กลายเป็นแมตช์ที่ใครหลายคนจับมองเมื่อ 2 เจ้าพ่อเทคโนโลยีอย่าง Elon Musk CEO บริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ CEO ของ Tesla และ SpaceX กับ CEO แห่งยุคสมัยจากเฟซบุ๊กอย่าง Mark Zuckerberg เมื่อทั้งสองออกมาปะทะเชือดเฉือนกันทางความคิดถึงความเห็นที่ทั้งสองมองแตกต่างกันเรื่องหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ หรือเจ้า AI
ในยุคที่เทคโนโลยี 4.0 วงการดิจิทัลเดินหน้าก้าวไกล AI ถูกพัฒนาให้เก่งกาจ ฉลาดหลักแหลมขึ้นเรื่อยๆ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะมีใครหลายคนหวั่นเกรง นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเองก็ออกมาเตือนภัย ถึงอันตรายคุกคามจาก AI ที่อาจเกิดในอนาคตเหมือนหนัง Terminator หรือภาพยนตร์ Sci-fi ที่เราได้เห็นถึงความน่ากลัวของมัน
แต่ถึงอย่างนั้นหลายฝ่ายกลับมองว่า โลกเราจะพัฒนาไปได้ ก็ด้วย AI นี่แหละที่จะมาช่วยเกื้อหนุน อันตรายหรือวันสิ้นโลกจากหุ่นยนต์นี่เป็นไปไม่ได้ เราสร้างมันมากับมือ ก็ต้องเป็นเรานี่แหละควบคุม สมองกลพวกนี้จะมาทำลายล้างก็มีแต่ในหนังเท่านั้นแหละ
The MATTER จึงได้รวบรวมความเห็นของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ ว่าเค้ามองกันอย่างไรเรื่อง AI ใครคิดอย่างไร อยากอยู่ทีมไหน ไปดูกันเลย
Team Dystopia – Elon Musk CEO ของ Tesla and SpaceX
ประเดิมด้วยคนแรก กับ Elon Musk เจ้าพ่อยานยนต์สุดหล่อ ที่มาพร้อมความเฉียบและสมาร์ท ผู้ซึ่งเพิ่งผ่านศึกการปะทะความเห็นตอบโต้กับ Mark Zuckerberg ผ่านทวิตเตอร์ไปหมาดๆ ในช่วงตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เฮีย Musk นั้น แสดงจุดยืนชัดเจนในการเตือนถึงภัยร้ายที่อาจมาจากเจ้า AI โดยในการประชุมหรือสัมมนาต่างๆ ที่เขาถูกเชิญไปพูด เขามักไม่พลาดพูดถึงเรื่องนี้
Musk มองว่า AI เป็นอันตรายที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ ที่อาจนำสู่ผลร้ายอย่างการสูญสิ้นเผ่าพันธุ์มนุษย์เลยก็ว่าได้ เขาเคยลงทุนในการวิจัยพัฒนา AI กับบริษัท DeepMind เพื่อจับตาดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับ AI เขายังเคยพูดถึงฉากในหนัง Terminator ที่แสดงให้เราเห็นถึงผลลับอันเลวร้ายที่เกิดจากปัญญาประดิษฐ์มาแล้ว ทั้งยังย้ำอีกว่า AI นั้นเป็นเหมือนปีศาจ ที่เขาไม่คิดว่าจะควบคุมมันได้ด้วย!!
นอกจากนี้ Musk ยังเสนอให้มีการจัดระเบียบหน่วยงานของรัฐในการควบคุมอุตสาหกรรม AI ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปด้วย
Team Dystopia – Bill Gate ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท Microsoft
Bill Gates หนึ่งในเจ้าพ่อผู้บุกเบิกยุคเทคโนโลยี ผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft เป็นอีกหนึ่งผู้เชี่ยวชาญแห่งวงการ IT ที่มีความเห็นพ้องตรงกับ Elon Musk เรียกได้ว่าแท็กทีมกันมอง AI เป็นภัยคุกคาม
Musk โต้เถียงกับ Mark เรื่อง AI ฉันใด Gates เองก็เคยโต้เถียงหัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Microsoft ที่มองว่า AI ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ฉันนั้น โดย Gates มองว่า ปัญญาประดิษฐ์ถูกพัฒนาก้าวหน้าเร็วกว่าที่มนุษย์ควบคุมได้มาก ทั้ง Gates ยังเคยแสดงความเห็นชัดเจนว่าเห็นด้วยและอยู่ทีมเดียวกับ Musk จากที่เคยกล่าวไว้ว่า “ฉันเห็นด้วยกับ Elon Musk และคนอื่นๆ ในเรื่องนี้ !” ทั้งเขายังแสดงความกังวลว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมหลายๆ คนถึงไม่กังวลเรื่องนี้
Gates ยังได้ทำนายอนาคตของ AI ว่าอีก 10 ปี AI จะสามารถทำได้ทั้ง มองเห็น พูด เข้าใจ เคลื่อนย้ายสิ่งของ และแปลภาษาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งจะถูกใช้งานอย่างกว้างขวางด้วย
Team Dystopia – Stephen Hawking นักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Cambridge
แม้ Stephen Hawking จะไม่ได้เป็น CEO หรือนักวิจัยในวงการ IT แต่นักฟิสิกส์ทฤษฎีผู้นี้ ก็เป็นหนึ่งในผู้ออกมาเตือนถึงความน่ากลัวในอนาคตของ AI อยู่หลายต่อหลายครั้ง
Hawking มองว่า AI เป็นสิ่งสำคัญต่ออนาคตของอารยธรรมและสายพันธุ์มนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้นมันอาจจะเป็นทั้งสิ่งที่ดีที่สุดหรือเลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับมนุษยชาติก็ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า Hawking เองก็เห็นถึงประโยชน์ของ AI เพราะมันเองก็มีส่วนช่วยในอุปกรณ์การสื่อสารของเขาเอง โดยเครื่องนี้จะรับรู้สิ่งที่เขาคิดและนำเสนอคำที่เขาอาจจะเลือกใช้ ซึ่งทำให้เขาได้สัมผัสถึงความหวาดกลัวจากผลของ AI ที่อาจอยู่เหนือความคิดมนุษย์ได้
