ถือเป็นข่าวช็อกส่งท้ายปี สำหรับการเปิดโครงการเออร์ลี่รีไทร์ของ นสพ.อันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่าง ‘ไทยรัฐ’ ที่ช่วงหนึ่งเคยมียอดขายถึง 1,000,000 ฉบับ โดยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องลดอัตรากำลังคน เพื่อให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์ยังเดินหน้าต่อไปได้
และถ้าขนาด นสพ.ไ
ความจริงแล้ว ผู้บริหารของไทยรัฐเคยประ
จิตสุภา วัชรพล ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลวัชรพล เจ้าของเครือไทยรัฐ ก็ให้สัมภาษณ์ไว้ไม่กี่เดือ
และนี่ก็คือผลประกอบการของเ
- ปี 2551 มีรายได้ 5,279 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 297 ล้านบาท *เริ่มทำออนไลน์
- ปี 2552 มีรายได้ 4,616 ล้านบาท กำไรสุทธิ 15 ล้านบาท
- ปี 2553 มีรายได้ 4,695 ล้านบาท กำไรสุทธิ 318 ล้านบาท
- ปี 2554 มีรายได้ 4,675 ล้านบาท กำไรสุทธิ 765 ล้านบาท
- ปี 2555 มีรายได้ 5,125 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,064 ล้านบาท
- ปี 2556 มีรายได้ 5,223 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,888 ล้านบาท *เริ่มทำทีวี
- ปี 2557 มีรายได้ 4,741 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,409 ล้านบาท
- ปี 2558 มีรายได้ 4,486 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,536 ล้านบาท
- ปี 2559 มีรายได้ 3,777 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,224 ล้านบาท
- ปี 2560 มีรายได้ 3,505 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,688 ล้านบาท
หากดูจากข้อมูล จะเห็นได้ว่า รายได้ของเครือไทยรัฐ ช่วงสิบปีหลังลดลงไปถึง 1/
แต่อีกจุดที่น่าสนใจก็คือ สัดส่วนรายได้จาก นสพ.ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช
นี่คือ ความเป็นอยู่และเป็นไปของเค รือไทยรัฐ เจ้าของ ‘นสพ.อันดับหนึ่งของเมืองไท ย’ ที่ประเมินตัวเองไว้ว่า น่าจะครองสถานะดังกล่าว ไว้ได้อีกเพียงสิบปีเท่านั้ น ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแป ลงอย่างรวดเร็วมากๆ
หมายเหตุ:
– นสพ.ไทยรัฐ บริหารโดย บริษัท วัชรพล จำกัด (ก่อตั้งปี 2518)
– ไทยรัฐออนไลน์ บริหารโดย บริษัท เทรนด์ วี จี 3 จำกัด (ก่อตั้งปี 2551
– ไทยรัฐทีวี บริหารโดย บริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ (ก่อตั้งปี 2556)