อาการข้างเคียงจากวัคซีน ยังเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองกันให้ดี เพราะมีความสำคัญกับชีวิตของเราอย่างมาก ซึ่งตอนนี้ มีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุแล้ว และวัคซีนที่หลายคนได้รับก็คือ AstraZeneca
วัคซีนแต่ละตัวมีผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป บางตัวอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายมากในเข็มแรก ขณะที่บางตัวอาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายมากกว่าในเข็มที่สอง แต่ผลข้างเคียงจากวัคซีนนี้จะแสดงอาการอยู่ประมาณ 1-2 วันเท่านั้น
หลายประเทศอนุมัติให้ใช้วัคซีนของ AstraZeneca กับกลุ่มคนที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป เนื่องด้วยรายงานเรื่องการพบลิ่มเลือดหลังฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งเสี่ยงจะเกิดกับเพศหญิงที่อายุต่ำกว่า 49 ปี ขณะที่ ข้อมูลจาก AstraZeneca ในไทยระบุว่า วัคซีนของ AstraZeneca ได้รับการอนุมัติใช้งานแล้วกว่า 168 ประเทศทั่วโลก และสามารถฉีดให้แก่ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไปได้
วัคซีนของ AstraZeneca มีประสิทธิภาพอยู่ที่ประมาณ 70% โดย National Health Service (NHS) หรือระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ระบุถึงอาการข้างเคียงระยะสั้นที่อาจพบได้หลังรับวัคซีน ดังนี้
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย
- ปวดหรือเจ็บบริเวณแขนข้างที่ได้รับวัคซีน
- ปวดหัว หรือปวดกล้ามเนื้อ
- ปวดตามข้อ
- หนาวสั่น
- คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- เหนื่อยล้า
- ท้องเสีย
- มีไข้ (สูงกว่า 37.5°C)
ขณะที่ ข้อมูลจาก AstraZeneca ระบุถึงอาการข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปว่า ประมาณ 60% มีอาการเจ็บบริเวณที่ฉีด 50% มีอาการปวดศรีษะและอ่อนเพลีย อีก 40% มีอาการปวดกล้ามเนื้อ ครั่นเนื้อครั่นตัว ส่วนอีก 30% มีอาการไข้ หนาวสั่น และอีก20% มีอาการปวดข้อและคลื่นไส้
ผลข้างเคียงที่พบได้ยาก
ข้อมูลจาก AstraZeneca ระบุว่า มีน้อยกว่า 1% ที่มีอาการดังต่อไปนี้
- ต่อมน้ำเหลืองโต
- เบื่ออาหาร
- มึนหรือเวียนหัว
- ปวดท้อง
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- มีผื่นคัน
ขณะเดียวกัน จากข้อมูลการใช้วัคซี
นอกจากนี้ ผลการศึกษาที่เผยแพร่ผ่านวารสาร The Lancet ซึ่งเปรียบเทียบผลข้างเคียงระหว่างวัคซีนของ AstraZeneca และ Pfizer พบว่า ผลข้างเคียงในบริเวณที่ฉีดวัคซีน อย่างอาการปวด คัน เจ็บรอบๆ จุดที่ฉีดวัคซีน มีโอกาสเกิดขึ้นกับคนที่ฉีดวัคซีน AstraZeneca ในเข็มแรกถึง 58.7%
ส่วนผลข้างเคียงที่เป็นระบบอย่างอาการเหนื่อยล้า ปวดศีรษะ หนาวสั่น คลื่นไส้ จะเกิดขึ้นน้อยกว่าผลข้างเคียงในบริเวณที่ฉีดวัคซีน แต่อาการข้างเคียงที่เป็นระบบนั้นจะพบได้บ่อยกว่าในวัคซีนของ AstraZeneca โดยผู้เข้าร่วมการทดลองที่พบอาการเหล่านี้อย่างน้อย 1 อาการหลังฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มแรกถึง 33.7% จากผู้เข้าร่วมทดลองกว่า 600,000 ราย (ของ Pfizer อยู่ที่ 13.5% และ 22% หลังฉีดเข็มแรกและเข็มที่สอง)
ด้าน Medicines and Healthcare products Regulatory Agency (MHRA) หรือหน่วยงานกำกับดูแลด้านยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของสหราชอาณาจักร ระบุถึงอาการที่ต้องระวัง หากพบหลังจากรับวัคซีน AstraZeneca ไปแล้ว 4 วันหรือมากกว่านี้ จะต้องรีบขอรับคำแนะนำจากแพทย์
ขณะที่ ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร ระบุถึงอาการที่ต้องระวัง ดังนี้
อาการที่ต้องระวัง
- ปวดหัวรุนแรงต่อเนื่อง
- ตาพร่ามัว
- เจ็บหน้าอก
- หายใจลำบาก
- ขาบวม
- ปวดท้องอย่างต่อเนื่อง
- ผิวหนังมีรอยช้ำผิดปกติ
- มีจุดเลือดออกที่ผิวหนัง (ไม่นับจุดที่ได้รับฉีดวัคซีน)
ทีนี้ พอฉีดไปแล้ว เราต้องทำยังไงต่อบ้าง? ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) แนะนำว่า สามารถประคบเย็นบริเวณที่ได้รับวัคซีนได้ รวมถึงควรดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ และแต่งกายให้สบาย ขณะที่ เว็บไซต์ของโรงพยาบาลรามคำแหง ระบุข้อควรปฏิบัติหลังจากรับวัคซีนไปแล้ว ดังนี้
วิธีปฏิบัติหลังฉีดวัคซีน
- พักสังเกตอาการจุดที่ฉีดวัคซีน 30 นาทีอย่างเคร่งครัด
- ไม่ใช้งานหรือเกร็งแขนข้างที่รับวัคซีน ไม่ยกของหนัก อย่างน้อย 2 วัน
- ไม่บีบนวดบริเวณที่ฉีดวัคซีน
- ถ้ามีไข้หรือปวดเมื่อยมาก กินยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัมได้ 1 เม็ด และกินซ้ำได้โดยให้ห่างกัน 6 ชั่วโมง
- เมื่อกลับบ้านแล้วก็ยังต้องสังเกตอาการให้ดี หากมีอาการรุนแรงให้รีบพบแพทย์ทันที
ต้องกำชับว่า อาการข้างเคียงทั่วไปนั้นจะคงอยู่แค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่หากมีอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นมา หรือผ่านไปหลายวันแล้วก็ยังมีอาการอยู่ควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที
อ้างอิงจาก