ไถฟีดทีไรก็เจอแต่เรื่องที่ไม่ได้สนใจทุกที
ข่าวของศิลปินคนโน่น เรื่องของคุณลุงคนนี้ ดราม่าของน้องคนนั้น ทั้งที่ไม่เคยติดตามมาก่อน แต่ก็มักจะโผล่มาขึ้นฟีดของตัวเองบ่อยๆ หลายวันเข้าก็จะกลายเป็นว่าเราแทบจะคนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมด
ถ้าเป็นเรื่องที่เราสนใจอยู่ก็ดีอยู่หรอก แต่หลายครั้งอัลกอริทึมก็จัดเรียงมาให้มักเป็นเรื่องที่ออกแนวไม่ต้องรู้ก็ได้ เพราะเราก็ไม่ใช่คนในคอมมูนิตี้นั้นโดยตรง แต่บังเอิญมารับรู้เหล่านี้เองเพราะผ่านมาฟีดเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจดีว่าการติดตามข่าวสารบ้านเมืองเป็นเรื่องดี ในแง่หนึ่งเราเป็นคนในสังคมก็ต้องช่วยกันตรวจสอบดูแล การได้รับรู้ความเห็นจากคนที่คิดต่างไปจากเราบ้างก็ทำให้เรารับฟังความคิดเห็นที่หลากหลายขึ้น แต่ประเด็นก็คือการรับรู้เรื่องราวของคนอื่นมากๆ เข้า กลับทำให้เรารู้สึกแย่กว่าเดิมนี่สิ
หากจะแก้ปัญหานี้ให้ได้ผลคงเป็นการหักดิบ งดเล่นโซเชียลไปเลย แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างนั้น เพราะทุกวันนี้โซเชียลแทบจะกลายเป็นสื่อกระแสหลักที่ยังมีเรื่องสำคัญๆ ที่เราต้องติดตามอยู่ แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยให้หน้าฟีดเราไม่เสิร์ฟเรื่องที่เราไม่สนใจบ้างนะ
You are what you eat
ก่อนอื่นเรามารู้จักตัวต้นเรื่องที่ทำให้ข่าวที่เราไม่ได้สนใจขยันมาขึ้นหน้าฟีดของเราบ่อยๆ นั่นก็คือ อัลกอริทึ่มของโซเชียลมีเดีย กันก่อน
อัลกอริทึ่มบนโซเชียลมีเดีย คือชุดคำสั่งที่คอยกำหนดการทำงานของแพลตฟอร์ม มีหน้าที่เป็นเหมือน ‘ไกด์’ ช่วยคัดเลือกและจับคู่เนื้อหากับผู้ชมที่มีความสนใจคล้ายกัน เพราะในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยผู้ใช้ที่มีความชอบหลากหลาย หากไม่มีระบบคัดกรอง ผู้ใช้จะต้องเผชิญกับเนื้อหามหาศาล ที่บางครั้งอาจทำให้รู้สึกท่วมท้นเกินจะรับไหว ดังนั้นหน้าฟีดของเราส่วนใหญ่มักมีเรื่องที่เราให้ความสนใจทุกครั้งที่เข้ามาใช้ และทำให้เราใช้เวลากับแพลตฟอร์มได้นานขึ้น
แต่ถึงแม้เราไม่บอกหรือออกคำสั่งกับเจ้าอัลกอริทึ่มตรงๆ แต่เจ้าชุดคำสั่งนี้ก็รับรู้ได้ว่าเรา ‘ชอบ’ คอนเทนต์แบบไหน โดยดูจากหลายๆ อย่าง เช่น ดูการมีส่วนร่วม ดูความเกี่ยวข้องความใหม่ และความสัมพันธ์ ฯลฯ หากเข้าข่ายสิ่งเหล่านี้อัลกอริทึ่มก็จะแนะนำเนื้อหามาให้เรา
ดังนั้นต่อให้เราไม่ได้เป็นคนคลิก หรือกดติดตาม แต่ถ้าหากคนรอบๆ ข้างสนใจหรืออยู่ในเทรนด์ที่มาแรงขณะนั้น หรือเพื่อนที่เราคุยด้วยบ่อยๆ ก็สนใจข่าวนี้ด้วย ก็เป็นไปได้ว่าข่าวที่เราไม่สนใจก็อาจจะอยู่ในหน้าฟีดของเรา และยิ่งเรากดคลิกเข้าไปด้วยความอยากรู้ ก็เหมือนเป็นการบอกอัลกอริทึ่มเป็นนัยๆ ว่า เอามาให้ดูอีกเยอะๆ ได้เลย เพราะเรากำลังสนใจเรื่องนี้อยู่ (แม้จะไม่ได้สนใจจริงๆ ก็ตาม)
ถ้าเป็นเรื่องดีๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หลายครั้งส่วนใหญ่เรามักติดใจข่าวด้านลบมากกว่า จนเผลอไปคลิก หรือหยุดดูนานๆ อย่างห้ามใจไม่อยู่ ซึ่งทางจิตวิทยาสังคม เรียกว่า อคติเชิงลบ (negativity bias) หรืออคติในการรับรู้ของมนุษย์ โดยเรามักเลือกให้ความสนใจกับด้านลบๆ ของข้อมูลมากกว่า อย่างที่เราจะเห็นว่าข่าวดังหลายครั้งมักมีส่วนผสมของอารมณ์ด้านลบ อย่าง คนเลิกกัน ข่าวอาชญากรรม โศกนาฏกรรม หรือความสูญเสีย
