ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นข่าวคราวของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะวิธีการบริหารบ้านเมืองแบบเด็ดขาด หรือคำสั่งการที่สะเทือนการค้าโลกก็ตาม รวมถึงวงการการศึกษาโดยเฉพาะความขัดแย้งที่รัฐบาลสหรัฐฯ มีกับ ‘ม.ฮาร์วาร์ด’ ที่ The MATTER รวบรวมไทม์ไลน์เหตุกาณณ์สำคัญ มาให้ทุกคนไล่ดูกันตั้งแต่ต้น

Graphic Designer: Sutanya Phattanasitubon
31 มีนาคม: กระทรวงยุติธรรม ประกาศว่าจะตรวจสอบสัญญาและเงินช่วยเหลือมูลค่าเกือบๆ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ฮาร์วาร์ดจะได้รับจากรัฐบาลกลางอย่างละเอียด เนื่องจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่สามารถป้องกันไม่ให้นักเรียนในมหาวิทยาลัยเลือกปฏิบัติต่อชาวยิวได้
11 เมษายน: รัฐบาลส่งจดหมายถึงมหาวิทยาลัย โดยเขียนข้อเรียกร้องหลายอย่าง ตั้งแต่ให้ปฏิรูปการจ้างงานและการรับสมัครงาน ปรับแผนการเรียนต่างๆ และมอบอำนาจในการดำเนินงานในมหาวิทยาลัยที่ครอบคลุมให้แก่รัฐ พูดง่ายๆ คือให้รัฐเข้ามาบริหารมหาวิทยาลัยแทนนั่นแหละ
14 เมษายน: ฮาร์วาร์ดประกาศว่าจะไม่ทำตามข้อเรียกร้องใดๆ ก็ตามของรัฐบาล และยืนกรานว่าจะไม่สละอิสรภาพที่พึงมีตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐบาลเองก็ตอบโต้โดยการเพิกถอนเงินช่วยเหลือการวิจัยมูลค่ากว่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
16 เมษายน: กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ เปิดการสอบสวนการลงทะเบียนเรียนของนักศึกษาต่างชาติของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และขู่ว่าจะเพิกถอนสิทธิ์ในการรับนักศึกษาต่างชาติ และเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยแบ่งปันข้อมูลภายในเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติแต่ละคนกับรัฐบาล
17 เมษายน: กระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ ประกาศการสอบสวนเงินบริจาคที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับจากต่างประเทศ โดยกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้เปิดเผยเงินที่ได้รับจากต่างประเทศอย่างถูกต้อง

Donald Trump
19 เมษายน: กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ประกาศการสอบสวนด้านสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุมจากกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ตั้งแต่การโจมตีอิสราเอลของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 เพื่อพิจารณาว่ามหาวิทยาลัยละเมิดกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติของรัฐบาลหรือไม่
20 เมษายน: มีรายงานว่าฝ่ายรัฐบาลเคลื่อนไหวเพื่อเพิกถอนเงินทุนวิจัยด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและพันธมิตรด้านการวิจัย เป็นจำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
21 เมษายน: มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยื่นฟ้องรัฐบาลเพื่อระงับการอายัดเงินทุน โดยบอกว่ารัฐบาลฝ่าฝืนกฎหมายโดยละเมิดความเป็นอิสระทางวิชาการของมหาวิทยาลัย
25 เมษายน: คณะกรรมการการจ้างงานเท่าเทียม ประกาศการสอบสวนแนวทางการจ้างงานของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยกล่าวหาว่ามหาวิทยาลัยเลือกปฏิบัติต่อพนักงาน ผู้สมัคร และผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมที่เป็นคนผิวขาว เอเชีย และผู้ชาย
