ท่ามกลางข่าวสงครามและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก ทรัมป์และฝ่ายบริหารของเขาอ้างว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง ทรัมป์ได้อ้างว่า เขาช่วยยุติความขัดแย้งระหว่างประเทศไปแล้วถึง 7 ครั้ง ตั้งแต่ตะวันออกกลางจนถึงเอเชีย โดยไม่จำเป็นต้องมีการเจรจาข้อตกลง ‘หยุดยิง’
18 สิงหาคม 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผู้พยายามเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งถูกกดดันจากผู้นำประเทศยุโรปที่ต้องการให้เกิดข้อตกลงหยุดยิง อ้างว่า ตัวเองได้ทำการ ‘ดีล’ เพื่อยุติสงครามแล้วทั้งหมด 6 ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำว่า ‘หยุดยิง’
ก่อนอ้างถึงเรื่องนี้อีกครั้งในวันถัดมา โดยเพิ่มตัวเลขสงครามที่ตัวเองเคยยุติเป็น 7 ครั้ง
ฝ่ายบริหารของทรัมป์กล่าวอีกว่า ‘ผู้นำสันติภาพ’ อย่างทรัมป์ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากสงครามที่พวกเขาคาดว่ายุติลงแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าความสงบที่เกิดขึ้นนั้นมักจะอยู่ได้เพียงไม่กี่วัน และยังไม่แน่ชัดว่าข้อตกลงสันติภาพจะยั่งยืนจริงหรือไม่ เนื่องจากความขัดแย้งหลายครั้งมีรากฐานมาจากปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนาน
20 สิงหาคม 2568 BBC Verify ได้ตรวจสอบเหตุความขัดแย้งที่ถูกอ้าง เพื่อชวนดูว่าทรัมป์สมควรได้รับเครดิตว่าเป็นผู้ที่ยุติความขัดแย้งอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่
อิสราเอล-อิหร่าน
สงครามระหว่าง ‘อิสราเอล-อิหร่าน’ เกิดขึ้นเป็นเวลา 12 วัน เริ่มต้นเมื่อ 13 มิถุนายน 2568 โดยอิสราเอลได้โจมตีเป้าหมายในอิหร่าน ซึ่งทรัมป์ยืนยันว่าได้รับแจ้งล่วงหน้าก่อนการโจมตีจาก เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล
สหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมในการโจมตีทางอากาศต่อแหล่งนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการเร่งให้ความขัดแย้งนี้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว
ถัดมา 23 มิถุนายน 2568 ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “อิหร่านจะเริ่มหยุดยิงอย่างเป็นทางการ และในอีก 12 ชั่วโมงต่อมา อิสราเอลจะเริ่มหยุดยิงเช่นกัน ซึ่งอีก 24 ชั่วโมงต่อมา โลกจะพบกับการสิ้นสุดสงคราม 12 วันอย่างเป็นทางการ”
หลังความขัดแย้งยุติลง Ayatollah Ali Khamenei ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกลับยืนยันว่า ประเทศของเขาได้รับ ‘ชัยชนะอย่างเด็ดขาด (Decisive Victory)’ โดยไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงหยุดยิง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อิสราเอลก็ยังคงส่งสัญญาณว่าจะโจมตีอิหร่านอีกครั้งหากมีภัยคุกคามใหม่ ๆ เกิดขึ้น
Michael O’Hanlon นักวิชาการอาวุโส Brookings Institution ให้ความเห็นว่า “ไม่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสันติภาพถาวร หรือวิธีการติดตามโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในระยะยาว” สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียง การหยุดยิงโดยพฤตินัยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าการโจมตีที่ทำให้อิหร่านอ่อนแอลง ซึ่งมีสหรัฐฯ สนับสนุนนั้น ถือว่ามีนัยสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์
ปากีสถาน-อินเดีย
แม้ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ปากีสถาน-อินเดีย’ สองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์จะตึงเครียดมาหลายปี แต่การปะทะครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมหลังจากการโจมตีในแคชเมียร์
หลังเหตุโจมตีทางอากาศดำเนินได้ 4 วัน ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความว่าปากีสถานและอินเดียตกลงที่จะ “หยุดยิงอย่างสมบูรณ์และทันที” โดยอ้างว่าเป็นผลจากการเจรจาข้ามคืนอันยาวนานที่สหรัฐฯ เป็นคนกลาง
