นั่งในออฟฟิศตั้งนาน คิดงานเรื่องงานแทบไม่ได้ แต่ออกมานอกออฟฟิศทีไร ไอเดียหลั่งไหลเข้ามาทุกที อาบน้ำอยู่ดีๆ ก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา ล้อมวงสังสรรค์ คุยเล่นกัน ก็ดันเกิดไอเดียบรรเจิด ทั้งที่ตอนประชุม ระดมไอเดีย พยายามเค้นทุกอย่างแต่ไม่ออกมาสักอย่าง ชักสงสัยแล้วว่าทำไมไอเดียดีๆ มักจะเกิดขึ้นที่นอกออฟฟิศกันนะ?
ดูเหมือนว่าปัญหานี้ไม่ได้จะเพิ่งเกิดกับมนุษยชาติ ย้อนกลับไปสัก 250 ปีก่อนคริสตกาล อาร์คิมิดีส (Archimedes) นอนแช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำอย่างสบายใจ มองน้ำไหลพ้นเนื้อหนัง ปล่อยร่างกายให้ลอยขึ้น แล้วก็ ปิ๊ง! แรงลอยตัวเป็นเช่นนี้นี่เอง “ยูเรก้า ยูเรก้า” เขาลุกพรวดขึ้นมาและอุทานด้วยความปิติยินดี ถึงขนาดที่ลืมไปว่าเพิ่งแช่น้ำในอ่าง รู้ตัวอีกทีเขาก็ยืนเนื้อตัวล่อนจ้อนอยู่บนถนนแล้ว นั่นอาจเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนบนท้องถนนมองว่าเขาไม่เต็มเต็งนัก แต่ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่หลักการของอาร์คิมิดีสได้ถือกำเนิดขึ้น ใช่แล้ว เกิดขึ้นในอ่างอาบน้ำ
นิโคลา เทสลา (Nikola Tesla) เดินทอดน่องในช่วงเวลาพักผ่อน พร้อมไม้เท้าคู่ใจ แต่ไม่รู้ว่าพักแบบไหน ดันคิดค้นไฟฟ้ากระแสสลับได้ระหว่างเดินเล่น ยังไม่รวมถึงผู้คนอีกมากมายที่ได้ไอเดียเปลี่ยนโลก ไปจนไอเดียเจ๋งๆ ส่วนตัว จากการใช้ชีวิตนอกเวลางาน แม้เราจะไม่ได้ตั้งใจจะนึกถึงเรื่องงานแบบ 100% ไม่ได้คิดเอาเป็นเอาตายแบบตอนอยู่ในออฟฟิศ แค่นึกขึ้นมาได้ ก็ดันไขปริศนาคว้าไอเดียได้เองแบบชิลๆ สมองอันพิศวงของเรา ทำไมถึงไม่ยอมทำงานในช่วงเวลาที่เราต้องการกันนะ
มาฟังคำตอบเรื่องนี้จาก จอห์น คูเนียส (John Kounios) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Drexel University กัน เขาได้อธิบายไว้ว่า สมองของคนเราพอต้องแก้ปัญหา จะมีวิธีหลักๆ อยู่ 2 วิธี วิธีแรก ใช้เส้นทางการวิเคราะห์ พยายามแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างตั้งใจและมีระเบียบ อีกวิธีนั้นออกจะแปลกเสียหน่อย เพราะเป็นการแก้แบบไม่ได้ตั้งใจแก้ ใช่แล้ว วิธีแก้ปัญหาจะผุดขึ้นมาในหัวของเราอย่างไม่รู้ตัวหรือที่เรียกว่ายูเรก้าโมเมนต์นั่นเอง
จอห์นเองก็สงสัยใคร่รู้ว่ายูเรก้าโมเมนต์นั้นทำงานยังไงกันแน่ เลยร่วมมือกับ มาร์ก บีแมน (Mark Beeman) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจาก Northwestern University ใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพระบบประสาทไขคำตอบ โดยให้ผู้เข้าร่วมการทดลองเล่นเกม puzzle แล้วใช้การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) และ การตรวจเพื่อหาตําแหน่งการทํางานของสมองแบบเรียลไทม์ (fMRI) พบว่า เวลาก่อนที่เราจะคิดอะไรออกสักอย่าง สมองของเราจะสว่างวาบขึ้นมา ลองนึกภาพแบบเดียวกับหลอดไฟสว่างที่เรามักมาเปรียบเทียบกับตอนปิ๊งไอเดีย นั่นแหละ สมองของเราก็เป็นแบบนั้น