28 เมษายน: กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ประกาศการสอบสวนร่วมกันในข้อกล่าวหาเรื่องการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ โดยแถลงการณ์อ้างคำพูดของรักษาการผู้ช่วยเลขาธิการฝ่ายสิทธิพลเมือง ซึ่งระบุว่า “กระบวนการคัดเลือกบทความของ Harvard Law Review (วารสารกฎหมาย) ซึ่งดูเหมือนจะเลือกผู้ชนะและผู้แพ้ โดยพิจารณาจากเชื้อชาติ โดยใช้ระบบการให้รางวัลตอบแทน ซึ่งเชื้อชาติของนักวิชาการด้านกฎหมายมีความสำคัญหรือสำคัญกว่าความดีความชอบของบทความที่ส่งมา ในขณะที่ข้อเรียกร้อง (ของรัฐ) นั้นชัดเจนที่ว่า ผู้รับความช่วยเหลือจากรัฐจะต้องไม่เลือกปฏิบัติจากเชื้อชาติ สีผิว หรือชาติกำเนิด ไม่มีสถาบันใด ไม่ว่าจะมีสายเลือด เกียรติยศ หรือความมั่งคั่งใดๆ ก็ตามที่อยู่เหนือกฎหมาย รัฐบาลทรัมป์จะไม่อนุญาตให้ฮาร์วาร์ดหรือผู้รับเงินทุนรายอื่นๆ ละเมิดสิทธิพลเมืองของใครก็ตาม”
2 พฤษภาคม: ทรัมป์กล่าวว่าจะเพิกถอนสถานะยกเว้นภาษีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากกฎหมายของรัฐบาลกลางห้ามประธานาธิบดีสั่งกรมสรรพากรตรวจสอบหรือเปลี่ยนแปลงสถานะภาษีของผู้เสียภาษีหรือสถาบันใดๆ ไว้อย่างชัดเจน
5 พฤษภาคม: กระทรวงศึกษาธิการประกาศว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลในอนาคต
12 พฤษภาคม: มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยแพร่จดหมายที่ระบุว่า ฮาร์วาร์ดยอมรับจุดร่วมกับรัฐบาล และหวังว่าจะสามารถฟื้นคืนความร่วมมือกับรัฐบาลได้ ซึ่งในวันเดียวกันนั้น กระทรวงยุติธรรมได้เริ่มการสอบสวนว่าแนวทางการรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดละเมิดกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติหรือไม่
13 พฤษภาคม: คณะทำงานร่วมของรัฐบาลได้เพิกถอนเงินทุนสนับสนุนเพิ่มเติม 450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอ้างว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั้นล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการรับมือกับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และการล่วงละเมิดต่อชาวยิวในมหาวิทยาลัย
19 พฤษภาคม: กระทรวงสาธารณสุขยกเลิกเงินทุนสนับสนุนการวิจัยทางการแพทย์อีก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
22 พฤษภาคม: กระทรวงความมั่นคงภายในประกาศว่า มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดได้อีกต่อไป
23 พฤษภาคม: มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดฟ้องเพื่อระงับคำสั่งดังกล่าว ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางตัดสินให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดชนะ(เพียงชั่วคราว) โดยห้ามไม่ให้คำสั่งมีผลบังคับใช้เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
26 พฤษภาคม: ทรัมป์ยังคงเดินหน้าสู้กับฮาร์วาร์ดต่อไป โดยการขู่ว่าจะดึงเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เอาไปมอบให้กับโรงเรียนอาชีวศึกษาทั่วอเมริกา
27 พฤษภาคม: ทรัมป์สั่งการให้สถานทูตสหรัฐฯ ทั่วโลกหยุดกำหนดการสัมภาษณ์วีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติในทันที เนื่องจากจะขยายการตรวจสอบผู้สมัครวีซ่าทางโซเชียลมีเดีย โดยเครือข่ายของ POLITICO บอกว่า “คำสั่งดังกล่าวจะมีผลทันที เพื่อเตรียมการสำหรับการขยายขอบเขตการคัดกรองและตรวจสอบประวัติบนโซเชียลมีเดียที่จำเป็น ฝ่ายกงสุลไม่ควรเพิ่มการนัดหมายขอวีซ่า สำหรับนักเรียนหรือผู้เยี่ยมชมเพื่อการแลกเปลี่ยน (F, M และ J) เพิ่มเติม จนกว่าจะมีการออกแนวทางเพิ่มเติม ซึ่งเราคาดว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า”
28 พฤษภาคม: มีรายงานว่าทรัมป์สั่งหน่วยงานต่างๆ ให้ทบทวนข้อตกลงที่ทำไว้กับฮาร์วาร์ด ซึ่งอาจมีการยุติข้อตกลงหรือย้ายข้อตกลงที่ทำไว้ได้ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าราวๆ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,000 ล้านบาท)
Graphic Designer: Sutanya Phattanasitubon