แก้วน้ำเก็บความเย็น ตุ๊กตานุ่มนิ่ม หมอนลายน่ารัก เตาปิ้งขนมปัง สารพัดสิ่งของที่น่าหยิบไปใส่กล่องของขวัญ แต่กว่าจะเลือกได้ก็ต้องคิดหนัก เพราะไม่รู้ว่าที่ซื้อไปจะถูกใจคนรับหรือเปล่า
ยิ่งเข้าใกล้ช่วงเทศกาลทีไร ไม่ว่าจะคริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ วันเกิด หรือจะวันครบรอบ เรื่องที่หลายคนคิดหนักเป็นอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้นการเลือกของขวัญให้คนใกล้ชิด สำหรับคนให้แล้ว เราคงอยากเห็นสีหน้าดีใจปนเซอร์ไพร์สเวลาที่คนรับแกะของขวัญนั้นแน่ๆ แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือเราไม่รู้เลยว่าสิ่งของชิ้นไหนจะถูกใจคนรับมากที่สุดนี่สิ
แน่นอนว่าถ้าเป็นการให้ของขวัญคนสนิท เราย่อมได้รับความรู้สึกขอบคุณกลับมาเป็นการตอบแทน เพราะนี่เป็นการแสดงความรักโดยไม่ต้องใช้คำพูด แถมยังทำให้เห็นว่าเรายังนึกถึงและปรารถนามอบสิ่งดีๆ ให้อีกฝ่าย แต่นอกเหนือไปจากความรู้สึกขอบคุณแล้ว แทนที่จะเป็นเพียงแค่สิ่งของชิ้นหนึ่งที่ตั้งทิ้งไว้ไม่ต่างจากสิ่งของอื่นๆ ถ้าของขวัญชิ้นนั้นเป็นตัวแทนที่มองทีไรก็นึกถึงความรู้สึกดีๆ ก็คงยิ่งทำให้คนให้ใจฟูเป็นพิเศษ
ขนาดความชอบของเรายังเปลี่ยนไปทุกวัน วันนี้อินเครื่องครัว ผ่านไปไม่กี่เดือนก็หันไปชอบงานคราฟต์สุดเก๋แล้ว เพราะการเลือกของขวัญให้ตรงใจคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วเราจะทำยังไงในวันที่ไม่รู้จะเลือกอะไรเป็นของขวัญให้คนสำคัญดีนะ
เมื่อของขวัญที่ดีคือของขวัญที่ใส่ใจ
การด่วนตัดสินใจเลือกซื้อของเป็นของขวัญแล้วพบว่ามันไม่เข้ากับคนรับซะเลย ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราแค่คนเดียว แต่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่พบเจอได้บ่อยๆ
มีผลสำรวจจาก NRF and Happy Returns บริษัทขนส่งจากอเมริกา ระบุว่าในปี 2024 แม้ร้านค้าปลีกจะมีผลตอบแทนรวมสูงถึง 890 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 30,000 ล้านบาทไทย โดยช่วงที่มีการจับจ่ายมากที่สุดคือช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมากกว่าวันอื่นๆประมาณ 17% แต่จากสถิติในปี 2022 พบว่ามีของที่ถูกส่งคืนกลับมาที่ร้านค้าอีกราว 17% เช่นกัน
ถึงเวลาเลือกของขวัญ แน่นอนว่าเราต้องเลือกของขวัญที่ดีที่สุดให้อีกฝ่าย เอาแบบให้เปิดออกมาแล้วต้องตาโต ร้องว้าว เอาไปป่าวประกาศให้เพื่อนๆ ได้รู้กันไปเลยว่าเราเลือกของขวัญเก่งแค่ไหน แก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุด เครื่องประดับวิบวับ หรือจะกระเป๋าสุดเก๋ ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่เราก็พร้อมจ่ายอยู่แล้ว ขอแค่ได้เห็นสีหน้าดีใจของคนที่เรารักก็พอ
แต่เมื่อถึงเวลาต้องให้จริงๆ แก็ดเจ็ตใหม่ล่าสุดของเรากลับไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของคุณแม่ที่ชอบทำอะไรด้วยตัวเองดีขึ้น ต่างหูวิบวับก็ไม่อาจทำให้คนรักเฉิดฉาย เพราะคุณแฟนดันไม่ได้ชอบสไตล์นี้ หรือเครื่องทำอาหารแสนสะดวกสบาย แต่กลับอยู่กับเพื่อนที่ไม่ใช่สายทำอาหารกินเอง
ลงเอยแบบนี้ต่อให้สิ่งของมีประโยชน์แค่ไหนก็คงไม่พ้นต้องคืนสินค้า หรือไม่ก็ปล่อยไว้นอนนิ่งอยู่ในกล่องเป็นปีๆ แถมพาลให้เรารู้สึกอึดอัดใจเปล่าๆ ว่าไม่ชอบของที่เราให้เหรอ ทำไมไม่เห็นใช้บ้างเลยล่ะ