Hawking ยังมองอีกว่า มนุษย์ถูกจำกัดด้วยวิวัฒนาการทางชีวภาพที่เชื่องช้า ทำให้ไม่อาจเอาชนะ AI และถูกแทนที่ได้ ทั้งเขายังคิดเหมือน Musk ว่า AI อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการสิ้นสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้
Team Utopia – Mark Zuckerberg CEO ของ Facebook
มาถึงฝั่งที่มองอย่างเป็นมิตรสุดๆ กับ AI กับพี่ Mark Zuckerberg ที่พึ่งจัดเฟซบุ๊กไลฟ์ตอบคำถามผู้ชมเกี่ยวกับ AI ไป ด้วยคำตอบแบบอวยสิ่งประดิษฐ์นี้สุดๆ ทั้งยังแอบพาดพิงเฮีย Elon Musk ไปซะด้วย
Zuckerberg มองว่า AI ยังไงก็ถูกพัฒนาเพื่อช่วยเหลือ และมีแต่จะทำให้คุณภาพชีวิตมนุษย์ดีขึ้น เขาเห็นว่าแนวคิดเรื่องวันสิ้นโลกเป็นความคิดแง่ลบมากๆ ทั้ง ทั้งยังโพสต์ในเฟซบุ๊กเมื่อวันพุธที่ผ่านมาอีกว่า การที่เขามอง AI ในแง่ดีนั้นเป็นเพราะมันช่วยพัฒนางานวิจัยในสาขาต่างๆ มากมาย ตั้งแต่การวินิจฉัยโรคเพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดีขึ้น การพัฒนารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองเพื่อให้เราปลอดภัย และยังช่วยให้ฟีดข่าวแสดงเนื้อหาที่มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย
ผู้ช่วยอัตโนมัติอย่าง ‘Jarvis’ ของโทนี่ สตาร์คในเรื่อง Iron Man ก็เป็นโครงการพัฒนา AI อย่างหนึ่งที่ Zuckerberg ได้พัฒนา ทั้งเขาเองยังพยายามพัฒนาและแนะนำ AI ให้คนใช้ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น เช่น ฟีเจอร์ Chatbots ในเฟซบุ๊ก เป็นต้น
Team Utopia – Eric Schmidt CEO ของ Alphabet และอดีต CEO ของ Google
Eric Schmidt อดีต CEO ของ Google ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัท Alphabet เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมามองว่า ไม่ควรแตกตื่นกับเรื่องของ AI แต่ควรมองที่ประโยชน์จากการพัฒนาของพวกมันมากกว่า
Schmidt มองว่าเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ และยังมองในแง่บวกว่าในอนาคตเราต้องอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ถูกคอมพิวเตอร์แทนที่ ทั้งมันจะมาช่วยเติมเต็มงานของมนุษย์และช่วยพัฒนากันและกันด้วย เขายังคิดว่าฉากหรือภาพยนต์หุ่นยนต์ครองโลกต่างๆ เป็นเพียงแค่หนังและล้วนเกิดจากแค่สมมติฐานเท่านั้น
Schmidt ยังเคยเขียนบทความในชื่อว่า ‘Let’s Stop Freaking Out About Artificial Intelligence’ หรือหยุดแตกตื่นเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเขามองว่ามนุษย์จะได้ประโยชน์จากพวกมัน และเราควรกังวลเกี่ยวกับมนุษย์ด้วยกันเอง มากกว่ากังวลถึงความน่ากลัวของ AI ด้วย
Team Utopia – Jeff Bezos CEO ของ Amazon
Jeff Bezos เจ้าพ่อธุรกิจ e-commerce CEO บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Amazon ที่กำลังมีโครงการพัฒนาเทคโนโลยี AI มากมาย เขาก็เป็นหนึ่งคนที่ได้ออกมาเลือกข้าง อยู่ทีม AI โดยเขามองเห็นประโยชน์ คุณงามความดี คุณูปการของปัญญาประดิษฐ์อย่างสุดๆ
Bezos ชื่นชมเทคโนโลยี AI ถึงขั้นมองว่าการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นเหมือนยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา และยุคทองของเทคโนโลยี โดยเขามองว่า AI เข้ามาช่วยแก้ปัญหาหลายๆ อย่าง และจะช่วยปรับปรุงธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น เขายังกล่าวว่า มันเป็นเหมือนฝัน จากนิยายวิทยาศาสตร์ มาเป็นเรื่องจริงที่ตอนนี้เรามีคอมพิวเตอร์ที่พูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติ และสามารถทำสิ่งต่างๆ ให้คุณได้ด้วย
ปัจจุบัน AI เข้ามามีส่วนอย่างมากในธุรกิจของ Amazon ทั้ง Alexa ระบบซอฟแวร์ควบคุมการสั่งการด้วยเสียง และ Prime Air Delivery Drone บริการจัดส่งของทางอากาศที่ Bezos มองว่าเป็นการพัฒนาที่สุดยอด ซึ่งช่วยปรับปรุงการทำงานในการจัดการสินค้าและบริการอื่นๆ และในอนาคตเอง Amazon ก็จะมีโครงการอีกมากมายที่ทำงานร่วมกับ AI มากขึ้นด้วย
อ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.businessinsider.com/
illustration by Namsai Supavong