ทั้งนี้ ปากีสถานได้ขอบคุณและเสนอชื่อทรัมป์ให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยอ้างถึง ‘การเข้าแทรกแซงทางการทูตอย่างเด็ดขาด’ ของเขา
ขณะที่อินเดียเลี่ยงการพูดถึงการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ โดย Vikram Misri ปลัดกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย ระบุว่า “การเจรจาเพื่อยุติปฏิบัติการทางทหารได้เกิดขึ้นระหว่างอินเดียและปากีสถาน ภายใต้ช่องทางที่มีอยู่ซึ่งจัดตั้งขึ้นระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่าย”
รวันดา-สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
เมื่อช่วงต้นปี กลุ่มกบฏ M23 ได้เข้ายึดครองพื้นที่อุดมด้วยแร่ธาตุทางตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) ทำให้ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานระหว่าง ‘รวันดา-สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก’ ปะทุขึ้นอีกครั้ง
เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงวอชิงตัน เพื่อยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมานานหลายทศวรรษ โดยทรัมป์กล่าวว่าข้อตกลงนี้จะช่วยเพิ่มการค้าขายระหว่างทั้งสองประเทศกับสหรัฐฯ
แม้ว่าข้อตกลงดังกล่าวจะระบุให้ ‘เคารพการหยุดยิง’ ตามข้อตกลงที่เคยกำหนดเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 แต่สถานการณ์จริงยังตึงเครียดเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิง
ขณะที่กลุ่มกบฏ M23 ซึ่งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรระบุว่าเชื่อมโยงกับ ‘รวันดา’ ขู่ว่าจะถอนตัวจากการเจรจาสันติภาพ
ในเดือนกรกฎาคม กลุ่มกบฏนี้ยังก่อเหตุสังหารผู้คนอย่างน้อย 140 คน รวมถึงผู้หญิงและเด็กในภาคตะวันออกของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตามรายงานของ Human Rights Watch
Margaret MacMillan ศาสตราจารย์และนักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด จึงสรุปว่า เมื่อยังมีการสู้รบระหว่างคองโกและรวันดา ดังนั้น การหยุดยิงนี้จึงไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้ กบฏ M23 หรือขบวนการ 23 มีนาคม เป็นหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธกว่า 100 กลุ่มที่ต่อสู้กับกองกำลังคองโกในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกตะวันออกที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ โดยประจำการอยู่ในพื้นที่ชายแดนรวันดาและยูกันดา ซึ่งมีนักรบมากกว่า 8,000 คน ตามข้อมูลของสหประชาชาติ
ไทย-กัมพูชา
เมื่อ 26 กรกฎาคม 2568 ทรัมป์ได้โพสต์บน Truth Social ว่า ตัวเองกำลังจะโทรหารักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เพื่อร้องขอให้มีการหยุดยิงและยุติสงคราม ‘ไทย-กัมพูชา’ ที่กำลังลุกลามอย่างรุนแรง
เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะ “หยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไข” หลังการสู้รบบริเวณชายแดนไม่ถึงสัปดาห์
แม้มาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพในการเจรจาสันติภาพครั้งนี้ แต่ทรัมป์ขู่ว่าจะระงับการเจรจาแยกส่วนเกี่ยวกับการลดภาษีภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ หากไทยและกัมพูชายังไม่หยุดสู้รบ ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ต่างพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ
จากนั้น 7 สิงหาคม ประเทศไทยและกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงที่มุ่งลดความตึงเครียดตามแนวชายแดนร่วมกัน ขณะที่ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
อาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน
ผู้นำประเทศ ‘อาร์เมเนีย-อาเซอร์ไบจาน’ กล่าวว่า ทรัมป์ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากความพยายามในการสร้างข้อตกลงสันติภาพ ซึ่งมีการประกาศที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568