จูเลียน กิวี (Julian Givi) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและนักจิตวิทยาที่ศึกษาแนวทางการให้ของขวัญ บอกว่าการเลือกของขวัญการเลือกของขวัญที่ดีมีส่วนช่วยลดการคืนสินค้าได้ นอกจากนี้ในการศึกษาของเขาเกี่ยวกับพฤติกรรมการให้ของขวัญในเชิงการตลาด ยังพบว่าผู้คนมักเลือกสิ่งของเพื่อความต้องการของตัวเอง เช่น มักเลือกสิ่งของที่แปลกใหม่ หรือราคาแพง เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนอื่น มากกว่าตัวของผู้รับของขวัญชิ้นนั้นจริงๆ
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัย แล้วของขวัญที่ดีคืออะไรล่ะ? คำถามนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญยังบอกว่าเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก แต่จูเลียนที่ศึกษาเรื่องนี้มาอย่างยาวนานบอกว่า ของขวัญที่มีคุณค่าทางจิตใจ (Sentimental Gifts) มักมีประโยชน์กับผู้รับมากที่สุด เนื่องจากเป็นของขวัญที่มีส่วนเชื่อมโยงกับคนสำคัญ ช่วงเวลาสำคัญ หรือความทรงจำที่ลึกซึ้งของคนรับ ไม่ว่าจะเป็น ของตกทอดจากคุณยาย สมุดแฮนด์เมดที่รวมตั๋วหนังที่เคยไปดูด้วยกัน หรือช็อคโกแลตที่เคยได้ชิมในวัยเด็ก
ฟังไปก็ดูเป็นของขวัญที่น่ารัก ไม่น่ามีอะไรเสียหายนี่นา แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกของขวัญประเภทนี้มอบให้ในโอกาสต่างๆ เท่าไหร่ ไม่ใช่ว่ามันหายาก หรือมีราคาถูกเกินไป แต่เพราะของขวัญที่มีคุณค่าทางจิตใจมีความเสี่ยงเกินไปต่างหาก เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนจะเปิดใจให้กับของขวัญที่เป็นส่วนตัวขนาดนี้ สุดท้ายผลลัพธ์ก็มีอยู่ 2 อย่าง ไม่ประทับใจมากก็อาจผิดหวังสุดๆ เลยก็ได้
ดังนั้นเมื่อคนให้อยากให้ผู้รับมีความสุข หลายคนจึงเลือกซื้อของขวัญที่ดูเป็นสิ่งของทั่วไปที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวันมากกว่า แม้ว่าบางครั้งอาจจะไม่เหมาะกับคนรับเลยก็ตาม ท้ายที่สุดนอกจากจะกลายเป็นภาระให้ผู้รับต้องดูแลแล้ว บางทีก็อาจทำให้เราเสียทั้งเวลาและเงิน จากค่าใช้จ่ายแอบแฝงระหว่างการคืนสินค้าด้วย
ถึงเวลาเลือกของขวัญให้สบายใจคนให้และสุขใจคนรับ
ของขวัญไม่ได้เป็นตัวแทนความรู้สึกของเราเท่านั้น แต่ของขวัญที่ดียังช่วยให้ความสัมพันธ์ของเราและอีกฝ่ายสนิทกันมากขึ้นด้วย
จากงานวิจัยของอลิซาเบธ ดันน์ (Elizabeth Dunn) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย จากแคนาดา พบว่าการเลือกของขวัญที่ดีมีส่วนทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่ายได้ง่ายขึ้น ในทางตรงกันข้ามการเลือกของขวัญที่ไม่ดีก็อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์เหินห่างด้วยเช่นกัน เพราะแสดงให้เห็นว่าเราไม่มีอะไรเหมือนกับผู้รับเลย
เมื่อการให้ของขวัญมีผลถึงความสัมพันธ์ เพื่อให้ความหวังดีของจากคนให้ส่งไปถึงคนรับให้มากที่สุด เราเลยรวบรวมวิธีการให้ของขวัญจากผู้เชี่ยวชาญ ทั้งอลิซาเบธ ดันน์ และเจฟฟ์ กาลัก (Jeff Galak) รองศาสตราจารย์ด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน มาให้ดังนี้
ราคาแพงไม่ได้การันตีความประทับใจ: เรามักเชื่อกันว่าของขวัญราคาแพงต้องทำให้ผู้รับประทับใจ แต่ถ้าหากของแพงๆ ไม่ได้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรับ บางทีจากความดีใจก็อาจได้สีหน้างงงวยกลับมาแทน มีการศึกษาจากเจฟฟ์ พบว่าผู้รับให้ความสำคัญกับของขวัญที่มีคุณค่าในระยะยาวมากกว่าความประทับใจชั่วคราวตอนเปิดกล่อง ดังนั้นแม้ราคาไม่แพงแต่ถ้าคนรับได้ใช้ยาวๆ ก็อาจถือเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
