‘รัฐมนตรีผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก’ กลับมาอยู่ในกระแสการเมืองไทยอีกครั้ง เมื่อมีกระแสข่าวลือกันว่าพรรคเพื่อไทยจะใส่ชื่อของ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ให้เป็นหนึ่งในบัญชีตัวเลือกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรค
เอาเข้าจริง แม้จะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีแล้ว แต่ชัชชาติเองก็ยังเป็นที่สนใจของสังคมมาอยู่อย่างต่อเนื่องเหมือนกันนะ วันนี้ The MATTER จะพาไปดูกันว่าในช่วงเวลากว่า 4 ปีในยุคที่ คสช. ขึ้นมาบริหารประเทศและทำให้นักการเมืองต้องว่างงานกันเนี่ย ชัชชาติได้ทำอะไรอยู่ และมีความเคลื่อนไหวอะไรที่น่าสนใจบ้าง?
เริ่มจากวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ชัชชาติเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ภายในห้องประชุม ระหว่างพรรคการเมืองและกองทัพ และเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศว่าจะยึดอำนาจการบริหารประเทศ ซึ่งคำพูดนั้นของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ส่งผลให้ชัชชาติ และรัฐบาลเพื่อไทยต้องตกงานไปโดยปริยาย
หลังจากตกงานอยู่หลายเดือน ชัชชาติ ได้หันมาทำงานทางภาคเอกชน โดยรับตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ควอลิตี้เฮ้าส์ ซึ่งก็ถือเป็นงานหลักในช่วง 4 ปีมานี้ของเขา
ในช่วง 4 ปีนี้ ชัชชาติ ยังคงอยู่ในกระแสความสนใจของสังคมอยู่เรื่อยๆ โดยมีโอกาสได้ไปบรรยายทางวิชาการอยู่หลายครั้ง เช่นวิชา TU101 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขามักหยิบหัวข้อเรื่อง ‘มูลค่าของเวลา’ รวมถึงการตัดสินใจสำหรับอนาคตไปพูดให้คนรุ่นใหม่ฟังอยู่เรื่อยๆ
ที่น่าสนใจคือการตั้งหัวข้อการบรรยายเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2558 ว่า “เมื่อไหร่ถนนลูกรังจะหมดจากประเทศไทย” ซึ่งเป็นการทวนความจำของคำพูดจาก สุพจน์ ไข่มุกด์ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ตั้งคำถามไว้กับชัชชาติ เมื่อครั้งที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ผลักดันนโยบายรถไฟความเร็วสูง
ในเฟซบุ๊กของชัชชาติ เรายังเห็นอดีตรัฐมนตรีคนนี้คงความแข็งแกร่งด้านร่างกายอยู่เสมอๆ ทั้งไปวิ่งมินิมาราธอน ไปปั่นจักรยาน หรือบางทีโพสต์เรื่องราวการไปนั่งรถไฟ และชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ชาวบ้านกำลังประสบอยู่
ในฐานะนักธุรกิจและผู้บริหาร ชัชชาติ ชวนสังคมคิดถึงความสำคัญของการพัฒนา โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงสังคมอยู่แทบทุกขณะ เขาเคยได้ไปกล่าวปาฐกถาหัวข้อ ‘เกมในฐานะงานอดิเรกของคนรุ่นใหม่’ งานเสวนา G=AME (Animation, Marketing, Engineering)
นอกจากนั้น ยังเคยบรรยายให้นิสิต คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยฟัง โดยช่วงหนึ่งได้มีข้อเสนอแนะว่า นักกฎหมายในไทยจำเป็นต้องหาความรู้และเข้าใจโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ตัดภาพมาที่ช่วงปลายปีที่แล้ว ชื่อของชัชชาติได้ติดเข้าไปในโผคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐบาล คสช. เป็นผู้แต่งตั้ง ข่าวนี้ได้กลายเป็นประเด็นการเมืองที่ใหญ่เหมือนกัน ก่อนที่เจ้าตัวจะออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้รับตำแหน่งนี้ตามคำเชิญของรัฐบาลนะ
เมื่อท่วงทำนองการเลือกตั้งเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวของชัชชาติในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็เริ่มถูกจับตา โดยเฉพาะการเข้าร่วมประชุมใหญ่พรรค นักข่าวก็ได้เริ่มตั้งประเด็นถามคนในพรรคเพื่อไทยถึงความเป็นไปได้ที่ชัชชาติจะได้ติดในชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อไทยก็ได้เปิดตัวชัชชาติในฐานะทีมงานด้านเศรษฐกิจ เขาขึ้นพูดบนเวทีถึงปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทยในปัจจุบัน รวมถึงชี้ให้เห็นถึงทางเลือกที่จะออกจากอุปสรรคเหล่านั้น
จนมาถึงเดือนธันวาคม ชัชชาติประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่าได้ลาออกจากบริษัทที่เขาดูแลมากว่า 4 ปีแล้ว เพื่อกลับเข้ามาทำงานการเมืองอย่างจริงจังกับพรรคเพื่อไทย พร้อมกับคีย์เวิร์ดสำคัญที่ว่า “ขอบคุณอดีต สำหรับทุก ๆ บทเรียน สวัสดีอนาคต ผมพร้อมแล้ว” และบอกด้วยว่า ในปี 2019 นี่เขาพร้อมแล้วที่จะลุยใน ‘ศึกครั้งสุดท้าย’
ประเด็นที่ต้องจับตาหลังจากนี้คือ แล้วชื่อของชัชชาติจะได้ถูกใส่ไว้ในบัญชีนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยจริงไหม หรือถ้าจะมีอยู่จริงๆ ชื่อของเขาจะอยู่ในลำดับที่เท่าไหร่
และการกลับมาของชัชชาติในครั้งนี้ จะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับการเลือกตั้งรอบนี้ได้แค่ไหนนะ? อันนี้ก็ต้องวิเคราะห์กันต่อไปเนอะ
อ้างอิงจาก
https://www.blognone.com/node/91095
https://www.isranews.org/isranews-news/62592-law-62592.html
https://www.matichon.co.th/economy/news_770030
https://prachatai.com/journal/2018/04/76670
http://news.ch3thailand.com/politics/84050