ช่วงใกล้สิ้นปีแบบนี้ถึงตัวจะอยู่หน้าโต๊ะทำงาน แต่ใจลอยไปวันหยุดทุกที
อยากจะออกไปพักผ่อนใจจะขาด แต่ก็ทำได้แค่นั่งจ้องจอคอมโล่งๆ ถอนหายใจในออฟฟิศอย่างเฉาๆ บรรยากาศเงียบเหงาบอกไม่ถูก
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ทำงานได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร แต่ยิ่งใกล้วันหยุดเท่าไหร่ จู่ๆ ก็รู้สึกเบื่องานขึ้นมาซะอย่างนั้น จากที่รีบเร่งเคลียร์ให้เสร็จก็เลือกจะเก็บไว้ทำทีหลังสุด แล้วหันไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานแทน
ทำไมช่วงใกล้วันหยุดยาวเราถึงเริ่มไม่อยากทำงานกันนะ แล้วเราจะเอาตัวรอดเพื่อไปให้ถึงวันหยุดได้ยังไงบ้าง

ยิ่งใกล้วันหยุดยิ่งไม่อยากทำงาน
พอรู้ว่าอีกไม่กี่วันใกล้ถึงหยุดยาว จากที่เคยเคลียร์งานได้อย่างรวดเร็ว ปิดจ็อบได้ไม่มีตกหล่น ตอนนี้ขอแค่รับผิดชอบงานให้ผ่านพ้นไปแต่ละวัน ผ่อนแรงไว้รอให้วันหยุดมาถึงเท่านั้น
แม้จะดูเหมือนความขี้เกียจเข้าครอบงำ แต่อย่าเพิ่งโทษตัวเองขนาดนั้น ลองมาดูก่อนดีกว่าว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลังบ้าง
ในความเป็นจริงยังมีคนอีกมากที่รู้สึกไม่อยากทำงานเมื่อใกล้ถึงวันหยุดยาวเป็นเพื่อนเรา ไมเคิล ดีน (Michael Dean) ผู้อำนวยการที่ดูแลด้านประสบการณ์ของพนักงานจาก Peakon อธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า ‘holiday click-off’ หรือจุดที่พนักงานเริ่มทำงานน้อยลงแม้จะยังนั่งอยู่ในออฟฟิศก็ตาม
ในช่วงนี้เราอาจสังเกตพฤติกรรมการทำงานของตัวเองเปลี่ยนไปได้ เช่น ทำงานช้าลง เลิกงานก่อนเวลา และเริ่มไม่มีสมาธิกับงาน บางคนอาจตอบอีเมลช้าลง หรือไม่รับงานใหม่ๆ ในช่วงนี้ ผลคือทำให้ประสิทธิภาพการทำงานช่วงใกล้วันหยุดลดลงตามไปด้วย
ความรู้สึกอยากรามือจากงานให้ได้โดยไว เกิดขึ้นกับคนทำงานหลายคน จากการสำรวจ Sopro บริษัทด้านการตลาด ได้วิเคราะห์ข้อมูลและสำรวจพนักงานกว่า 2,000 คนทั่วสหราชอาณาจักร พบว่าช่วงเวลาที่คนทำงานมักหลีกเลี่ยงงานใหญ่มากที่สุด คือ ช่วงปลายปี โดยวันที่ประสิทธิการทำงานลดลงมากที่สุดคือวันที่ 17 ธันวาคม ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองนี่เอง
เพื่อให้หลายคนรู้สึกสบายใจมากขึ้น เราชวนมาดูผลสำรวจของเหล่าคนทำงานกัน โดย 31% หรือเกือบ 1 ใน 3 ของพนักงานยอมรับว่าลดงานของตัวเองลง และอีกราว 29% ยอมรับว่าทำกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวกับงานในเวลาทำงาน เช่น ช้อปปิ้งออนไลน์ระหว่างทำงาน แถมพนักงานอีกราว 22% บอกว่าตัวเองใช้เวลาพักกลางวันนานขึ้นหรือเลิกงานก่อนเวลา
นอกจากนี้ในผลสำรวจนี้ยังบอกอีกด้วยว่าช่วงวัยก็มีผลต่อการผ่อนแรงทำงานเมื่อใกล้วันหยุด ซึ่งกลุ่มที่เริ่มทำงานน้อยลงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Gen ที่รักการทำงานแบบเวิร์กไลฟ์บาลานซ์ อย่างชาวมิลเลนเนียล ซึ่งพบว่า 46% เกือบครึ่งหนึ่ง เริ่มทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับงานในเวลางาน
รองลงมาคือ Gen Z ด้วยสัดส่วนที่ไล่ตามกันมาติดๆ คือราว 45% ยอมรับว่าตัวเองมีทำกิจกรรมอื่นในเวลางานช่วงสิ้นปีเช่นกัน เพราะจากงานวิจัยระบุว่าพนักงาน Gen Z ครึ่งหนึ่งรู้สึกหมดไฟในการทำงาน ทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มหลีกเลี่ยงงานสำคัญหรือซับซ้อนมากที่สุดก่อนคริสต์มาสไปด้วย

จิตใจห่อเหี่ยว มือก็ไร้เรี่ยวแรง
พอใจเริ่มห่อเหี่ยว แทนที่จะได้ออกไปเฉลิมฉลองอย่างใครเขา แต่เรากลับต้องมานั่งทำงานในออฟฟิศงกๆ หลายคนก็อาจเริ่มหันมาโทษตัวเองแทน ว่าเป็นเพราะเราไม่เก่งหรือเปล่า หรือเราบกพร่องตรงไหนไปไหม ทำไมเราถึงรู้สึกไม่สามารถจัดการงานตรงหน้าได้
แต่อย่างที่บอกไป เราอย่าเพิ่งโทษตัวเองไปเสียทั้งหมด ลองมองปัจจัยรอบตัวประกอบด้วย เพราะบรรยากาศรอบข้างมีผลกับเรามากกว่าที่คิดนะ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่ใครๆ ก็ออกมาฉลองให้เห็นเต็มฟีดออนไลน์ ออกไปที่ไหนก็เห็นไฟตกแต่งระยิบระยับ ไม่พอกลับเข้าออฟฟิศยังเห็นโต๊ะโล่งๆ เพราะเพื่อนใช้วันลาหยุดจนเต็มแม็กซ์ หันไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งกระตุ้นเตือนถึงวันหยุดตลอดแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกอยากแพลนทริปวันหยุดแทนที่จะทำงานตรงหน้า
ขณะเดียวกันช่วงปลายปี ยังเป็นช่วงที่ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาพร้อมกันอีก ไหนจะเรื่องครอบครัว เรื่องแผนเดินทาง เรื่องเงินที่จับจ่ายออกไปมากกว่าปกติ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นภาระนอกเหนือจากงานที่เราต้องรับมือ การที่เราต้องจัดการทุกอย่างในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนถึงวันหยุดยาว ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราหลุดโฟกัสจากการทำงานช่วงนี้ไป แถมยังรู้สึกเหนื่อยล้าขึ้น จนตั้งตารอรอให้วันหยุดมาถึงเร็วๆ
นอกจากนี้วัฒนธรรมองค์กรก็อาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานช่วงใกล้วันหยุดยาวมากขึ้น หากไม่มีการจัดการที่ดี หรือรับฟังเสียงของคนทำงานมากพอ ช่วงสิ้นปีก็อาจเป็นช่วงหนึ่งที่หนักหน่วงสำหรับคนทำงาน เพราะต้องรีบเร่งปิดงานให้ทันก่อนสิ้นปี จนทำให้หลายคนรู้สึกหมดไฟในช่วงนี้ได้
เบน ไรท์ (Ben Wright) หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรของ Instant Offices บริษัทจัดหาพื้นที่สำนักงานให้เช่าระดับโลก อธิบายว่า หากวัฒนธรรมองค์กรเปราะบางอยู่แล้ว เดือนธันวาคมจะเผยให้เห็นความไม่พอใจหรือภาวะหมดไฟของพนักงานมากขึ้น หากหัวหน้ามอบหมายภาระงานมาให้โดยไม่ให้การสนับสนุน หรือไม่ยืดหยุ่นเวลา ความรู้สึกถูกมองข้าม หรือถูกโยนความกดดันมาให้ ยิ่งในช่วงเทศกาลแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้คนทำงานเกิดความเครียด จนอาจนำมาสู่การตัดสินใจลาออกได้ในที่สุด
ดังนั้นหากเราไม่มีใจจดจ่ออยู่กับการทำงาน อาจต้องกลับมาทบทวนอีกครั้งว่าเป็นเพราะบรรยากาศภายนอก หรือเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานกันกันแน่ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่สะท้อนปัญหาจากการทำงานที่ผ่านมาก็ได้นะ

มาจัดการงานให้ราบรื่นก่อนวันหยุดกัน
