ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคมปีนี้ ไปจนถึงสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า องค์การเภสัชกรรมได้เปิดเผยว่าจะมีการส่งมอบวัคซีน Moderna จำนวนกว่า 5 ล้านโดส ซึ่งเป็นล็อตแรกที่สภากาชาดและโรงพยาบาลเอกชนจองเอาไว้
เมื่อวัคซีน Moderna ไม่ใช่วัคซีนหลักและกว่ามันจะได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาในประเทศไทย การระบาดก็เริ่มซาลง และประชาชนก็เริ่มได้รับวัคซีนหลายชนิดกันไปบ้างแล้ว หลายคนคงเกิดอาการสงสัยว่า ถ้าฉันจอง Moderna ไปแล้ว ฉันควรฉีดอย่างไรดี ?
The MATTER ได้พูดคุยกับ นพ.มานพ พิทักษ์ภากร แพทย์อายุรศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช ถึงวิธีการฉีด Moderna การเว้นระยะเวลาระหว่างวัคซีนที่เราได้รับกับวัคซีนชนิดดังกล่าว รวมถึงคำแนะนำเพิ่มเติมต่างๆ
วัคซีน Moderna
วัคซีน Moderna เป็นวัคซีนชนิด mRNA จากบริษัทผู้ผลิตยาและวัคซีนสัญชาติอเมริกัน ที่จำเป็นต้องฉีดสองเข็มในระยะเวลาห่างกัน 1 เดือน โดยล่าสุดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อสหรัฐฯ หรือ CDC ได้เปิดเผยข้อมูลว่า วัคซีน Moderna มีประสิทธิภาพในการป้องกันป่วยหนักสูงถึง 93% (ขณะที่ Pfizer อยู่ที่ 88%) และเมื่อผ่านไป 6 เดือน ประสิทธิภาพของวัคซีนยังคงอยู่เท่าเดิม ไม่ได้ลดลง
โดยขณะนี้ มีหลายประเทศที่ใช้วัคซีนชนิดนี้เป็นวัคซีนหลักและสามารถควบคุมและลดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้อย่างน่าสนใจ อาทิ ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, สิงคโปร์, สหรัฐฯ รวมไปถึงประเทศอย่างเยอรมนี, อิตาลี และแคนาดา
ฉีดอย่างไรดี
- สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด Inactivated ครบสองเข็ม
- Sinovac + Sinovac
- Sinopharm + Sinopharm
นพ.มานพชี้ว่าขณะนี้มีข้อมูลการศึกษาในห้องแล็บจาก นพ.โอภาส พุทธเจริญ จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่พบว่า หลังผ่านไปครบ 3 เดือน วัคซีน Sinovac จะเริ่มมีภูมิคุ้มกันตกลงจนถึงระดับที่ต่ำกว่าในการป้องกันไวรัส COVID-19
ดังนั้น สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนสูตรนี้ ควรฉีดวัคซีน Moderna เป็นบูสเตอร์ช็อต 1 เข็ม หลังได้รับวัคซีนสูตรนี้ครบ 3 เดือน
- สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ครบสองเข็ม
นพ.มานพอธิบายว่า มีผลการวิจัยจากอังกฤษที่ระบุว่า วัคซีน AstraZeneca จะสร้างภูมิต่อไวรัสถึงระดับที่มีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้ราว 5 เดือน ทางอังกฤษเองจึงมีคำแนะนำว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ครบ 6 เดือนควรได้รับเข็มกระตุ้นหนึ่งเข็ม
ดังนั้น สำหรับผู้ที่คิดจะรับวัคซีน Moderna เป็นบูสเตอร์ช็อตหรือเข็ม 3 ควรรับหลังผ่านไป 6 เดือนแล้ว
- สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน Inactivated เพียงเข็มเดียว
- Sinovac หนึ่งเข็ม
- Sinopharm หนึ่งเข็ม
สำหรับกรณีนี้ นพ.มานพชี้ว่าสำหรับผู้ที่มีโอกาสเข้าถึงวัคซีน Moderna ควรเปลี่ยนวัคซีนเข็มที่สองและสามเป็นวัคซีนดังกล่าวเลย เพราะการฉีดวัคซีนทั้งสองชนิดข้างต้นเพียงเข็มเดียวสร้างภูมิคุ้มกันได้ต่ำมากไม่เพียงพอต่อการสู้กับไวรัส นอกจากนี้ ยังไม่มีผลการศึกษายืนยันว่าการฉีดสลับวัคซีน Inactivated คู่กับวัคซีน mRNA มีประสิทธิภาพสูงพอป้องกันไวรัสหรือเปล่า
ดังนั้น ผู้ที่ได้รับวัคซีน Inactivated หนึ่งเข็มและยังรออีกหนึ่งเข็ม หากเป็นไปได้ควรเลือกรับวัคซีน mRNA สองเข็มเลย โดยเว้นระยะห่างจากวัคซีนที่ได้รับ 1 เดือน
- สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca หนึ่งเข็ม
สำหรับกรณีนี้เป็นสูตรที่มีการเก็บข้อมูลและเริ่มฉีดกันอยู่แล้วในประเทศแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส รวมถึงแคนาดาเอง โดยจากผลการวิจัยยืนยันว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca แล้วตามด้วยวัคซีน mRNA จะมีภูมิคุ้มกันสูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนชนิด AstraZeneca สองเข็ม
ดังนั้น สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ไปแล้ว และกำลังอยู่ช่วงชั่งใจว่าควรเลือกวัคซีนตัวไหนดี การฉีดวัคซีนสลับเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ทั้งนี้ คุณหมอเสริมว่าสามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่ 4-12 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความสะดวก เพราะขณะนี้มีผลวิจัยรองรับไว้หมดแล้ว ทั้งนี้ สำหรับสูตรนี้วิธีฉีดที่ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุดอยู่ระหว่าง 8-12 สัปดาห์
- สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนสูตรผสมไทย Sinovac + AstraZeneca
ในสูตรนี้ นพ.มานพกล่าวว่า ถึงแม้เรามีข้อมูลจากโรงพยาลศิริราชและจุฬาฯ ว่าสูตรไทยผสมสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับเดียวกับผู้ที่ได้รับ AstraZeneca สองเข็ม อย่างไรก็ตาม เรายังไม่มีการเก็บข้อมูลที่เป็นกิจจะลักษณะถึงประสิทธิภาพของมันจริงๆ และยังไม่มีงานวิจัยในระดับ Real World Study เลย
ดังนั้น คุณหมอกล่าวว่ายังมีข้อมูลน้อยเกินไปที่จะแนะนำได้
คำถามสองประการที่คุณหมอคิดว่าควรถามสำหรับสูตรนี้ก่อนคือ
- ระดับภูมิคุ้มกันที่เพิ่มเท่า AstraZeneca สองเข็ม มันสะท้อนประสิทธิภาพแท้จริงของวัคซีนหรือเปล่า (ป้องกันติดเชื้อ, ป่วยแสดงอาการ, ป่วยหนักได้เท่าไหร่)
- ระดับภูมิคุ้มกันดังกล่าวอยู่ได้นานเท่าไหร่
ดังนั้น สำหรับวัคซีนสูตรนี้ นพ.มานพยังไม่ขอออกความเห็น
- สำหรับผู้ที่หายป่วย