มีการศึกษาเกี่ยวกับการการใช้คำเชิงลบในข่าวออนไลน์ โดยการสุ่มหัวข้อ และดูวิธีการใช้พาดหัว 105,000 แบบ จากเว็บไซต์ Upworthy สื่อออนไลน์ที่ใช้เทคนิคการทำให้เนื้อหาเป็นไวรัล พบว่าคำเชิงลบในพาดหัวข่าวช่วยเพิ่มอัตราการคลิกได้ เช่น คำที่มีความโกรธหรือความกลัว ในขณะที่คำเชิงบวกกลับมีอัตราการคลิกลดลง ยิ่งพาดหัวมีจำนวนคำเชิงลบมากคำ ก็ยิ่งช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (click-through rate) ได้ประมาณ 2.3%
และแน่นอนว่าคนทำคอนเทนต์รวมถึงสำนักข่าวหลายแห่งรู้ความจริงข้อนี้ดี หลายครั้งจึงนำเสนอเนื้อหาไม่บันเทิงใจให้เราดูอยู่เรื่อยๆ เพราะเนื้อหาเชิงลบ หรือคอนเทนต์เรียกทัวร์จะช่วยสร้างยอดเอ็นเกจเมนต์มากกว่าเนื้อหาอื่นๆ หากเราไถฟีดอย่างไม่ระวัง จนผลอคลิกไปดูเรื่อยๆ อาจติดเข้าไปอยู่ในวังวนของข่าวชวนจิตตกที่เราไม่ได้สนใจจริงๆ วันละหลายชั่วโมง มีศัพท์พฤติกรรมนี้ว่า ‘doomscrolling’ เป็นผลมาจากอัลกอริทึมที่ดันโพสต์ที่มีความขัดแย้งหรือกระตุ้นอารมณ์ขึ้นมาให้เราดูบ่อยๆ
สิ่งที่เราเห็นมักกลายเป็นตัวเรา เช่นเดียวกับข่าวที่เราเห็นบ่อยๆ โดยเฉพาะข่าวด้านลบ แม้จะช่วยตอบสนองความอยากรู้ ทำให้เรารู้สึกดีในช่วงแรก แต่การดูข่าวเหล่านี้นานๆ ก็ส่งผลกับอารมณ์ของเราได้เช่นกัน
งานวิจัยจากสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าอัลกอริทึมในโซเชียลมีเดียส่งเสริมพฤติกรรมเลือกดูข้อมูล (selective exposure) ยิ่งเจอเนื้อหาแบบเดิม ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นอารมณ์เดิมซ้ำๆ หากอัลกอริทึมเข้าใจว่าเราชอบเนื้อหาด้านลบ ผลคือเราอาจจมอยู่กับอารมณ์กลัว โกรธ หรือสิ้นหวัง โดยไม่ทันรู้ตัว จากความรู้สึกบนหน้าจอ อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และเรื่องส่วนตัวในชีวิตจริงในท้ายที่สุด
เปลี่ยนหน้าฟีดยังไงให้สุขภาพจิตดีขึ้น
หากก่อนหน้านี้เผลอไปคลิกเรื่องราวดราม่า เพียงเพราะอยากตามข่าวให้ทัน จนหน้าฟีดของเราเต็มไปด้วยเนื้อหาอื่นๆ ที่เราไม่ได้สนใจ อาจทำให้อารมณ์ด้านลบเราเกิดขึ้นบ่อยครั้ง การเปลี่ยนอัลกอริทึมให้เต็มไปด้วยเนื้อหาที่เราสนใจจึงอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุด เพื่อให้เราใช้เวลาอยู่บนโซเชียลมีเดียได้อย่างสบายใจ
แต่การเปลี่ยนให้อัลกอริทึม อาจไม่ใช่วิธีทางเทคนิคที่กดปุ่มสีแดงปุ๊บแล้วเนื้อหาที่เราสนใจจะโผล่ขึ้นมาปั๊บ แต่เราต้องปรับทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้อัลกอริทึมเรียนรู้สิ่งที่เราสนใจจริงๆ
ลินด์เซย์ กอดวิน (Lindsey Godwin) ศาสตราจารย์และประธานคณะบริหารธุรกิจ จาก Champlain College และ Michigan daily สื่ออิสระจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ได้แนะนำวิธีการเลือกดูข้อมูล เพื่อปรับอัลกอริทึมไว้ดังนี้
ตรวจสอบสิ่งที่ตัวเองดู: เริ่มต้นให้เราใช้เวลา 5 นาทีสแกนฟีดโซเชียลเร็วๆ แล้วถามตัวเองว่า รู้สึกยังไงกับเนื้อหานี้ เช่น รู้สึกมีพลัง แรงบันดาลใจ หรือทำให้หมดแรงหรือตัวเล็กลง ถ้าทำให้รู้สึกแย่ ก็อาจเลือกกดเลิกติดตาม หรือ mute ก็เป็นการลดการมองเห็นเนื้อหาเหล่านั้นลง
