ยังคงเป็นที่สับสนของผู้คนว่า สรุปแล้วประชาชนกลุ่มใด จะได้ฉีดวัคซีนสูตรไหนบ้าง หลังกระทรวงสาธารณสุขออกมาแถลงว่า จะเริ่มให้มีการฉีดวัคซีนไขว้ทั้งประเทศ ตลอดทั้งเดือนตุลาคมนี้ โดยกระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าว่า จะจัดให้การฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ในทุกจังหวัด
สูตรการฉีดไขว้ จะใช้วัคซีนจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 24 ล้านโดส ซึ่งตรงกับช่วงเดือนตุลาคม ที่กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่าจะมีวัคซีนส่งมายังไทยจำนวนมาก โดยจะเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน – 31 ตุลาคม พ.ศ.2564 ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไร The MATTER ได้แจกแจงมาให้ตรงนี้แล้ว
เกณฑ์การฉีดกลุ่มเป้าหมายตลอดเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
– ฉีด 1 เข็มให้ครอบคุลมประชากรทั้งหมดอย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของทุกจังหวัด และให้มีอย่างน้อย 1 อำเภอที่ฉีดครอบคลุม 70 เปอร์เซ็นต์ ตลอดจนทำ Covid Free Area ในจังหวัดที่ฉีดครอบคลุม 80 เปอร์เซ็นต์ โดยเน้นฉีดให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ให้ได้มากที่สุด ส่วนประชากรกลุ่มอื่นๆ นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อในแต่ละจังหวัดจะเป็นผู้จัดสรร
– จัดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ของทุกคน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกไปก่อนหน้านี้
– ขยายกลุ่มอายุผู้ได้รับวัคซีน ไปเป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเทอม
– ฉีดเข็มกระตุ้นในผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มช่วงมีนาคม – พฤษภาคม พ.ศ.2564
– ฉีดในพื้นที่เศรษฐกิจและควบคุมการระบาด
แล้วใครได้ฉีดสูตรไหนกันบ้าง?
– ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วทั้งประเทศ จำนวน 16.8 ล้านโดส คิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ ตลอดการฉีดทั้งเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 แบ่งออกเป็น 3 สูตรการฉีด ได้แก่ Sinovac เข็มที่ 1 + AstraZeneca เข็มที่ 2, AstraZeneca เข็มที่ 1 + AstraZeneca เข็มที่ 2, AstraZeneca เข็มที่ 1 + Pzfier เข็มที่ 2
– นักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12 – 17 ปี ทั่วทั้งประเทศ จำนวน 4.8 ล้านโดส คิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ ตลอดการฉีดทั้งเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 โดยจะใช้สูตร Pfizer เข็มที่ 1 + Pfizer เข็มที่ 2
– แรงงานในระบบประกันสังคม จำนวนกว่า 8 แสนโดส คิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ ตลอดการฉีดทั้งเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 โดยจะใช้สูตร Sinovac เข็มที่ 1 + AstraZeneca เข็มที่ 2
– หน่วยงานอื่นๆ เช่น องค์กรภาครัฐ ราชทัณฑ์ จำนวน 1.1 ล้านโดส คิดเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ ตลอดการฉีดทั้งเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 โดยจะใช้สูตร Sinovac เข็มที่ 1 + AstraZeneca เข็มที่ 2
– ผู้ที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม และต้องการฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 จำนวนกว่า 5 แสนโดส คิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ ตลอดการฉีดทั้งเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 โดยจะใช้สูตร Sinovac เข็มที่ 1 + Sinovac เข็มที่ 2 ที่เคยได้รับไปก่อนหน้านี้ ตามด้วย AstraZeneca เข็มที่ 3 เป็นเข็มกระตุ้น
สูตรฉีดวัคซีนในไทยเป็นอย่างไร?
1.สูตรฉีดไขว้
– Sinovac เข็มที่ 1 + AstraZeneca เข็มที่ 2 ฉีดห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์ ซึ่งใช้เป็นสูตรหลักในไทยตอนนี้ เพื่อฉีดให้แก่ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
– AstraZeneca เข็มที่ 1 + Pzfier เข็มที่ 2 ฉีดห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์ ใช้ทดแทนสูตร AstraZeneca 2 เข็ม เนื่องจากมีระยะเวลาห่างระหว่างโดสของสูตร AstraZeneca 2 เข็มเดิม ไม่ทันต่อการรับมือการระบาด และใช้ในกรณีเหตุผลความจำเป็นอื่น
2.สูตรฉีดโดสเดียวกันตามบริษัทผู้ผลิต
– Pfizer 2 เข็ม ฉีดห่างกัน 3 – 4 สัปดาห์ ใช้ในผู้มีอายุ 12 – 17 ปี และผู้ที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งปลายทางกำหนดให้ว่าต้องรับวัคซีน Pfizer
– AstraZeneca 2 เข็ม ฉีดห่างกัน 8 – 12 สัปดาห์ ใช้ในผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และผู้ที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งปลายทางกำหนดให้ว่าต้องรับวัคซีน AstraZeneca
– Sinopharm 2 เข็ม ฉีดห่างกัน 8 – 12 สัปดาห์ เป็นวัคซีนทางเลือก รายละเอียดการใช้เป็นไปตามผู้ผลิตกำหนด
3.การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
Sinovac เข็มที่ 1 + Sinovac เข็มที่ 2 เว้นระยะห่างจากเข็มที่สอง 4 สัปดาห์ขึ้นไป แล้วตามด้วย AstraZeneca เข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ปัจจุบันกำลังเริ่มใช้ใน Phuket Sandbox
4.การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในผู้เคยติดเชื้อ
AstraZeneca หรือ Pfizer 1 เข็ม ฉีด 1 – 2 เดือน หลังจากตรวจพบเชื้อและหายดี รวมทั้งพ้นระยะกักตัว หรือหากเกิน 3 เดือนให้เข้ารับการฉีดโดยเร็ว โดยจะฉีดให้ผู้ที่ไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังไม่ถึง 2 สัปดาห์แล้วติดเชื้อ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุว่า แผนการฉีดวัคซีน 24 ล้านโดส จะสามาถมีการปรับเปลี่ยนได้ หากในอนาคตวัคซีนไม่ได้ถูกจัดส่งมาตามแผนการ หรือชุดความรู้ใหม่ๆ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention เช่น การใส่หน้ากาก การเว้นระยะห่าง การล้างมือ
อ้างอิงจาก