นพ.มานพชี้ว่าสำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสและหายป่วย ภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสจะอยู่สูงจนถึงระดับที่ป้องกันไวรัสได้เป็นเวลา 3 เดือน ทั้งนี้ หมอจากศิริราชแนะนำว่าผู้ที่เพิ่งหายป่วยสามารถเข้ารับวัคซีนได้เลยหลังผ่านไปครบ 14 วัน และควรรับก่อน 3 เดือน กล่าวคือไม่จำเป็นต้องรีบร้อนมาก
ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่หายป่วยภายใน 14 วันถึง 3 เดือน คุณหมอแนะนำว่า ขณะนี้มีผลวิจัยจากแล็บยืนยันว่ารับวัคซีน Moderna เพียงเข็มเดียวภูมิคุ้มกันก็พุ่งสูงเพียงพอแล้ว
อย่างไรก็ตาม คุณหมออธิบายว่าการเข้ารับวัคซีนเพียงเข็มเดียวค่อนข้างยุ่งยากต่อการบริหารจัดการ เช่น เรื่องวัคซีนพาสปอร์ต หรือการตรวจหาว่าใครเคยได้รับเชื้อมาแล้วเองก็ตาม ดังนั้น หากจำเป็นต้องรับวัคซีนสองเข็มก็ไม่ได้เป็นปัญหา
- สำหรับกรณีพิเศษ เช่น ผู้ที่รับ Sinovac สองเข็ม และ Sinopharm สองเข็ม
สำหรับสูตรนี้เคยมีข่าวออกมาว่า ผกก.ท่านหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับวัคซีนสูตรนี้ ซึ่งหมอมานพชี้ว่าการกระตุ้นภูมิคุ้มกันจากวัคซีนเชื้อตาย ด้วยวัคซีนเชื้อตายไม่ได้มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสสูงเท่าไหร่ และอาจไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้
ดังนั้น หากเป็นไปได้ควรบูสเตอร์ด้วยวัคซีน mRNA หรือ Adenovieus อย่าง AstraZeneca หลังได้รับวัคซีนครบ 3 เดือน
ทำไมแต่ละโรงพยาบาลบอกไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมามี infographic จากหลายโรงพยาบาลออกมาเกี่ยวกับคำแนะนำในการรับวัคซีน Moderna ซึ่งแตกต่างกันในรายละเอียด อาทิ บางโรงพยาบาลแนะนำว่าผู้ที่รับวัคซีน Sinovac ครบสองเข็ม หลังผ่านไป 6 เดือน ควรรับวัคซีน Moderna สองเข็ม ขณะที่บางโรงพยาบาลแนะนำว่าเข็มเดียวก็พอเพียง
แพทย์อายุรศาสตร์จากศิริราชกล่าวว่า “สำหรับข้อมูลที่แต่ละโรงพยาบาลออกมา ตรงนี้เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญล้วนๆ ยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันว่าสูตรไหนถูก ผิด หรือดีที่สุด”
“สำหรับประเด็นว่าผู้รับ Sinovac หรือ Sinopharm ครบสองเข็ม แล้วควรรับ Moderna กี่เข็ม ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยัน”
“แต่เรารู้ว่าการฉีด Moderna เป็นบูสเตอร์ช็อตหรือเข็ม 3 จะให้ผลไม่เท่ากับคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย ดังนั้น ไม่แน่ว่าการได้รับ Moderna เพียงเข็มเดียวอาจพอสำหรับคนที่เคยรับวัคซีนเชื้อตายมาแล้ว”
“แต่ถ้าให้แนะนำให้ชัดเจนและเพื่อความสบายใจ เมื่อรับบูสเตอร์ช็อตเป็น Moderna แล้ว หลังผ่านไปสองอาทิตย์ควรไปวัดภูมิคุ้มกันต่อไวรัส และถ้าหากขึ้นเยอะมากก็อาจไม่จำเป็นต้องฉีด Moderna ให้ครบสองเข็ม”
