เชื่อไหมว่าไม่ใช่คุณคนเดียวที่เหงาอยู่ตอนนี้…
ถ้าเชื่อก็ไม่ท้าวให้มากความ เพราะวันนี้ The MATTER มาชวนคุณเปิดโหมดโหด แล้วสละโสดไปพร้อมกันกับ 5 แอพฯ หาคู่ที่เราลองแล้วว่าดีและโดนทั้งผู้ใช้งานและระบบในแอพพลิเคชั่น เหมาะกับทั้งคนที่อยากหาเพื่อนแชร์ความเหงา หรือถ้าโชคชะตาฟ้าลิขิต คุณอาจเจอใครสักคนที่พาไปกินดินเนอร์หรูบนยอดตึกก็ได้
แต่ก่อนอื่น… ขอให้ตั้งปณิธานอย่างมุ่งมั่น กำหนดลมหายใจเข้าออก และคัดสรรค์รูปที่คุณมั่นใจที่สุดรอไว้ ก่อนไปทำความรู้จัก 5 แอพที่เราเลือกมาให้คุณดูพร้อมกัน
Tinder
หนึ่งในแอพฯ หาคู่ลำดับต้นๆ ของโลกและสังคมไทย โดยฟังชันค์ของ Tinder ก็ไม่มีอะไรมาก เมื่อคุณตั้งค่าโปรไฟล์ส่วนตัวให้เหล่ท่อ หล่อเท่แล้ว ก็เพียงแค่สไลด์ไปเรื่อยๆ ปัดหาคนที่คุณชอบ และถ้าชอบก็เริ่มคุยกันเท่านั้นเอง
แต่แน่นอนด้วยจำนวนผู้ใช้บริการที่มหาศาล ทำให้หลายคนปัดกี่ครั้งก็ไม่แมตช์ซักที (เพราะไปเจอกับแอคเคาท์ร้างที่สร้างมาเพื่อหาคนฟอลอินสตราแกรมหรือเฟซบุ๊ก) ทำให้ทาง TInder เพิ่มฟังชันค์สำหรับผู้จ่ายเงินเพื่อใช้บริการได้แก่ Boost, Superlike, Global, Passport To Any Location
สำหรับฟังชันค์ Super Like และ Boost ผู้ใช้บริการสามารถซื้อได้ทั้งในรูปแบบแยก หรือเหมารวมกับการจ่ายค่าอัพเกรดบริการก็ได้ โดย Superlike จะช่วยให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าคุณปัดเลือกเขา หรือคล้ายเป็นการตะโกนดังๆ ว่าผมชอบคุณนะให้อีกฝ่ายรู้ ขณะที่ฟังชันค์ Boost จะคล้ายๆ การลัดคิว ทำให้แอคเคาท์ของคุณขึ้นมาอยู่ลำดับต้นๆ เมื่อผู้ใช้บริการรายอื่นกำลังเล่นอยู่
สำหรับฟังค์ชัน Passport To Any Location จะทำให้ผู้อัพเกรดแอพ Tinder สามารถพาตัวเองไปหาคู่แมตช์ที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ตั้งแต่สุดขอบแหลมเคปทาวน์ ไปจนถึงเมืองหลวงแฟชั่นอย่างปารีส แต่ฟังค์ชัน Global นั้นมาพร้อมๆ กับช่วยการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 โดยมันจะทำให้คุณหาคู่แมตช์จากประเทศอื่นๆ เพื่อแชร์ประสบการณ์ในชีวิตให้แก่กันได้
ในตอนนี้ Tinder ให้ผู้ใช้บริการสามารถยกระดับแอพพลิเคชั่นได้ทั้งหมดสามระดับ ได้แก่ Premiem, Gold และ Platinum ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนัก และดูเหมือนว่า Tinder Gold จะมีความคุ้มค่าที่สุดเพราะทำให้คุณสามารถใช้ Boost ได้เดือนละครั้ง และมอบ Suepr Like ให้แอคเคาท์ของคุณวันละ 5 ดวงดาว รวมถึงมอบฟังค์ชัน Passport to Any Location ให้ด้วย
และถ้าหากคุณยอมจ่ายอีกนิดเพื่ออัพเกรดขึ้นเป็น Platinnum คุณจะสามารถส่งข้อความทักทายไปหาคนที่คุณ Super Like ได้ทันที ประมาณให้คุณพร่ำคำหวานบอกเขาก่อนได้เลยว่าชอบเขาขนาดไหน แต่นั่นแหละ มันก็เป็นทั้งโอกาสเป็นเรื่องดี หรือทำให้ดูแย่ลงก็ไม่แน่หรอกนะ
Bumble
Bumble เป็นแอพฯ เดียว (เท่าที่ผมรู้) ที่ให้สุภาพสตรีเป็นผู้เปิดบทสนทนาก่อน โดยคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงจะมีสิทธิ์ในการปัดซ้ายเลือกคู่ที่ชอบคนละเท่าๆ กัน และเมื่อทั้งคู่เกิดแมตช์กันแล้ว ต้องเป็นฝ่ายหญิงเท่านั้นที่จะได้โอกาสทักหาก่อน และถ้าฝ่ายหญิงสงวนตัววางท่านิ่งเฉย เมื่อพ้นกรอบเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงที่ทางแอพกำหนดไว้ คุณทั้งคู่ก็จะถูกโปรแกรมอันแมตช์กันไปโดยปริยาย (โถ่!)
