ด้วยจำนวนผู้ติดตามกว่า 48 ล้านคนบนแอคเคานท์ทวิตเตอร์ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกข้อความทวีตของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีแห่งโลกเทคโนโลยี ส่งผลกระทบยิ่งใหญ่ เคลื่อนไหวตลาดให้วิ่งวุ่นได้ด้วยปลายนิ้ว โดยเฉพาะตลาดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี สกุลเงินดิจิทัลที่ว่ากันว่าเป็นเงินแห่งอนาคต ซึ่งเขาให้ความสนใจเสียเหลือเกินในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะสกุลบิตคอยน์ และ Dogecoin เหรียญหน้าหมาสุดกวน
ด้วยความที่มันเป็นประเด็น Break the Internet มาหลายครั้งหลายครา The MATTER จึงขออาสา พาย้อนดูอีเวนต์สำคัญจากข้อความทวีต และการลงทุนของ อีลอน มัสก์ ที่เขย่ากระดานคริปโตฯ ให้สั่นสะเทือนไปทั่วทุกมุมโลก
20 ธันวาคม 2020: การเคลื่อนไหวของมัสก์แบบถี่ๆ อาจเริ่มต้นจากช่วงนี้ ในวันนี้เขาได้ทวีตว่า ‘Bitcoin is my safe world’ หมายความว่า บิตคอยน์คือโลกแห่งความมั่นคงของผม ซึ่งมันการันตีประมาณหนึ่งว่าเจ้าพ่อวงการเทคฯ ให้ความเชื่อมั่นในเหรียญที่ยังไม่ได้รับการรองรับอย่างเป็นทางการนี้ แต่ครั้งนี้ค่อนข้างน่าประหลาดใจ เพราะมันทำราคาเหรียญร่วงลงราว 1.7% ทันที ซึ่งอาจจะอธิบายได้ว่าในตอนนั้นผู้คนยังไม่เริ่ม hype บิตคอยน์และไม่มีความเชื่อมั่นในมูลค่าของมันเหมือนในปัจจุบันนี้ (ที่ผ่านมาเพียงสองเดือนกว่าเท่านั้น)
และในวันเดียวกัน เขาได้ทวีตสั้นๆ ‘One word: Doge’ ซึ่งมันหมายถึงเหรียญคริปโตฯ สุนัขสุดกวน ซึ่งรอบนี้มันกลับปัง อาจเพราะเขาเคยเปรยๆ ว่ามันเป็นเหรียญที่เขาโปรดปรานที่สุด ขณะที่มูลค่าต่อเหรียญของ Dogecoin ก็ไม่ได้สูงมากเหมือนบิตคอยน์ นั่นทำให้คนกระโจนกันลงทุนชนิดที่มูลค่าเพิ่มระดับน่าตกใจ ซึ่ง 30 นาทีหลังจากทวีตนั้น มูลค่ารวมการเทรด Dogecoin พุ่งไปอยุ่ที่ 299,330 ดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการเทรดกว่า 775 ครั้ง/นาที ก่อนที่ในเวลาต่อมา ราคา Dogecoin จะร่วงกลับมาสู่ราคาจริง
28 มกราคม 2021: อีกข้อความทวีตหนึ่งที่สร้างแรงกระเพื่อมระลอกใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเกือบจะปลายเดือนมกราคม เมื่อเขาโพสต์ภาพเหรียญ Doge – อย่างไรก็ตาม นักลงทุนไม่ได้ตื่นเต้นกับข้อความนี้ทันทีเหมือนรอบแรก อาจจะเพราะมีบทเรียนจากรอบก่อนกันมาบ้างแล้ว แต่ทว่าราว 4 ชั่วโมงให้หลังจากการทวีต ราคา Dogecoin ก็ดีดตัวให้ชื่นใจอีกครั้ง ก่อนร่วงลงไปกว่า 50% จากราคาสูงสุดในเวลา 2 ชั่วโมงถัดมา (นี่แหละนะโลกคริปโตฯ ที่ขึ้นสุดลงสุดของแท้)
29 มกราคม 2021: เหมือนเวลาจะมา คุณเขาก็จะมาถี่ๆ ในวันถัดมา มัสก์เปลี่ยน Bio บนหน้าทวิตเตอร์ตัวเอง เป็นคำว่า #Bitcoin ซึ่งครั้งนี้อาจจะเป็นเพราะบารมีที่เขาสั่งสมในความสนใจเหรียญคริปโตฯ มาโดยตลอด ทำให้ราคาเหรียญบิตคอยน์พุ่งสุดๆ จาก 32,000 ดอลลาร์/เหรียญ สู่ 38,000 ดอลลาร์/เหรียญ ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และมีการเทรดกว่า 20,000 ครั้งในระยะเวลา 60 นาทีหลังจากมัสก์เปลี่ยนหัว Bio
9 กุมภาพันธ์ 2021: เป็นวันที่เรียกได้ว่าตลาดแตกของบิตคอยน์ จากข่าวการลงทุนทุ่มซื้อบิตคอยน์ของเทสลา บริษัทของอีลอน มัสก์ ด้วยมูลค่ากว่า 4.5 หมื่นล้านบาท และเขาประกาศเตรียมเริ่มรับสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซี ในการชำระเงินซื้อผลิตภัณฑ์ของบริษัท ครั้งนี้เหมือนอีลอน มัสก์ ประกาศเพิ่มที่ทางในบิตคอยน์ในการใช้งานจริงในฐานะสกุลเงินหลัก ทำให้ราคาเหรียญพุ่งทุบสถิติ New High อีกครั้ง ด้วยมูลค่า 48,000 ดอลลาร์/เหรียญ