สิ่งของที่มีความสนใจร่วมกัน: หากเราสนใจแต่จะซื้อของที่ไม่เหมือนใคร หรือเฉพาะเจาะจงมากเกินไป เช่น เสื้อผ้าแหวกแนวไม่ซ้ำใคร หรือน้ำหอมที่ปรุงขึ้นมาแบบพิเศษ บางทีอาจทำให้ลืมความต้องการของคนรับไป โดยเจฟฟ์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าหลายคนมักพอใจกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่สนใจ โดยไม่ได้เปรียบเทียบของขวัญที่ตัวเองได้รับกับคนอื่นๆ เลย ดังนั้น เราอาจลองนึกถึงความชอบของคนรับเป็นหลัก ว่ามีอะไรที่เรากับเขาสนใจเหมือนกันบ้าง เช่น ของที่ระลึกจากหนังเรื่องโปรด หรืออาหารรสชาติหายากหากเราเป็นสายกินเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรเหมือนกัน การถามตรงๆ ว่าเขาต้องการอะไรอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถึงจะไม่เซอร์ไพร์ส แต่แค่คนรับดีใจก็น่าจะเพียงพอแล้ว
สิ่งของที่ใช้ได้ระยะยาว: เราคงไม่อยากเห็นของขวัญที่ตั้งใจเลือกกับมือถูกวางทิ้งไว้แน่ๆ ก่อนเลือกซื้อของขวัญเราอาจลองหยุดคิดสักหน่อยว่าอะไรเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายจะได้ใช้บ่อยๆ ในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันก็ต้องใช้งานง่าย ไม่เพิ่มภาระให้อีกฝ่าย เช่น ไม่ซื้ออุปกรณ์ที่ต้องอ่านคู่มือยาวๆ ใช้งานยากๆ ให้กับญาติผู้ใหญ่ แต่ถ้าอีกฝ่ายชอบดื่มกาแฟทุกเช้า การซื้อเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ใช้งานง่าย ก็อาจทำให้อีกฝ่ายนึกถึงเราทุกครั้งที่กดกาแฟทุกวันก็ได้
ของขวัญที่ให้ประสบการณ์: หากไม่รู้จะซื้ออะไรดี สิ่งของก็ให้ไปจนครบทุกอย่างแล้ว ของขวัญที่มอบประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็น บัตรคอนเสิร์ต เวิร์กช็อปทำอาหาร หรือวอชเชอร์สปาสุดผ่อนคลาย ของขวัญเหล่านี้ก็ช่วยเราและคนรับสนิทกันมากขึ้นเช่นกัน (แม้เราจะไม่ได้ร่วมทำกิจกรรมนั้นก็ตาม) เพราะของขวัญชิ้นนี้มักมาพร้อมกับอารมณ์และความทรงจำที่ได้ใช้เวลาไปกับกิจกรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนาน ตื่นเต้น หรือผ่อนคลาย ซึ่งช่วยทำให้อีกฝ่ายเชื่อมโยงความรู้สึกนี้กับเราทุกครั้งที่นึกถึงความทรงจำครั้งนั้นนั่นเอง
ความใส่ใจมีค่ามากกว่าสิ่งของ: สุดท้ายต่อให้เราอย่างให้ผู้รับประทับใจแค่ไหน ก็อย่ากดดันให้ตัวเองให้จ่ายเกินกำลัง เพราะยังมีของขวัญอีกมากมายที่ทำให้คนรับรู้สึกดี ในราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าอยู่ แม้ของขวัญชิ้นนั้นอาจยังไม่เหมาะกับผู้รับในตอนนี้ แต่ถึงยังไงความตั้งใจและความใส่ใจในการเลือกก็ยังมีคุณค่า และเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้ของที่มอบอีกฝ่ายเลย
สุดท้ายเป็นคำแนะนำเพิ่มเติมที่มาจากเราเองว่า ลองแนบการ์ดไปกับของขวัญ อาจช่วยเพิ่มความอบอุ่นใจให้คนรับได้มากขึ้น ของขวัญที่ตั้งใจเลือกกับการ์ดที่เขียนอวยพรเล็กๆ บอกความตั้งใจในการเลือกของขวัญชิ้นนี้ให้ลงไปด้วย เช่น ซื้อแก้วเก็บความเย็นให้ เพราะอยากให้ดื่มน้ำเพิ่มระหว่างวันจะได้สุขภาพดีตลอดปี การมอบความห่วงใยดีๆ ผ่านตัวอักษรก็อาจทำให้คนรับยิ้มออกมาได้กว้างขึ้น
เพราะของขวัญอาจช่วยสร้างความประทับใจได้ก็จริง แต่สิ่งที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือความรู้สึกของคนรับ การใช้เวลาทำความรู้จักอีกฝ่ายให้มากขึ้นว่าต้องการอะไร ก็อาจทำให้เราส่งความหวังดีไปถึงคนรับได้มากขึ้นนะ
อ้างอิงจาก