คุณหมอกล่าวต่อว่าสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนสักเข็ม และวางแผนจะรับวัคซีน Moderna สองเข็ม วางใจได้อย่างน้อย 6 เดือนว่าภูมิคุ้มกันจะไม่ตกลง และมีแนวโน้มว่าไม่จำเป็นต้องรับเข็มที่ 3 อีกแล้ว
“มีแนวโน้มว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน Moderna ครอบสองเข็ม อาจไม่จำเป็นต้องบูสต์หลังผ่านไป 6 เดือน”
วัคซีนเวอร์ชั่น 2 คืออะไร
สำหรับประเด็นที่มีการพูดถึงกันเรื่องวัคซีนเวอร์ชั่น 2 นพ.มานพอธิบายว่า สายพันธุ์ที่น่ากังวลหลักๆ ตอนนี้คือ สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ซึ่งจากการวิจัยวัคซีนที่มีอยู่ในตอนนี้สามารถสู้กับเดลตาได้ เพียงแต่ต้องมีการฉีดกระตุ้น หรือเข็ม 3 เพื่อรักษาภูมิคุ้มกันให้มากพอ
คุณหมอเพิ่มเติมว่า ทางบริษัทผลิตวัคซีนยังไม่มีแผนสำหรับวัคซีนเวอร์ชั่น 2 เลย มีเพียงการพัฒนาวัคซีนชนิดพิเศษเพื่อสู้กับสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) เท่านั้น ซึ่งเบื้องต้น วัคซีนสำหรับสู้กับสายพันธุ์เบตากลับมีประสิทธิภาพป้องกันสายพันธุ์อื่นลดลง
อย่างไรก็ตาม เบตาก็ไม่ได้มีจุดเด่นในเรื่องการกระจายเชื้อ และไม่ได้เป็นสายพันธุ์หลักในไทยตอนนี้ อีกทั้งเมื่อสายพันธุ์เบตากระจายไปคู่กับสายพันธุ์อิ่นๆ ในที่ใด มันมักถูกกลืนจากสายพันธุ์อื่น จนไม่ใช่สายพันธุ์ที่ระบาดหลัก
ข้อกังวล
นพ.มานพชี้ว่าการผสมวัคซีนไม่ว่าสูตรใดก็ตาม เป็นการผสมเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะกิจ เช่นเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากวัคซีน AstraZeneca ที่เกิดขึ้นในยุโรป แต่ที่สำคัญคือการติดตาม เก็บข้อมูล และประเมินผลจากสูตรดังกล่าว
“ผลการวิจัยของเขา (ยุโรปและอเมริกาเหนือ) พบว่าการผสมวัคซีน (AstraZeneca + mRNA) หนึ่งกระตุ้นภูมิได้ดีใกล้เคียงคนฉีด mRNA สองเข็ม สองมีการเก็บข้อมูลว่าสูตรนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อได้จริง ดังนั้น สูตนี้ได้รับการพิสูจน์มาจนสุดทาง จึงไม่มีปัญหา”
“บ้านเราเป็นสูตรเฉพาะกิจเช่นกัน เพราะวัคซีน AstraZeneca มาไม่พอ ดังนั้น สูตรนี้จึงชวนใช้แค่ชั่วคราวเท่านั้น และทันทีที่ได้รับวัคซีนที่ดีมาเพียงพอ สูตรนี้ควรเลิกใช้”
คุณหมอกล่าวต่อถึงความกังวลเรื่องผลข้างเคียงจากวัคซีนเข็มที่ 3 ว่า “ตามหลักการเข็มที่ 3 นับเป็นบูสเตอร์ช็อตอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครทราบข้อมูลที่แน่ชัด แต่มีการเริ่มใช้จริงเลยในประเทศ อาทิ อิสราเอล, บาร์เรน, ตุรกี หรือสหราชอาณาจักร”
“คำถามต่อมาคือ แล้วมันอันตรายหรือเปล่า? ถ้าอ้างอิงข้อมูลจากผลข้างเคียงของเข็มหนึ่งและสอง รวมถึงข้อมูลจากอิสราเอลในการฉีดเข็ม 3 ไม่น่าจะมีผลข้างเคียงเยอะขึ้นกว่าการฉีดเข็มปกติ”
*แก้ไขเนื้อหาล่าสุดเมื่อ: 22.38 น.
Illustrator By Waragorn Keeranan