19 กุมภาพันธ์ 2021: มัสก์ขยับอีกครั้ง ด้วยการเปลี่ยนโปรไฟล์ทวิตเตอร์เป็นรูปคาแร็กเตอร์บิตคอยน์ พร้อมทวีตข้อความ ‘Just for one day’ ประมาณว่า สักหนึ่งวันละกัน (กับรูปโปรไฟล์นี้) แต่ด้วยความที่คนกระตือรือร้นกับกระแสคริปโตฯ มากนับตั้งแต่ต้นปี ทำให้ราคาเหรียญบิตคอยน์พุ่งทำ New High ทันทีในไม่กี่นาที ที่ 56,000 ดอลลาร์/เหรียญ
22 กุมภาพันธ์ 2021: ดูเหมือนว่า ซีอีโอของเทสลาจะเคลื่อนไหวถี่ขึ้นหลังจากทุ่มลงทุนในคริปโตฯ ซึ่งมัสก์ก็ได้ทวีต ‘Dojo 4 Doge’ (Dojo คือชื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของเทสลา) ซึ่งทำให้ Dogecoin ราคาสูงขึ้นราว 7% ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 วัน มัสก์ได้ทวีตลิงก์ยูทูบที่อธิบายเกี่ยวกับบิตคอยน์ด้วย
Lennart Ante จาก Blockchain Research Lab ในเยอรมนี ได้ทำการวิจัยผลของการเคลื่อนไหวของมัสก์บนทวิตเตอร์ไว้ว่า หลายครั้งทวีตของมัสก์เป็นการตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของตลาดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น แต่ก็มี 2 ครั้งที่ทวีตของมัสก์จุดแรงกระเพื่อมตลาดด้วยตัวข้อความเอง และทำให้มีการทำราคา New High
เขายังให้คำแนะนำด้วยว่า เราควรจะเทรดคริปโตฯ ตามทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์ หรือไม่? เขาบอกว่าหากก่อนหน้านั้นตลาดมีความผันผวนน้อย และมัสก์ทวีตข้อความออกมา จะไม่ค่อยสร้างอิมแพ็กต่อการเทรดสักเท่าไหร่
แต่หลายครั้งที่ทวีตของมัสก์สร้างอิมแพ็กใหญ่จริงๆ ซึ่งมันก็มีช่วงเวลาที่นักลงทุนสามารถเข้าไปฉวยกำไรได้ แต่มันก็เป็นจังหวะทองที่อาจจะพลาดได้เพราะว่า ‘เข้าเร็วเกินไป’ หรือ ‘เข้าช้าเกินไป’ หลังจากตลาดแตกตื่นไปเรียบร้อยแล้ว และต้องระวังว่า บางทวีตอาจสร้างมูลค่า แต่บางทวีตก็อาจจะทำลายมูลค่าได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ก็คงจะต้องยอมรับว่า เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยีคนนี้ มีอิทธิพลต่อตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจริงๆ และเขามีส่วนได้ส่วนเสียมหาศาลต่อตลาดเทรดดิ้งแห่งอนาคตนี้อย่างมาก
ซึ่งนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญในวงการคริปโตฯ หลายคนบอกว่า ราคาที่พุ่งขึ้นและลงแบบไม่มีอะไรกั้นของเหล่าเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีนั้น หลักๆ แล้ว นอกจากธรรมชาติของตลาดที่ไม่มีตัวกลาง ไม่มีเวลาปิดตลาด และไม่มีผลประกอบการใดๆ มาประกอบการตัดสินใจ – ความกลัวและความโลภของผู้คนในการลงทุน จึงเป็นอีกส่วนประกอบสำคัญในการที่ทำให้ราคาผันผวนแบบสุดทาง ซึ่งเมื่อมีผู้มีอิทธิพลของโลก และเป็นคนที่มี footpath ได้รับการยอมรับในโลกเทคโนโลยี มาเมนชั่นและให้ความสนใจกับมันจริงจัง จึงไม่แปลกที่ผู้คนจะเกิดการตื่นตัวทางการลงทุน เพราะพวกเขาไม่อยากจะพลาดโอกาส หรือกลัวที่จะตกขบวนความร่ำรวยในอนาคต
ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าเหล่าคริปโตเคอร์เรนซีจะยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้รองรับตามกฎหมายและใช้จ่ายเป็นสกุลเงินหลัก แต่คนดังหลายคน และหลายบริษัท ก็ให้การยอมรับ และรับจ่ายเงินด้วยสกุลดิจิทัลกันมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดคริปโตฯ ยังเป็นความหวังและโอกาสของคนรุ่นใหม่ ในการสร้างเนื้อสร้างตัว เพราะมันพิสูจน์มาแล้วว่า มันสามารถเปลี่ยนเงินหมื่นเป็นเงินล้านได้จริง จากความผันผวนที่เกิดขึ้นจากหลายปัจจัยที่กล่าวมา
แต่อย่าลืม ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ
อ้างอิงข้อมูลจาก