ใช้ไลก์ ติดตาม และคอมเมนต์ อย่างมีสติ: อย่างที่บอกว่าอัลกอริทึมเรียนรู้จากวิธีที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับโพสต์ ซึ่งบางทีอาจเกิดจากความไม่ตั้งใจ เช่น เพื่อนส่งมาให้แล้วเราดันกดไลก์ หรือมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นโพสต์ที่ผ่านตาเข้ามา (แม้จะเป็นคอมเมนต์ที่ไม่เห็นด้วยก็ตาม) อัลกอริทึมอาจตีความได้ว่าเราชอบสิ่งเหล่านี้จริงๆ และจะเสิร์ฟเนื้อหาเหล่านี้ต่อไป ในทางกลับกัน หากเราเจอคอนเทนต์ที่เราชอบจริงๆ อยากเห็นมากขึ้นบ่อยๆ อย่าลืมแสดงออกมา ด้วยการ กดไลก์ กดติดตาม หรือคอมเมนต์ไว้ นอกจากจะเป็นการบอกให้อัลกอริทึมรู้แล้ว ยังช่วยให้คนผลิตอาจมีกำลังใจทำสิ่งเหล่านั้นต่อไปด้วยนะ
ติดตามคนที่คล้ายกับตัวเอง: เป็นธรรมดาที่เราจะติดตามอินฟลูเอนเซอร์ เซเลบริตี้ คนดัง หรือคนที่เราชื่นชอบเอาไว้ แต่บางครั้งการได้เห็นชีวิตที่แสนเพอร์เฟ็กต์ของพวกเขาผ่านหน้าฟีด ก็อาจทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจหรือขาดอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลาก็ได้ หากรู้สึกแบบนั้นอาจลองเลิกติดตามคนเหล่านั้นให้น้อยลง แล้วหันมาติดตามคนที่สะท้อนตัวตนของเราดีกว่า เช่น นักเขียน นักดนตรี นักเคลื่อนไหว หรือใครก็ตามที่เราสามารถมองเห็นตัวเองในคนเหล่านั้นจริงๆ เพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจ และทำให้รู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นที่ได้เจอคนที่ให้คุณค่าเรื่องเดียวกับเรา
อย่าติดตามใครเพราะเกลียด: เราอาจเคยมี ‘hate-follow’ หรือคนที่เราติดตามแม้ว่าจะไม่ชอบหน้าแค่ไหนก็ตามไว้ในลิสต์ ถ้าถามว่ามีไปทำไม? คงเป็นเพราะการได้เห็นชีวิตของพวกเขา หรือความหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้เห็นโพสต์ ก็คือความบันเทิงรูปแบบหนึ่ง แต่ต้องขอบอกไว้เลยว่าเรื่องแบบนี้มีผลเสียมากกว่าที่คิด เพราะผลที่ตามมาคืออารมณ์ด้านลบที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เช่น ความโกรธหรือความหมกมุ่นในชีวิตคนอื่น ดังนั้นการเลิกติดตามหรือปล่อยผ่าน ก็ช่วยให้เรามีเวลาไปเจอเนื้อหาอื่นๆ ที่ช่วยโฟกัสตัวเองได้ดีกว่าแทน
ให้ความสำคัญกับโลกออฟไลน์: การเปลี่ยนอัลกอริทึม อาจเริ่มได้ตั้งแต่สิ่งแวดล้อมรอบตัวของเราเอง ไม่ว่าจะเป็นสังคม คนที่เราใช้เวลาอยู่ด้วย หนังสือที่อ่าน เพลงที่ฟัง หรือหนังที่ดู สิ่งเหล่านี้ต่างก็หล่อหลอมวิธีมองโลก รวมไปถึงเนื้อหาที่เราเลือกดูบนโซเชียลมีเดียด้วย นอกจากนี้การหยุดพักจากฟีด แล้วหันมาให้ความสำคัญกับกิจกรรมอื่นๆ ก็ช่วยให้เราเจอเรื่องที่สนใจจริงๆ โดยไม่จำเป็นต้องหาเรื่องราวเหล่านั้นบนโซเชียลเลย
ยิ่งเราตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เราดูเข้าไปมีผลกับเรามากเท่าไหร่ ก็ทำให้เราคัดเลือกสิ่งที่จะเอาเข้าร่างกายเราได้ดีขึ้นเท่านั้น ใครที่กำลังว้าวุ่นกับอัลกอริทึมในมือถือตัวเองอยู่ ลองเอาวิธีพวกนี้ไปปรับใช้ดูนะ
อย่างน้อยก็อาจจะทวงคืนพื้นที่สบายใจของเราบนโลกออนไลน์กลับมาได้บ้าง
อ้างอิงจาก