เทคนิคเมาไม่ส่งข้อความ
เบื้องต้นที่สุดของการป้องกันเรื่องเมาไม่แชต อย่างแรกต้องเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะไปปรับทุกข์ปรับใจ ใช้แอลกอฮอล์เป็นยาฉุกเฉินเฉพาะหน้า ดังนั้นวิธีการป้องกันหลักๆ คือทำให้การส่งข้อความ หรือการเข้าถึงรายชื่อที่ไม่ควรเข้าถึง ทำได้ยากขึ้น เราอาจเริ่มต้นง่ายๆ เช่น บอกเพื่อนให้ช่วยดู อาจจะเปิดโหมดเครื่องบินตอนเริ่มเมา (แต่ก็อาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร เพราะควรไว้ใช้งานในเวลาฉุกเฉิน)
อีกหนึ่งในแนวทางที่เจ็บปวดหน่อย แต่คิดว่าได้ผลดี คือการตัดการเชื่อมต่อกับจุดเปราะบางไปก่อน เช่น การบล็อก หรือเลิกติดตามคนที่เราอาจไปสร้างปัญหาให้ จะกดเลิกติดตามกันสักพักเฉพาะตอนกำลังเมา หรืออาจจะงดติดตามเชื่อมต่อไปในระยะนี้เลย ก็อาจเป็นความคิดที่ดี การเป็นแผลแล้วไม่ไปจับหรือไม่เห็น อาจเป็นแนวทางในการร่วมจัดการความรู้สึกอย่างหนึ่งด้วยได้ ซึ่งกรณีนี้อาจใช้ได้ทั้งด้านความรัก การงาน และความสัมพันธ์อื่นๆ
ทั้งนี้นอกจากฝ่ายส่งข้อความแล้ว อันที่จริงฝ่ายรับข้อความเองก็อาจจะมีปัญหา และเกิดแรงกระเพื่อมบางอย่างได้ ดังนั้นฝ่ายผู้รับข้อความก็ใจเย็นๆ ลองทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่มีสติ หรือไม่ทันได้ยับยั้งชั่งใจ และจะตัดสินใจอะไรก็ควรต้องระวังๆ หน่อยด้วย ว่าควรให้อีกฝ่ายมาหาไหม หรือเราจะทำยังไงต่อดี เพราะพอสร่างเมาในตอนเช้าแล้ว อาจจะเป็นหนังคนละม้วนเลยก็เป็นได้
อ้างอิงจาก