เขาว่ากันว่ากรุงเทพเป็น ‘เมืองเทพสร้าง’ แต่ในฐานะประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ เราต่างรู้กันดีว่าเทพองค์นั้นอาจจะรีบสร้างเกินไปหน่อย โดยเฉพาะ ‘การขนส่งมวลชน’ ที่ผลงานออกมาดูเหมือนพยายามเผาให้เสร็จทันเดดไลน์
สุดท้ายคุณภาพงานก็ออกมาอย่างที่เราเห็น ทั้งระบบการจัดการและสภาพบุโรทั่ง แม้จะนำภาพสมัย 20-30 ปีที่แล้วมาดู ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรกันสักเท่าไหร่ เหมือนถูกสต๊าฟเอาไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์—คลาสสิกและวินเทจ เพิ่มเติมคือระยะเวลาการรอรถที่นานขึ้น ถึงขั้นที่มีคนมากมายออกมาร่วมแชร์ประสบการณ์ว่าเคย ‘ร้องไห้’ เพราะรอรถเมล์หลายชั่วโมง
แล้วยิ่งในช่วงฤดูฝน แทบแยกไม่ออกเลยล่ะว่าน้ำที่ไหลมาคือน้ำฝนหรือน้ำตา เพราะไหนจะต้องยืนรอตรงป้ายที่ไม่สามารถคุ้มกันอะไรได้ เรายังต้องแย่งกันขึ้นไปเบียดเสียดบนรถ ที่ทั้งอบอ้าว สภาพเก่าแก่ และหน้าต่างที่สนิมขึ้นจนยากที่จะปิด ทำให้น้ำไหลนองบนพื้นรถเป็นทะเลกรุงเทพจำลอง
โอ๊ย สารพัดปัญหา จนเกิดข้อสงสัยว่าภาษีที่เราจ่ายมันหายไปไหน๊!
แต่ปัญหาใดๆ จะถูกแก้ไขได้ ก็ต้อง ‘เริ่มจากตัวเอง’ อย่างที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของเราเคยแนะนำไว้ ฉะนั้น เลิกบ่นกันได้แล้วคนไทย มาฝึกสกิลที่ต้องใช้บนรถเมล์กันเถอะ
สกิลกลั้นน้ำตา ไม่ว่าเราจะรอรถเมล์นานแค่ไหน เราต้องไม่งอแง รอคนคุยตอบแชทเป็นวันยังทำได้ รอรถเมล์แค่ 2 ชั่วโมงทำไมจะทำไม่ได้!
สกิลหายใจทางผิวหนัง กว่ารถจะมาได้แต่ละคัน ฉันต้องได้ขึ้น ฉันจะไม่ยอมรอคันต่อไปหรอกค่ะ นี่คือสิ่งที่ทุกคนคิด ทำให้บนรถแน่นเอียดเบียดเป็นปลากระป๋อง หายใจรดต้นคอจนจั๊กจี้ สกิลที่ต้องมีตอนนี้ก็คือหายใจทางผิวหนัง ที่จะช่วยให้เราไม่ขาดอากาศหายใจตายไปก่อน โดยเฉพาะช่วงโรคระบาด COVID-19 ที่เพิ่มความลำบากในการหายใจมากขึ้นอีกเท่าตัว
สกิลทรงตัวแบบเซิร์ฟบอร์ด ไม่ต้องไปถึงทะเลก็ได้เล่นโต้คลื่น เพราะยืนบนรถเมล์ก็โคลงเคลงไม่ต่างกัน คนที่ทรงตัวเก่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด เบรคกี่ครั้งก็ไม่หัวทิ่ม อยากขึ้นรถเมล์ไทยได้ ต้องไปฝึกสกิลนี้มาให้ดี
สกิลยืด-หด-ลดขนาดตัว เพราะต้องเสียน้ำตารอรถเมล์นาน จะพลาดโอกาสขึ้นรถคันตรงหน้าได้ยังไง แม้คนแน่นแค่ไหนก็ต้องไหว ใช้สลกิลหดตัวให้เล็กบาง แทรกตัวเข้าไปให้ได้ยิ่งกว่านางนาตาชา โรมานอฟ แม้จะมีพื้นที่ไม่ถึงเซนติเมตรฉันก็ต้องฝ่าฟันมันไปถึงบ้านให้ได้ เพราะไม่แน่ใจคันต่อไปต้องรอนานอีกแค่ไหน แล้วฝนเจ้ากรรมจะดันตกลงมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
สกิลรองรับอารมณ์ ทุกคนล้วนมีแบดเดย์ วันที่ไปเจออะไรแย่ๆ มาจนไม่อยากจะยิ้ม จะพูดจากับใคร ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าภายใต้น้ำเสียงที่หงุดหงิดของกระเป๋ารถเมล์ หรือการเหยียบคันเร่ง เหยียบเบรกจนมิดของคนขับ เขาไปเจออะไรมาบ้าง เราต้องใจเย็นๆ คนไทยต้องให้อภัยกัน หัวคะมำก็ต้องไม่โกรธ
สกิลล่วงรู้อนาคต “แก วันนี้ฉันไม่น่าจะไปทัน” สกิลที่จำเป็นสำหรับคนมีนัด เพราะเราจะต้องคาดเดาได้ว่ารถจะมาถึงตอนไหน จะไปทันมั้ย ควรจะโทรเลื่อนไปอีกกี่ชั่วโมง หรือควรจะยกเลิกไปเลย เพราะดูวี่แววรถเมล์ไม่น่าจะมาง่ายๆ
สกิลต้านเชื้อโรค ผนัง เก้าอี้ เบาะ พดานรถ จะเห็นได้ว่าบางคันสภาพทรุดโทรมจนถึงขั้นมีสนิมเกาะ หรือบางคันสังกะสีแหลมออกมาข่วนแขนขาก็มีจนอาจเป็นบาดทะยักได้
สกิลปฐมพยาบาล ต้านเชื้อโรคได้แล้ว ก็ต้องมีสกิลปฐมพยาบาลเผื่อโดนข่วนแล้วต้องทำแผลเอง อาจจะลองพกแอลกอฮอล์ ยาแดง และพลาสเตอร์ติดตัวไว้ก็ดี จะช่วยให้เราฆ่าเชื้อโรค หรือเผื่อเป็นลมขึ้นมาก็จะได้ไม่ทรุดมาก
สกิลมือไว / เท้าไว ถ้าคิดว่าตัวเองไวแล้ว อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะคุณอาจไวไม่พอสำหรับรถเมล์ไทย ขึ้นรถทีไรยังไม่ทันจะหาที่นั่ง บรื้นนนนน รถออกตัวแล้ว สรุปได้นั่งที่ไหน? อ๋อ นั่งที่พื้น เพราะล้มไปกองอยู่ข้างล่างนั่นเอง หรือแม้จะกดกริ่งไวแค่ไหนก็เหอะ คุณก็มีสิทธิ์เลยป้ายของตัวเองได้ เพราะรถเมล์บางคันไม่คิดจะจอดตามป้ายเลยด้วยซ้ำ
แล้วเรามาเริ่มฝึกไปด้วยกัน สู้ๆ ค่ะคนไทย