โดย Michael O’Hanlon นักวิชาการอาวุโส Brookings Institution ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ได้รับเครดิตที่ดีในเรื่องนี้ จากพิธีลงนามในห้องทำงานรูปไข่ (The Oval Office) ซึ่งอาจเป็นแรงผลักดันให้คู่ขัดแย้งก้าวไปสู่สันติภาพ
ย้อนไปเมื่อมีนาคม 2568 รัฐบาลทั้งสองประเทศกล่าวว่า พวกเขาพร้อมที่จะยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมาเกือบ 40 ปี ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่สถานะของภูมิภาคนากอร์โน-คาราบัค (Nagorno-Karabakh)
ทั้งนี้ การปะทุของความขัดแย้งที่รุนแรงครั้งล่าสุดได้เกิดขึ้นในเดือนกันยายน 2023 เมื่ออาเซอร์ไบจานยึดครองดินแดนส่วนนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอาร์เมเนียจำนวนมาก
อียิปต์-เอธิโอเปีย
กรณีความขัดแย้ง ‘อียิปต์-เอธิโอเปีย’ เกิดจากความตึงเครียดเกี่ยวกับประเด็นเขื่อนที่อยู่บนแม่น้ำไนล์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานหลายปี
โครงการเขื่อน Grand Ethiopian Renaissance Dam (GERD) โดยเอธิโอเปีย เริ่มก่อสร้างในปี 2011 เพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าอาจส่งผลต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำไนล์และอาจเกิดภัยแล้งที่อียิปต์
ปัจจุบัน GERD ได้สร้างเสร็จแล้ว และจะมีการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน รัฐมนตรีต่างประเทศของอียิปต์กล่าวว่าการพูดคุยกับเอธิโอเปียต้องหยุดชะงักลง หลังจากการเจรจาที่ไม่ลงรอยกันนานถึง 12 ปี
ทั้งนี้ ทรัมป์เคยกล่าวว่า หากตนเป็นอียิปต์ ก็อยากได้น้ำจากแม่น้ำไนล์เช่นกัน พร้อมสัญญาว่าสหรัฐฯ จะเข้ามาร่วมแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
แม้อียิปต์จะยินดีกับคำพูดของทรัมป์ แต่เจ้าหน้าที่เอธิโอเปียมองว่าคำพูดเหล่านี้อาจทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น
และปัจจุบัน ยังไม่มีการบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการระหว่างอียิปต์และเอธิโอเปียเพื่อแก้ไขความขัดแย้งนี้
เซอร์เบีย-โคโซโว
เมื่อ 27 มิถุนายน 2568 ทรัมป์อ้างว่าตนเองมีส่วนป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะระหว่าง ‘เซอร์เบีย-โคโซโว’ โดยขู่ว่าหากมีการสู้รบระหว่างสองประเทศก็จะไม่มีการค้าขายกับสหรัฐอเมริกา
โดยทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งกันอย่างยาวนาน ซึ่งเป็นผลพวงจากสงครามบอลข่านในทศวรรษ 1990 และความตึงเครียดก็เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Margaret MacMillan ศาสตราจารย์และนักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มองว่า เซอร์เบียและโคโซโวไม่ได้สู้รบหรือยิงกันตั้งแต่แรก ดังนั้นจึงไม่ใช่สงครามที่จะต้องมาทำให้ยุติ
ทำเนียบขาวได้ชี้แจงถึงความพยายามทางการทูตของทรัมป์ในสมัยแรกว่า สองประเทศนี้ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ทำเนียบขาวร่วมกับทรัมป์ในปี 2020 แต่ขณะนั้นพวกเขาไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม
เมื่อพิจารณาถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้ง 7 เหตุการณ์ ที่ทรัมป์อ้างว่าตนเองมีส่วนร่วมในหารผลักดันให้เกิดสันติภาพ จนทีมงานของเขามองว่าทรัมป์เหมาะสมที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
ขณะเดียวกัน ‘การยุติสงคราม’ ที่ทรัมป์กล่าวอ้าง อาจเกินจากความเป็นจริง เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในทั้ง 7 เหตุการณ์เป็นเพียง ‘การหยุดยิงชั่วคราว’ หรือ ‘การลดความตึงเครียด’ หรือบางครั้งก็ใช้วิธีการข่มขู่ทางเศรษฐกิจมากกว่าที่จะร่วมผลักดันให้เกิดการเจรจาหรือหยุดยิงจริง ๆ
ดังนั้น ความสงบที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหรือป้องกันสงครามที่อาจเกิดในระยะยาว เนื่องจากความขัดแย้งเหล่านี้มีรากฐานมาจากปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนานหลายทศวรรษ
อ้างอิงจาก