และสำหรับผู้ที่นิยมแอพฯ นี้สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการเสริม อาทิ Superswipe, Spotlight หรือ Boost ได้ ซึ่งก็จะมีฟังค์ชันการทำงานคล้ายๆ ของ Tinder คือ Superswipe ทำให้คนที่คุณเลือกรู้ตัว Spotlight ทำให้ผู้ใช้รายอื่นเห็นโปรไฟล์คุณมากขึ้น และ Boost ทำให้คุณสามารถขยายกรอบระยะเวลาในการทักหรือตอบโต้อีกฝ่ายได้
Bumble เป็นแอพหนึ่งที่ให้ความใส่ใจกับการสร้างสังคมที่ดี พวกเขามีช่องแทปเมนูที่พูดถึงการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 และแทปที่ลิ๊งค์ไปหาเว็บไซต์ WHO รวมไปถึงมีบทความสนุกๆ เกี่ยวกับการเดตออนไลน์และประเด็นไลฟ์ไสตล์อื่นๆ ให้อ่านอีกด้วย
ล่าสุด Bumble เพิ่งออกกฎใหม่ว่าพร้อมจะแบนทุกแอคเคาท์ที่แสดงท่าทีเชิงเหยียดเชื้อชาติ, สีผิว ตลอดจนร่างกายของอีกฝ่ายไม่ว่าต่อคู่แมตช์หรือระบุไว้ในส่วนข้อมูลส่วนตัว เพราะผู้จัดกล่าวว่าพวกเขาต้องการสร้างให้สังคม Bumble เป็นสังคมที่ปลอดภัยและมีความเคารพต่อกันและกันให้มากที่สุด
Omi
อีกหนึ่งแอพฯ ยอดนิยมของคนไทย Omi ซึ่งมีฟังชันก์การทำงานคล้ายๆ กับแอพฯ อื่นคือ ถ้ามองรูปแล้วสมพงษ์กัน ก็ปัดแมตช์และคุยกันได้ทันที
ถ้าหากคุณจ่ายเงินเพื่อยกระดับแอคเคาท์เป็น Omi Premieum คุณจะได้รับฟังชังค์ที่คล้ายๆ กับที่จ่ายเงินให้ Tinder คือ ทำให้คุณสามารถมองเห็นคนที่คุณชอบได้ และสามารถส่ง Crush ไปให้คนที่คุณชอบได้ถึง 5 คนในระยะเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ทาง Omi เองก็มีฟังค์ชัน Turbo ซึ่งคล้ายๆ กับการกด Boost ใน Tinder เช่นกัน กล่าวคือทำให้แอคเคาท์อื่นๆ ที่อยู่ในระยะเห็นคุณมากขึ้นนั่นเอง
แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน ทีมงาน Omi ค่อนข้างมีเจตนาดี แต่ออกแบบระบบได้รวนพอสมควร เพราะพวกเขาตั้งใจให้ Omi เป็นสังคมคุณภาพ ไม่มีถ้อยคำหยาบคาย และลามกพูดคุยกันในแอพฯ แต่ทางทีม Omi มักจะมีความเข้าใจผิดในภาษาไทยอยู่ตลอด เพราะถ้าเราพิมพ์ข้อความที่คล้ายคำว่า ‘เหี้ย’
อย่างคำว่า ‘เหี้ยม’ หรือใช้ตั้งรูปดิสที่ไม่สวมเสื้อผ้าครบชิ้น คุณก็มีสิทธิ์ถูกทีมงาน Omi แบนแอคเคาท์ได้ และต้องส่งเมลล์เข้าไปอ้อนวอนกับสำนักงานใหญ่ Omi เพื่อให้เขาปลดล็อคแอคเคาท์ให้คุณ