ทีนี้ หลังจากที่จิตใจล่องลอยอยู่ระยะหนึ่ง จิตใจจะเชื่อมโยงความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ระหว่างข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่เรารู้อยู่แล้วในใจ จะถูกนำมาปะติดปะต่อโดยไม่ได้ตั้งใจ สมองของเราสว่างวาบ จนปิ๊งไอเดียออกมานั่นเอง ในทางกลับกัน การคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบระเบียบ จะเป็นการเก็บข้อมูลจากภายนอกเข้ามาแทนการคิดจากภายในแบบยูเรก้าโมเมนต์
แล้วทำไมสมองของเราถึงทำงานได้ดีในตอนอยู่นอกออฟฟิศกันล่ะ?
นั่นก็เพราะสมองของเรากำลังผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย เดินเล่น อยู่กับธรรมชาติ หรือกิจกรรมใดก็ตามที่ทำให้สมองรับรู้ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงผ่อนคลายอยู่นะ ‘เอ็นโดรฟินส์’ สารแห่งความสุขจะหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ช่วยให้เรารู้สึกดีกับการผ่อนคลายมากขึ้น และแน่นอนว่า มันยังช่วยขยายขอบเขตความคิด ไอเดียของเราได้ไกลยิ่งขึ้นด้วย นั่นหมายความว่า ยิ่งเราผ่อนคลายและมีความสุขเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสเกิดยูเรก้าโมเมนต์ได้มากเท่านั้น แม้เราจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
ในทางกลับกันหากเรากำลังวิตกกังวล สมองของเรามักจะใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเป็นระบบระเบียบมากกว่า นั่นหมายความว่า จุดสนใจของเราจะแคบลง เพื่อรับข้อมูลจากภายนอกเข้ามาวิเคราะห์ในหัว นั่นทำให้เวลาเราพยายามจะคิด พยายามสนใจอะไรมากๆ จนเกิดเป็นความกังวล เราจะคิดอะไรไม่ค่อยออก แต่พอเราได้ขยับร่างกาย ออกไปเดินเล่น สนใจอย่างอื่นสักพัก จะช่วยให้เราผ่อนคลายมากขึ้นและมีโอกาสคิดออกมากขึ้นนั่นเอง
เวลาเราอยู่ในออฟฟิศ ตั้งใจคิดแทบตาย อาจทำให้เรากังวลมากเกินไปจนสมองพยายามจะใช้วิธีคิดแบบเป็นระบบจากข้อมูลภายนอกเพียงอย่างเดียว ครั้งหน้าถ้ารู้สึกว่าไอเดียเราติดขัด คิดอะไรไม่ออก แก้ปัญหาไม่ได้ ลองปล่อยกายปล่อยใจให้ผ่อนคลาย ออกมาสูดอากาศ เดินเล่น หรือเบี่ยงเบนความสนใจไปทำอย่างอื่นสักพัก ให้โอกาสตัวเองได้ฟุ้งซ่าน ช่วงเวลานี้แหละที่ความคิดของเราจะค่อยๆ ปะติดปะต่อข้อมูลที่เรามีในหัวแบบที่เราไม่รู้ตัว แล้วอยู่ดีๆ ก็ปิ๊งไอเดียออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
เขียนมาได้ตั้งยาว แต่เขียนตอนจบไม่ได้ ขออนุญาตออกไปเดินเล่นหาไอเดียก่อนแล้วกันนะ
อ้างอิงจาก