แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในบ้านเราจะดีขึ้น ไม่มีการพบผู้ติดเชื้อในประเทศมาหลายเดือนแล้ว แต่บ้านเราก็ยังได้รับผลกระทบจากการระบาดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปิดน่านฟ้า เดินทางออกนอกประเทศไม่ได้ รายได้จากนักท่องเที่ยวที่หายไป ท่ามกลางความหวังของทั่วโลกว่า การมีวัคซีน จะทำให้สถาณการณ์การระบาดของทั่วโลกดีขึ้น จนกลับมาใช้ชีวิตปกติกันได้
การแบ่งขั้นตอนการทดลองของวัคซีน ถือว่าแบ่งออกได้เป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่
PRECLINICAL – หรือวัคซีนที่ยังไม่เริ่มทดลองในมนุษย์
ขั้นแรกที่สุด คือการใช้วัคซีนทดลองในสัตว์ เช่น หนู หรือลิง เพื่อตรวจสอบว่ามันสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้หรือไม่ ซึ่งวัคซีนส่วนใหญ่กว่า 135 ชนิดอยู่ในการทดลองขั้นนี้ รวมถึงวัคซีนของไทย โดยศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทางศูนย์วิจัยวัคซีนเอง ก็ได้ออกมาอัพเดทถึงขั้นตอนการทดลองในช่วงเดือนกรกฎาคม ว่ามีการทดลองในลิง ซึ่งผลค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสามารถทดลองกับมนุษย์ ด้วยการเปิดรับอาสาสมัครได้ในเดือนตุลาคมนี้ด้วย
PHASE I – วัคซีนทดสอบความปลอดภัยและปริมาณ
ตอนนี้มีวัคซีนที่อยู่ในเฟสที่ 1 จำนวน 19 ชนิด มีทั้งวัคซีนของอังกฤษ โดย Imperial College London, วัคซีนของญี่ปุ่น, สหรัฐฯ, จีน, เกาหลีใต้ และอื่นๆ ที่อยู่ในขั้นตอนนี้ ซึ่งในขั้นนี้นักวิทยาศาสตร์จะทดลองวัคซีนแก่คนจำนวนน้อย เพื่อทดสอบความปลอดภัยและปริมาณ รวมทั้งเพื่อยืนยันว่ามันช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันได้
PHASE II – วัคซีนขยายการทดสอบเรื่องความปลอดภัย
เฟสที่ 2 มีวัคซีนที่ทดลองอยู่ทั้งหมด 11 ชนิด ทั้งวัคซีนจากประเทศจีน และอินเดีย ฯลฯ ซึ่งการทดสอบขั้นนี้จะเริ่มขยายวงกว้างมากขึ้น ด้วยการทดลองกับคนในจะนวนหลักร้อย โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น เด็ก และผู้สูงอายุ เพื่อดูว่าวัคซีนมีผลที่แตกต่างกันหรือไม่ ซึ่งการทดลองเหล่านี้เป็นการทดสอบความปลอดภัยของวัคซีน และความสามารถในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของวัคซีน
PHASE III – ทดสอบในมนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ และในวงกว้าง
ในเฟสที่ 3 นักวิทยาศาสตร์จะทดลองวัคซีนในคนจำนวนหลักพันขึ้นไป และดูจำนวนผู้ติดเชื้อ เปรียบเทียบกับอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอก โดยการทดสอบขั้นนี้ จะระบุได้ว่า วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาได้หรือไม่ โดยในเดือนมิถุนายน สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ระบุว่า วัคซีนของ COVID-19 จะต้องป้องกันผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 50% จึงจะถือว่าได้ผล ทั้งการทดลองในเฟส 3 จะมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะเปิดเผยผลข้องเคียงของวัคซีน ซึ่งอาจเป็นความผิดพลาดในการศึกษาในระยะก่อนหน้าด้วย
โดยตอนนี้ มีวัคซีน 8 ชนิดที่กำลังทดสอบอยู่ในขั้นนี้ รวมถึงของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ Moderna และ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ที่จะมีการทดสอบวัคซีนในประชาชนชาวอเมริกัน ที่มีสุขภาพดี 30,000 คนใน 89 แห่งทั่วสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับวัคซีนที่เป็นความร่วมมือของบริษัทยา 3 สัญชาติ สหรัฐฯ, เยอรมนี และจีน (Pfizer, BioNTech, Fosun Pharma) ที่ก็กำลังทดลองในเฟส 2 และ 3 ควบคู่กันไป ทดสอบวัคซีคในคน 3 หมื่นคน ในสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เช่นเยอมรมนี และอาร์เจนตินาด้วย
Approval – วัคซีนได้รับการอนุมัติให้ใช้ในขั้นต้น หรือใช้อย่างจำกัด
ขั้นของการอนุมัติในการใช้วัคซีน ก็แบ่งได้เป็นการได้รับการอนุมัติให้ใช้ในขั้นต้น หรือใช้อย่างจำกัด ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลในแต่ละประเทศตรวจสอบผลการทดลองและตัดสินใจว่าจะอนุมัติวัคซีนหรือไม่ โดยในระหว่างการแพร่ระบาด วัคซีนอาจได้รับการอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินก่อนที่จะได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการ เมื่อได้รับใบอนุญาตแล้วนักวิจัยยังคงติดตามผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ตอนนี้ ประเทศที่อนุมัติวัคซีนมี 2 ประเทศได้แก่ประเทศจีน โดยบริษัท CanSino Biologics อนุมัติวัคซีนสำหรับใช้อย่างจำกัด สำหรับใช้ทดลองในกองทัพทหาร และยังอยู่ในการทดลองขั้นนี้ ทางบริษัทเองกำลังเจรจากับประเทศอื่นๆ เพื่อทดสอบวัคซีนเพิ่มเติมนอกเหนือจากในจีน ซึ่งตอนนี้ได้ตกลงจะทำการทดลองระยะที่ 3 ต่อไปในประเทศซาอุดิอาระเบียแล้ว
และล่าสุดกับประเทศรัสเซีย โดยสถาบันวิจัย The Gamaleya ที่อนุมัติวัคซีนที่มีชื่อว่า Sputnik-V สำหรับใช้ในขั้นต้น ถือเป็นประเทศแรกของโลกที่จดทะเบียน ซึ่ง ปธน.ปูตินก็ได้ประกาศว่า ลูกสาวของเขาได้รับวัคซีนนี้ แม้ว่าวัคซีนนี้จะยังทดสอบทางคลินิกไม่เสร็จสิ้น และอนุมัติก่อนที่จะมีการทดสอบในเฟส 3 จึงทำให้มีความกังวลจากนานาชาติถึงเรื่องความปลอดภัย และประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้ก็ตาม รวมถึงรัสเซียที่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ด้วย