OKcupid
เป็นหนึ่งในแอพฯ ที่ต้องร้องว่า หูววว เมื่อไรจะได้เล่นเนี่ย เพราะเป็นแอพฯ ที่เมื่อคุณสมัครแล้วมีคำถามให้คุณตอบเยอะมากกก แต่มันก็เป็นข้อดีเช่นกัน เพราะมันทำให้คุณสามารถหาคู่แมตช์ที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุดได้
โดยคำถามก็มีตั้งแต่เป้าหมายของการเล่นแอพฯ (มีตั้งแต่หาแฟนระยะยาว, เพื่อน, คู่นอน หรือคุยเฉยๆ) ไปจนถึงคำถามอาทิ มุมมองทางการเมือง, คิดอย่างไรกับศาสนา ตลอดจนถามว่าคุณมอง เอก-ธนาธร ในฐานะอะไร ไม่สนใจหรืออนาคตของการเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม OKcupid ให้โอกาสคุณสไลด์หาคนที่ชอบได้น้อยมาก ประมาณ 10 ไลค์ต่อวันเท่านั้น และถ้าหากคุณอยากที่จะสไลด์เพิ่มก็ต้องจ่ายเงินให้กับแอพ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงพอควรคือ 1,050 บาท/เดือน แต่ก็จะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับไลค์ไม่จำกัดต่อวัน หรือ Unlimited Likes, Dealbreakers ฟังค์ชันที่ช่วยสแกนคนที่หาความสัมพันธ์เหมือนกับคุณ และแน่นอน Boost ฟังค์ชันที่พาแอคเคาท์ลัดคิวไปอยู่แถวหน้าสุดในระยะนั้น
Coffe Meet Beagal
อีกหนึ่งแอพฯ หาคู่ที่ขึ้นชื่อในฟังชันค์คัดกรองคนที่คล้ายกับเราแอพหนึ่ง โดยก่อนเริ่มเล่นผู้ใช้ต้องกรอกทั้งสภาพการศึกษา ความสนใจ ส่วนสูง รสนิยม บลาๆ เพื่อให้แอพฯ หาคนที่เหมาะกับเรามากที่สุดมาให้ปัด ซึ่งจากการลองเล่นดูแล้ว ส่วนตัวมองว่าแอพฯ ใช้ระดับการศึกษาเป็นหลักเป็นตัวคัดคู่แมตช์ให้เราเป็นหลัก (เถียงได้นะครับ ใช้ประสบการณ์ส่วนตัว)
Coffe Meet Beagal เป็นแอพฯ หนึ่งที่สามารถค่าอัพเกรดนั้นมีราคาถึง 1,050 บาท/เดือน โดยเมื่ออัพเกรดแอคเคาท์แล้วก็จะทำให้คุณได้รับฟังค์ชันเสริมอย่าง Boost ที่ทำให้แอคเคาท์อื่นมองเห็นโปรไฟล์คุณถี่ขึ้นในระยะเวลา 48 ชั่วโมง และ Skip the Line ที่ทำให้คนที่คุณปัดไลค์มองเห็นคุณไวขึ้น
แอพฯ นี้ยังมีหน่วยแทนเงินสดที่เรียกว่า Beans ไว้สำหรับแลกไลค์เพิ่ม หรือใช้ซื้อ Boost โดยหน่วยเงินดังกล่าวคุณสามารถใช้เงินในโลกจริงแลก หรือได้มาจากการร่วมกิจกรรมภายในแอพฯ เอง