เชื่อหรือไม่ว่า Mickey Mouse คาแรกเตอร์หนูขนดำใส่เอี้ยมสีแดงที่คนทั่วโลกคุ้นตา มีอายุครบ 90 ปี ไปเมืิ่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา จะเรียกว่า ‘คุณปู่มิคกี้’ ก็คงจะไม่ผิดนัก
แต่เวลาที่หลายคนเห็นตัวการ์ตูนนี้ เชื่อว่าจะไม่ได้นึกถึงแค่การ์ตูนของ Walt Disney นี้แน่ๆ แต่น่าจะนึกไปถึงอีกสิ่งที่ให้ความสนุกกับผู้คนหลายร้อยล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี นั่นก็คือ ‘สวนสนุก’ ทีใช้ชื่อว่า Disneyland
นับแต่สวนสนุก Disneyland แห่งแรก เปิดให้บริการเมื่อปี 1955 ถึงวันนี้ มันได้แตกไลน์ธุรกิจออกไปเป็นธีมปาร์ก สวนน้ำ รีสอร์ต โรงแรม สนามกอล์ฟ และธุรกิจอื่นๆ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิงและการพักผ่อนหย่อนใจ
The MATTER จะพาคุณไปย้อนรำลึกกันดูว่า กว่าจะมาถึงวันนี้ สวนสนุกของดิสนีย์ ทั้ง 6 แห่ง ต้องผ่านอะไรมาบ้าง จากตัวการ์ตูนหนูตัวเล็กๆ ที่เขียนบนรถไฟ ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของคนทั้งโลกได้อย่างไร
1928 – กำเนิดคาแรกเตอร์ Mickey Mouse เจ้าหนูขี้เล่นที่คนทั้งโลกหลงรัก
1955 – เปิดสวนสนุกแห่งแรก Disneyland ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ
เดิมจะใช้ชื่อว่า Mickey Mouse Park ก่อนจะเปลี่ยนใจมาใช้ชื่อ Disneyland ภายหลัง และแม้จะเริ่มด้วยอย่างพังๆ เพราะเครื่องเล่นหลายอย่างทำงานไม่ได้ แต่ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่การเปิดสวนสนุกเพิ่มขึ้นอีกหลายแห่ง ในหลายทวีป
หลายๆ คนน่าจะรู้กันแล้วว่า ปราสาทเจ้าหญิงนิทราที่เป็นสัญลักษณ์ของดิสนีย์ มีต้นแบบมาจากปราสาท Neuschwanstein ในแคว้นบาวาเรียของเยอรมนี
มีขนาด 486 เอเคอร์ ประกอบด้วยธีมปาร์ก 2 แห่ง โรงแรม 3 แห่ง และศูนย์การค้า ดิสนีย์เป็นเจ้าของ 100%
1966 – Walt Disney เสียชีวิต จากโรคมะเร็งปอด ด้วยวัย 65 ปี
ทำให้การบริหารงานบริษัทต้องเปลี่ยนมือมายัง Roy Disney พี่ชาย แต่เขาก็บริหารงานได้เพียงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนเสียชีวิตจากเลือดออกในเยื่อหุ้มสมอง ต้องส่งมอบบริษัทต่อให้ผู้บริหารรุ่นที่ 3
1971 – เปิดสวนสนุกแห่งที่สอง Walt Disney World ที่รัฐฟลอริด้า สหรัฐฯ
มีขนาด 25,000 เอเคอร์ ถือว่าใหญ่ที่สุด (เท่ากับสวนลุมพินี 175 แห่ง) ประกอบด้วยธีมปาร์ก 4 แห่ง โรงแรมหลายแห่ง ศูนย์การค้า สนามกีฬา ศูนย์การประชุม ที่ตั้งแคมป์ สวนน้ำ และที่ว่างสำหรับใช้สันทนาการ ดิสนีย์เป็นเจ้าของ 100%
1983 – เปิดสวนสนุกแห่งที่สาม แห่งแรกนอกสหรัฐฯ ที่ Tokyo Disneyland ในเมืองชิบะ ญี่ปุ่น
แม้จะชื่อโตเกียว ดิสนีย์แลนด์ แต่แท้จริงแล้วอยู่ที่เมืองชิบะ
มีขนาด 494 เอเคอร์ มีธีมปาร์ก 2 แห่ง โรงแรม 10 แห่ง และศูนย์การค้า ดิสนีย์ไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่ได้ค่าลิขสิทธิ์และส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทท้องถิ่น
1992 – เปิดสวนสนุกแห่งที่สี่ แห่งแรกในยุโรป Disneyland Paris ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส
มีขนาด 5,510 เอเคอร์ ประกอบด้วยธีมปาร์ก 2 แห่ง โรงแรม 7 แห่ง ศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์เป็นเจ้าของไม่เต็ม 100% เพิ่งมาซื้อหุ้นทั้งหมดในปี 2017 นี่เอง
2005 – เปิดสวนสนุกแห่งที่ห้า Hong Kong Disneyland ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง จีน
มีขนาด 310 เอเคอร์ เล็กที่สุด (แต่ก็ยังเท่ากับสนามหลวง 10 แห่ง) ประกอบด้วยธีมปาร์ก 1 แห่ง และโรงแรมอีก 3 แห่ง ดิสนีย์เป็นเจ้าของแค่ 47%
2007 – สวนสนุกของดิสนีย์ทั้งหมดทำรายได้เกิน 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
2016 – เปิดสวนสนุกแห่งที่หก แห่งล่าสุด Shanghai Disneyland ที่นครเซี่ยงไฮ้ จีน
มีขนาด 1,000 เอเคอร์ ประกอบด้วยธีมปาร์ก 1 แห่ง โรงแรม 2 แห่ง และศูนย์การค้า ดิสนีย์เป็นเจ้าของแค่ 43%
2018 – สวนสนุกของดิสนีย์ทั้งหมดทำรายได้เกิน 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
โดยจากข้อมูลที่มีการเปิดเผย (เนื่องจากดิสนีย์เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ จึงต้องเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการให้สาธารณชนรับทราบ) ดิสนีย์ทำรายได้จากสวนสนุกในปี 2017 อยู่ที่ 20,296 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 34% ของรายได้ทั้งเครือ
และเมื่อตรวจสอบย้อนหลังระหว่างปี 1991-2018 พบว่ามีรายได้เพิ่มมากกว่า 726% โดนตลอดช่วงเวลาดังกล่าว รายได้จากสวนสนุกคิดเป็นสัดส่วน 22 – 46% ของรายได้ดิสนีย์ทั้งเครือ
แม้จะเสียดายที่เราไม่สามารถหาได้ว่า สัดส่วนรายได้จากสวนสนุกดังกล่าว มาจากดิสนีย์แลนด์สาขาใดมากที่สุด แต่ถ้าดูผลประกอบการโดยรวมก็จะเห็นได้ว่า สวนสนุกในเครือดิสนีย์น่าจะเป็นสวนสนุกนอันดับหนึ่งของโลกไปอีกนานแสนนาน