ใครที่มองกองงานแล้วรู้สึกท้อแท้ จนแอบกังวลว่าตัวเองต้องแบกงานไปทำวันหยุดนี้ด้วย อย่าเพิ่งหนีไปร้องไห้นะ ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้า แล้วหาวิธีจัดการกองงานให้เสร็จก่อนวันหยุดมาถึงกันดีกว่า อย่างน้อยถ้าผ่านงานกองนี้ไปได้ ปีใหม่เราก็จะได้พักแล้ว โดยคำแนะนำจาก Walrath recruiting บริษัทจัดหางานและสรรหาบุคลากรในสหรัฐอเมริกา ให้เราลองเริ่มจากวิธีง่ายๆ เช่น จัดลำดับความสำคัญ และเลือกทำงานชิ้นใหญ่ก่อน
ลองลิสต์สิ่งที่ต้องทำ เราควรเริ่มจากจดงานทั้งหมดที่เราถืออยู่ ตั้งแต่งานใหญ่ไปจนถึงงานเล็ก รวมถึงภารกิจส่วนตัวด้วย เพื่อให้เราเห็นภาพกว้างคร่าวๆ ก่อน จากนั้นจึงมาคัดแยกหรือตัดงานที่รอไปทำหลังช่วงวันหยุดได้ออกไป วิธีนี้จะช่วยลดแรงกดดันจากรายการที่ยาวเกินไป เพื่อโฟกัสกับงานที่สำคัญจริงๆ แถมยังช่วยให้รู้สึกควบคุมตารางเวลาของตัวเองได้ดีขึ้น
พอเราได้ลิสต์สิ่งที่ต้องทำขึ้นมาแล้ว จากนั้นเราจึงมาเรียงลำดับความด่วน ยิ่งด่วนมากเท่าไหร่ ก็ควรเริ่มลงมือทำก่อนเป็นอันดับแรกๆ เพราะการเริ่มต้นจากงานใหญ่หรืองานด่วนจะช่วยให้เราไม่ต้องกังวลว่าจะทำเสร็จไม่ทัน โดยเฉพาะช่วงที่ยังพอมีเวลาควรใช้พลังสมองให้คุ้มค่าตอนที่ยังมีสมาธิและจัดงานยากๆ ให้เสร็จก่อน เพื่อไม่ให้เสียสมาธิเมื่อถึงช่วงใกล้วันหยุดที่มีสิ่งล่อตาล่อใจมากขึ้น
ในระหว่างที่เราทำงาน ก็สร้างบรรยากาศให้เราจดจ่ออยู่กับงานให้มากที่สุด เพราะบางทีงานชิ้นนั้นอาจใช้เวลาทำไม่นานก็ได้ หากเราตั้งใจทำมันจริงๆ ดังนั้นพยายามแยกตัวเองออกจากสิ่งรบกวน หากเราทำงานที่บ้าน ก็อาจจะลองหามุมที่เงียบสงบของตัวเอง หรือหากอยู่ในออฟฟิศก็ลองหยิบหูฟังขึ้นมาใส่ งดเรื่องซุบซิบให้น้อยลง หรือใช้เทคนิค pomodoro หรือการแบ่งเวลาทำงานเป็นช่วงสั้นๆ ทุก 25 นาที ซึ่งอาจช่วยให้งานชิ้นใหญ่เสร็จลงภายในไม่กี่ชั่วโมง
นอกจากนี้สภาพแวดล้อมแล้ว สิ่งที่ทำลายสมาธิเรามากที่สุดอาจเป็นการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน เราอาจจะคิดว่าการเริ่มจับงานหลายอย่าง จะช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น แต่จริงๆ แล้วอาจทำให้เราไม่มีสมาธิจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งอย่างเต็มที่ จนท้ายที่สุดก็ไม่มีงานไหนเสร็จเลยก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่ง่ายที่สุดคือ ยึดตามลิสต์ที่เราจัดลำดับความสำคัญไว้ตอนแรก แล้วโฟกัสทำทีละงานแทนจะช่วยให้เราไม่ต้องคอยกังวลว่างานจะไม่เสร็จตามเวลา
หากเราเคลียร์งานใหญ่ไปได้แล้ว อย่าลืมปรบมือให้ตัวเองนะ เพราะเราเพิ่งผ่านจุดที่ยากที่สุดไป โดยหลังจากนี้เราก็จะเหลือเพียงงานเล็กๆ หรืองานที่ไม่ต้องใช้ความคิดมาก ซึ่งทำได้ง่ายกว่า แถมยังช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ช่วงนี้ก็อาจลองให้ตัวเองได้พักผ่อน เพื่อเตรียมตัวระหว่างวันหยุด ด้วยกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ซื้อของขวัญ อบขนม ไปนวด หรือออกกำลังกาย เพราะกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้เราพร้อมรับวันหยุดที่จะมาถึงนี้
ว่าแล้วก็ขอตัวไปจิบกาแฟ เตรียมตัวรับวันหยุดยาวนี้ก่อนนะ
อ้างอิงจาก